Canada
เรียนต่ออเมริกา
ออกเดินทาง เรียนรู้โลกกว้าง ศึกษาต่อในอเมริกากับ KPG (ก้อปันกัน)
➤ High School Completion (in College)
➤ 2+2 University Transfer
➤ Applied Degree (ปริญญาเฉพาะทาง)
➤ Bachelor’s Degree in University
➤ Professional Certificate (ประกาศนียบัตร)
➤ Master’s Degree (ปริญญาโท)
➤ English Programs (เรียนภาษาอังกฤษ)
5 เหตุผลทำไมต้องเรียนต่ออเมริกา ?
สำหรับใครก็ตามที่สนใจเรียนต่อต่างประเทศในระดับอุดมศึกษาแล้ว ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก ด้วยความน่าเชื่อถือในคุณภาพและมาตรฐานด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา และแน่นอนว่าเหตุผลในการเลือกเรียนในประเทศอเมริกานั้นอาจจะต่างกันออกไปตามแแต่ละบุคคล ก้อปันกัน (KPG) ในฐานะผู้ร่วมผลักดันให้คำปรึกษาและบริการด้านการศึกษาต่ออเมริกามาอย่างยาวนาน เราขอยุบรวบทั้งเหตุผลและรวมถึงข้อดีที่นักเรียน/นักศึกษาวางหมุดหมายสู่ประเทศสหรัฐอเมริกามาให้อ่านกัน!
-
ความน่าเชื่อถือและคุณภาพการศึกษา
เมื่อพูดถึงเรื่องคุณภาพการศึกษาแล้วที่สหรัฐฯ สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ล้วนทุ่มสุดตัวเพื่อให้ห้องเรียนกลายเป็นพื้นที่สร้างประสบการณ์ห้องเรียนที่ดีที่สุด มาพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยตามทันทุกการเปลี่ยนแปลง และสหรัฐอเมริกายังเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและการวิจัยหลายด้านที่น่าเชื่อถืออีกด้วย ระหว่างเรียนที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีและการวิจัยขั้นสูง และยังมีอุปกรณ์พร้อมซัพพอร์ตเตรียมพร้อมเปิดกว้างให้ผู้เรียนใช้ห้องปฏิบัติการและทรัพยากรที่แตกต่างกันตามสาขาที่เรียน เรียกได้ว่าประสบการณ์การเรียนที่จะได้พบนั้นมาในแบบฉบับอัปเดตล่าสุดและทันสมัยที่สุดที่พร้อมให้คุณเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
-
การศึกษาและเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน
แน่นอนว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุดนอกจากศึกษาจากในตำราแล้วคือการลงมือปฎิบัติจริง และสถาบันการศึกษาอเมริกาก็ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาและเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนอย่างมาก ทำให้ในอเมริกามีโอกาสมากมาย ทั้งให้ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือศาสตราจารย์โดยการเป็นผู้ช่วยสอนซึ่งอาจารย์ก็จะช่วยในด้านเงินทุนในการศึกษา และยังช่วยในการขยายความรู้และชุดทักษะ นอกจากนี้นักศึกษาสามารถช่วยเหลืออาจารย์ในการทำวิจัยเกี่ยวกับโครงงานต่าง ๆ และยังเปิดโอกาสให้ได้ทดลองทำงานในสาขาที่เลือกเรียนอีกด้วย
-
ความหลากหลายที่จะได้ค้นพบ
บรรยากาศในสถานศึกษาในสหรัฐอเมริกานั้นเต็มไปด้วยความหลากหลาย ซึ่งจะช่วยทำให้คุณสบายใจได้มากขึ้นเมื่อมีคนที่มาจากวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความคิดและมุมมองใหม่ ๆ ที่จะสามารถแบ่งปันกันได้ ดังนั้น การเรียนต่อต่างประเทศในอเมริกาจะเพิ่มมิติใหม่ ไม่เพียงแต่ทำให้คุณเห็นวัฒนธรรมของสหรัฐฯ แต่ยังรวมถึงภาษาและความเชื่อของผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติทั่วโลก ที่มีความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรม
-
ขยายเส้นทางและโอกาสในการทำงานที่มากขึ้น
ไม่เพียงแต่ให้ใบปริญญาและใบรับรองที่การเรียนต่ออเมริกาจะให้คุณได้ แต่ประสบการณ์จากการศึกษาที่อเมริกาจะบ่งบอกว่าคุณเป็นใคร คุณคือผู้ที่ผ่านการใช้ชีวิตและเรียนในประเทศอื่นเรียนรู้วัฒนธรรมภาษาที่สอง สาม หรือสี่ ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ท้าทาย ต้องใช้ความกล้าหาญและทัศนคติที่ดี และในบางครั้งคุณลักษณะเหล่านี้มีผลดีมากกว่าปริญญาของคุณ รวมถึงการที่มี Degree นี้ใส่ใน resume เชื่อว่าจะเป็นแต้มต่อและขยายเส้นทางและโอกาสในการทำงานที่มากขึ้นอย่างแน่นอน
-
ที่นี่มีพื้นที่สำหรับสนับสนุนทุกคน
สำหรับในมุมนักศึกษาต่างชาติสิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าอาจจะหวาดหวั่นอยู่ลึก ๆ คือการเป็นผู้ต่างถิ่นจะได้รับการปฎิบัติดูแลที่แตกต่างกันหรือไม่ แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าในประเทศที่เต็มไปด้วยความหลากหลายจากการมีผู้คนมากมายเลือกเป็นจุดหมายในการเพิ่มโอกาสให้กับชีวิตแล้ว สถาบันการศึกษาในอเมริกาเองจึงพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อเตรียมนักเรียนต่างชาติให้พร้อมสำหรับชั้นเรียน ผ่านเวิร์กช็อปต่าง ๆ หลักสูตรฝึกภาษาอังกฤษ ปฐมนิเทศ และการฝึกอบรมต่าง ๆ นักศึกษาต่างชาติจะได้รับความช่วยเหลือมากมายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียน
หลักสูตรเรียนต่ออเมริกา
แนะนำหลักสูตรการเรียนต่ออเมริกาในระดับอุดมศึกษา (Post Secondary Education)
สำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อให้จบมัธยมปลาย อนุปริญญาหรือปริญญาตรีในอเมริกา
ความเชี่ยวชาญหลักของ KPG ในการให้คำปรึกษาและบริการเรียนต่ออเมริกาในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ซึ่งทีมงานของเรามีประสบการณ์ตรง รวมถึง หลักสูตร University Transfer (ระดับปริญญาตรีในวิทยาลัย เพื่อการโอนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเพื่อจบปริญญาตรี) High School Completion (หลักสูตรมัธยมปลายในวิทยาลัย) และ Applied Degree (หลักสูตรการเรียนเฉพาะทางในระดับ Undergraduate)
สำหรับนักเรียนที่มีอายุ 16 ปี หรือมากกว่า ที่ต้องการ
- ย่นระยะเวลาเรียน ในการจบมัธยมปลาย
- จบมัธยมปลายจากอเมริกา
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ในการเรียนต่ออเมริกา
จะสามารถจบจากวิทยาลัยได้หน่วยกิตปี 1-2 ของระดับปริญญาตรี และวุฒิมัธยมปลาย (High School Diploma) ได้ภายใน 2 ปีการศึกษา
อ่านเพิ่มเติมเรียน 2 ปีในวิทยาลัย และโอนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย 2 ปี เพื่อจบปริญญาตรี ทางเลือกที่คุ้มค่า ประหยัด เหมาะสมสำหรับนักศึกษานานาชาติ
Community College มีจำนวนนักเรียนต่อห้องเฉลี่ย 20-30 คน มีค่าเล่าเรียนในอัตราที่ประหยัด และมีแผนกบริการดูแลนักเรียนนานาชาติโดยเฉพาะ KPG การันตีโอกาสในการเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยต่อ 100% และมีความเป็นไปได้ที่จะโอนเข้าศึกษาต่อ Top University ในอเมริกา
อ่านเพิ่มเติมเรียนต่ออเมริการะดับ Undergraduate แบบประยุกต์ หรือเรียกได้ว่าเฉพาะทางเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะและประสบการณ์สำหรับการทำงานในวิทยาลัยของรัฐบาล เน้นเตรียมพร้อมทำงาน หลังจบการศึกษา
หลักสูตรการเรียนมุ่งเน้นการศึกษาเฉพาะทาง แบ่งเป็นระดับอนุปริญญา (Applied Associate) เรียน 2 ปี และปริญญาตรี (Applied Bachelor) ซึ่งจะใช้เวลาเรียนเพิ่มอีก 2 ปีหลังจากอนุปริญญา
อ่านเพิ่มเติมบริการสมัครเรียนต่ออมหาวิทยาลัย (University) ในระดับปริญญาตรีที่อเมริกา สำหรับนักเรียนที่
• กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลาย
• กำลังศึกษาอยู่ในหลักสูตร 2+2 University Transfer กับวิทยาลัยในอเมริกา หรือ
• กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยในประเทศไทย
โดยมีความต้องการสมัครเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยให้จบ Bachelor’s Degree ในอเมริกา
สำหรับนักศึกษาที่จบปริญญาตรีแล้ว และวัยทำงาน
เราให้บริการเรียนต่อในหลักสูตรประกาศนียบัตรเฉพาะทาง (Professional Certificate) และหลักสูตรปริญญาโท (Master’s Degree) สำหรับการศึกษาต่อเพื่อการพัฒนาความรู้และทักษะ เพื่อเพิ่มศักยภาพ โอกาสและความสามารถในการทำงาน
หลักสูตรประกาศนียบัตรเฉพาะทาง เพื่อพัฒนาทักษะ ความรู้สำหรับการประกอบวิชาชีพ หรือการทำงานด้วยองค์ความรู้และทักษะที่เป็นปัจจุบัน
พร้อมโอกาสรับประกาศนียบัตรหรือวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่มีชื่อเสียง และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วสามารถทำงานในอเมริกา ด้วย OPT ในอเมริกาได้อย่างถูกกฎหมายขั้นต่ำ 1 ปี
ใช้เวลาเรียนประมาณ 2 ปี เพื่อการพัฒนาความรู้และทักษะ เพื่อเพิ่มศักยภาพ โอกาสและความสามารถในการทำงานในสาขายอดนิยมของนักศึกษาไทย ได้แก่ ด้าน Business ซึ่งจะมีวิชาเอก (Concentration) ให้เลือก อาทิ Business (MBA), Computer Science & Information Technology, Data Science and Analytic, Engineering, Education และ Public Health เป็นต้น
สำหรับบุคคลที่ต้องการไปเรียนเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ
เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสำหรับการใช้งานทั่วไป (ESL / General English) สำหรับการเตรียมตัวศึกษาต่อ (Academic English) เพื่อการทำงาน (Business English) ซึ่งเปิดสอนในเมืองต่างๆของอเมริกา รวมถึง Boston, Portland (Oregon), Seattle, New York, San Diego, San Francisco, Irvine และ Los Angeles
อ่านเพิ่มเติมวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในอเมริกา
สถาบันการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ก้อปันกันเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการ
กรุณาเลือก tab เพื่อการแสดงผล
ตัวเลือกตามหมวดหมู่ที่สนใจด้านล่าง
สำหรับคำถามที่คุณอาจมีว่า
เรียนต่ออเมริกาจะต้องใช้อะไรบ้าง? และดำเนินการอย่างไร?
ในบทความเรียนต่ออเมริกาใช้อะไรบ้าง?
เราได้สรุปไว้ให้แล้วครับ
ทำไมต้องเรียนต่ออเมริกากับ KPG
ก้อปันกัน (KPG) ให้คำปรึกษาและบริการสมัครเรียนอเมริกา เรามีประสบการณ์ตรง ทั้งในการศึกษาและการทำงานใน college อเมริกา เราจึงสามารถแนะนำได้ลึก และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ได้อย่างแน่นอน
3 สิ่งที่ก้อปันกันรับรอง
- ข้อมูลที่ครบถ้วน: ให้ท่านได้ศึกษา ค้นหาตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเองได้เป็นอย่างดี เพื่อการเลือกสถาบันและหลักสูตรที่เหมาะสม
- คำปรึกษาที่จริงใจ: คำนึงถึงเงื่อนไข และความต้องการของผู้ใช้บริการเป็นหลัก เพื่อให้คำปรึกษาและแนะนำเป็นรายบุคคล
- บริการที่วางใจได้: ชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายอย่างตรงไปตรงมา มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ใช้บริการตั้งแต่ต้น รวมถึงช่วงเวลาที่เดินทางไปแล้ว
สำหรับอีกหนึ่งคำถามที่คุณอาจมีว่า
สมัครเรียนต่ออเมริกาด้วยตนเอง หรือใช้บริการของ KPG?
หากยังไม่แน่ใจว่าจะสมัครเอง หรือให้เอเจนซี่บริการ
สามารถอ่านสรุปเปรียบเทียบระหว่างการดำเนินการเองและการใช้บริการของ KPG ได้เลยครับ
ติดต่อเรียนต่ออเมริกา
ติดต่อขอรับข้อมูลและคำปรึกษาเกี่ยวกับการศึกษาต่ออเมริกา
Blog & News
บทความและอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับการเรียนต่ออเมริกา
รีวิวเรียนต่ออเมริกา โดยซิดนีย์ เริ่มต้นชีวิตใน college อายุ 16 ปี โอนศึกษาต่อป.ตรีที่ UC Berkeley
รีวิวเรียนต่อป.ตรีอเมริกา กับ Shoreline Community College โดยซิดนีย์ เริ่มต้นชีวิตใน college อายุ 16 ปี โอนศึกษาต่อที่ UC Berkeley
อ่านต่อประสบการณ์เรียนต่อวิทยาลัย Shoreline โอนศึกษาต่อ University of Washington โดย ทิศา
ประสบการณ์เรียนต่อ Shoreline Community College หลักสูตร High School Completion และ University Transfer โอนศึกษาต่อ University of Washington
อ่านต่อ[รีวิว] ประสบการณ์ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ Lewis-Clark State College โดย เป้ง
"เป้ง" ตัวแทนประเทศไทย โครงการ Global UGRADs 2017-2018 ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ LCSC รัฐ Idaho เป็นระยะเวลา10 เดือน
อ่านต่อ[รีวิว] จากนักเรียนไฮสคูลอินเดียสู่การเรียนที่ Santa Monica College ในอเมริกา โดย เออ
ประสบการณ์เรียนต่อสถาบัน Santa Monica College หลักสูตร 2+2 เตรียม transfer เข้ามหาวิทยาลัยในอเมริกา โดย เออ
อ่านต่อ[รีวิว] ประสบการณ์การเรียนใน Green River College เพื่อเตรียมเรียนต่อการบิน โดย เจมส์
ประสบการณ์เรียนสาขาการบิน Green River College หลักสูตร : High School Completion Major : Aviation รีวิว โดย เจมส์
อ่านต่อ[รีวิว] ประสบการณ์เด็กไทยไปเรียนภาษาอังกฤษที่ PELA : Portland เมืองฮิปสเตอร์ โดย เบล
ประสบการณ์เด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษที่ PELA Portland หลักสูตร ESL และ IELTS ระยะเวลา 7 เดือน รีวิว โดย เบล
อ่านต่อ[รีวิว] ชีวิตนักเรียนไทย กับการเรียนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย CSUDH ที่ไม่มีเพื่อนคนไทย โดย ตัง
ประสบการณ์เรียนภาษาในอเมริกากับ California State University Dominguez Hills เพื่อเตรียมเรียนต่อปริญญาโท รีวิว โดย ตัง
อ่านต่อสัมภาษณ์โตน เรียนต่อ ป.โท อเมริกา ที่ Valparaiso University รัฐ Indiana
ประสบการณ์เรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาที่ Valparaiso University รัฐ Indiana ด้าน International Commerce and Policy โดย โตน
อ่านต่อประสบการณ์เรียนและทำงานที่ DVC ได้ดีเพราะ Community College โดย ก้อง
ประสบการณ์เรียนและทำงานที่อเมริกาใน Community College DVC สาขา Political Science โดย ก้อง
อ่านต่อ3 เรื่องสำคัญก่อนตัดสินใจไปเรียนต่ออเมริกา
ทำความเข้าใจสิ่งที่ต้องพิจารณา
อย่าเพิ่งตัดสินใจเรียนต่อที่อเมริกาหากคุณยังไม่ได้พิจารณาสิ่งเหล่านี้
- Location : สถาบันที่เรียน เพราะการไปเรียนอยู่ที่พื้นที่นั้น ๆ เป็นเวลาหนึ่งปี หรือมากกว่านั้นการเลือกสถานที่ที่เหมาะและตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์นั้นจึงถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการค้นหาและเลือกสถาบัน ก่อนเลือกสถาบันใดก็ตามควรจะตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า เราต้องการใช้ชีวิตในเมืองขนาดใหญ่ มีชีวิตที่รวดเร็ว ผู้คนมากมาย หรือชานเมืองที่เป็นย่านพักอาศัยของผู้คน สามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้ ไม่วุ่นวาย หรือเมืองขนาดเล็กที่มีความเป็นชุมชน มีกิจกรรมร่วมกัน ก็อาจช่วยในการพิจารณาเลือกสถาบันการศึกษา ที่เหมาะกับเราความเป็นอยู่ของเราได้
- Area of study : สาขาการเรียนที่สนใจ เพราะไม่ใช่ทุกสถาบันที่จะเปิดสอนในสาขาที่คุณสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการศึกษาต่อในช่วงชั้นปีที่ 3-4 ของหลักสูตรปริญญาตรี เพื่อจะได้ศึกษาในเชิงลึกของสาขาการเรียน (major) ที่เราสนใจ หรือที่เราเรียกว่า Concentration ซึ่งในส่วนนี้จะมีความแตกต่างกันตามแต่ละสถาบัน
- Ranking : การจัดลำดับมหาวิทยาลัย เพราะการจัดลำดับมหาวิทยาลัยนั้นก็ผ่านกระบวนการตัดสินใจมาในระดับที่ดีระดับหนึ่ง จึงสามารถนำมาใช้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยช่วยให้เราพิจารณาเลือกสถาบัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรพิจารณาจากด้านอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยการเลือกแหล่งข้อมูลแนะนำนั้นก็สำคัญ สำหรับการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ranking แนะนำ ดังนี้ U.S. News Ranking, Best Graduate School Ranking และสำหรับผู้ติดตามก้อปันกันและสนใจการเรียนต่อสามารถเข้าไปพิจารณาสถาบันได้ที่ Community college อเมริกา แต่ก้อปันกันไม่มีการจัด ranking เหมือนมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย 4 ปี โดยจะเลือกสถาบันจากที่ตั้ง บริการและสาขาการเรียนที่สนใจเป็นหลัก
ทำความเข้าใจ College V.S. University
หลายคนคงเคยได้ยินสองคำนี้มาพอ ๆ กัน แต่อาจจะยังสับสนว่าจะแยกความแตกต่างอย่างไร ทั้งนี้จะบอกว่าความแตกต่างจะขึ้นอยู่ประเทศนั้น ๆ ด้วยนะ แต่สำหรับวัฒนธรรมอเมริกาที่หลังจบจาการะดับมัธยมปลายแล้วมักจะใช้วลีว่า “Going to college” มากกว่า “Going to university” เราจะพามาทำความเข้าใจว่า College และ University ต่างกันที่ตรงไหนกัน!
สำหรับความแตกต่างระหว่าง College และ University ในอเมริกาที่สำคัญและชัดเจนที่สุด คือ ขนาดของสถานศึกษา กล่าวคือ มหาวิทยาลัยมักจะเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรี (undergraduate) ปริญญาโท (graduate) และปริญญาเอก (doctorate) มหาวิทยาลัยจึงหมายถึงสถาบันที่มีหลายระดับการศึกษาตั้งอยู่ภายใน เช่น a School of Business, College of Liberal Arts and Sciences, a School of Engineering และอื่น ๆ ทำให้มหาวิทยาลัยส่วนมาก (โดยเฉพาะ public university) มักจะมีจำนวนนักศึกษามากกว่าวิทยาลัย
ในขณะที่วิทยาลัย หรือ College โดยทั่วไปจะเปิดสอนถึงแค่หลักสูตรปริญญาตรี วิทยาลัยบางส่วนได้เปิดสอนหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขาต่าง ๆ อาทิ Dartmouth College และ Boston College ซึ่งเลือกที่จะไม่ใช้คำว่า university เพียงเพราะต้องการที่จะรักษาความเป็นแบบฉบับที่ดั้งเดิมเอาไว้
ส่วนวิทยาลัยอีกส่วนหนึ่ง อาทิ Community college อาจเปิดสอนและออกวุฒิการศึกษา 2 ปี ที่เรียกว่า associate degree เท่านั้น และยังมีวิทยาลัยอีกกลุ่มหนึ่งเป็น Liberal arts college จัดหลักสูตรการศึกษาที่เปิดกว้างแบบสหวิทยาการ รวบรวมการศึกษาในภาคแขนงต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน นั่นหมายถึงว่าไม่ได้เน้นจัดการศึกษาเฉพาะทางในด้านใดด้านหนึ่งแต่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้และความสามารถแบบองค์รวมหรือรู้รอบครอบคลุมนั่นเอง
รู้จักระบบการทำงานและการจ้างงาน
เรียนอยู่สามารถทำงานได้ไหม ? คำถามนี้ได้ยินบ่อย ๆ คำตอบ คือ หากจะเรียนและทำงานไปด้วยควรจะต้องรู้จักระบบการทำงานและการจ้างงานของอเมริกา
เพราะในส่วนของการทำงานและจ้างงานสำหรับผู้ที่ถือวีซ่านักเรียน (F-1) ตามระเบียบและกฎหมายแล้ว นักเรียนไม่สามารถที่จะทำงานที่ได้รับค่าตอบแทนได้ นอกเสียจาก 2 กรณี ได้แก่
- การทำงานในสถานศึกษา โดยมีสถานศึกษาเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำงานได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมง/ สัปดาห์ *อิงจาก U.S. Immigration and Custom Enforcement
- การทำงานนอกสถานศึกษา โดยต้องสมัครเข้าร่วมโครงการ Curricular Practical Training (CPT) ในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ หรือ ทำงานหลังจากที่จบการศึกษาในโครงการ Optional Practical Training (OPT) ระยะเวลา 1-2 ปี (2 ปีสำหรับหลักสูตร STEM) ทั้งนี้จะสามารถทำได้สำหรับผู้เรียนที่ศึกษาในหลักสูตรเพื่อวุฒิการศึกษา (degree seeking students) กล่าวคือ ไม่รวมการเรียนภาษา *รายละเอียดเพิ่มเติมที่ U.S. Immigration and Custom Enforcement
เรียนต่ออเมริกา
คำถามที่พบบ่อย
Consultation
สำหรับการศึกษาต่อในประเทศอเมริกากับก้อปันกัน ทีมงานของเราจะช่วยดูแล แนะนำและดำเนินการสมัครขอรับทุนให้ได้ หากสถาบันที่สมัครเข้าเรียนนั้นมีทุนให้กับนักศึกษาต่างชาติ ทั้งนี้ทุนการศึกษาโดยทั่วไปอาจจะช่วยลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้เพียงบางส่วนเท่านั้น (ประมาณ 5-15% ของค่าเล่าเรียน *ขึ้นอยู่กับสถาบัน)
ดังนั้นผู้สมัครจำเป็นที่จะต้องมี sponsor หรือบุคคล/องค์กร/หน่วยงาน ที่เป็นผู้ดูแลและสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตและการศึกษาต่อ
อย่างไรก็ตามหากสนใจอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทุนการศึกษาของหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ สามาารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ทุนการศึกษา - เรียนต่ออเมริกา
ไม่ว่าคุณเพิ่งเริ่มจะมีความสนใจ หรือกำลังวางแผนที่จะเรียนต่อต่างประเทศ และอาจจะไม่แน่ใจว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร? จะเลือกสถาบันอย่างไรดี? โดยเฉพาะอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยรวมกันมากกว่า 4,000 สถาบัน … เราแนะนำ 4 ปัจจัยพื้นฐานที่ควรคำนึงถึง ได้แก่ ที่ตั้ง สาขาการเรียน ranking และค่าใช้จ่ายในการค้นหาข้อมูลและวางแผนสำหรับการเรียนต่ออเมริกา คุณสามารถอ่านคำแนะนำเพิ่มเติมได้ในบทความนี้
หากคุณมีแพลนที่จะศึกษาต่ออเมริกา และมีคำถามว่าจะต้องสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ (IELTS หรือ TOEFL) ไหม? คำตอบของเราอาจจะยาว แต่รับรองความถูกต้อง !
คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับหลักสูตร (program) ที่สมัครเข้าเรียน
หากคุณสมัครไปเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ โดยปกติแล้วสถาบันจะไม่บังคับให้คุณยื่นผลคะแนนสอบ TOEFL หรือ IELTS ดังนั้นหากไม่มีผลสอบวัดระดับภาษา ก็สามารถสมัครเข้าเรียนได้ ทั้งนี้ผู้สมัครจะต้องทำการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษก่อนที่จะลงทะเบียนเรียน และผลสอบจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ผู้สมัตรจะต้องเรียนภาษาอังกฤษเป็นระยะเวลากี่เทอมหรือกี่เดือน
หากคุณสมัครไปเรียนหลักสูตรเพื่อวุฒิการศึกษา เช่น หลักสูตรใน high school, college หรือ university จะมีความเป็นไปได้ 2 อย่าง คือ
1) สถาบันบังคับให้คุณมีผลสอบวัดระดับภาษา TOEFL หรือ IELTS ที่ถึงเกณฑ์ เพื่อใช้ประกอบในการยื่นสมัครเข้าเรียน
2) สถาบันไม่บังคับให้คุณใช้ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษประกอบการสมัครเข้าเรียน ในกรณีนี้ โดยทั่วไปแล้วจะเป็นไปได้กับสถานศึกษาที่มีหลักสูตรการเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษของสถาบัน ดังนั้น ผู้สมัครสามารถเลือกที่จะยื่นผลสอบวัดระดับภาษาในการสมัครหรือไม่ก็ได้
ทั้งนี้ทีมงานของก้อปันกันขอแนะนำให้บุคคลที่มีแผนการจะสมัครเรียนเพื่อวุฒิการศึกษาในอเมริกาเตรียมตัวพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และทำการสอบวัดระดับภาษา เพื่อใช้ประกอบในการสมัครเข้าเรียน (โดยอาจจะยื่นผลสอบพร้อมการสมัคร หรือยื่นตามในภายหลังของการสมัครก็ได้ *ขึ้นอยู่กับสถาบันที่จะสมัครเข้าเรียน) เพื่อที่จะได้ลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธคำร้องขอวีซ่า และความสะดวกและชัดเจนในการวางแผนการศึกษา (ให้ไม่ต้องใช้เวลาเรียนปรับภาษาในขณะที่อยู่ในอเมริกานานจนเกินไป)
โอกาสที่จะผ่านวีซ่าเป็นหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยจากผู้ที่สนใจศึกษาต่ออเมริกา ซึ่งเราขอชี้แจงว่า เราไม่มีนโยบายที่จะรับรองผลการสัมภาษณ์วีซ่าได้ (ไม่มีบุคคลหรือองค์กรใดที่สามารถทำได้) เนื่องจากการพิจารณาอนุมัติผลการสมัครขอวีซ่าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ผู้สมัคร
ทั้งนี้ทีมงานของก้อปันกันสามารถที่จะให้คำปรึกษา เพื่อช่วยประเมินความเป็นไปได้ การเตรียมเอกสารและการเตรียมตัวสัมภาษณ์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
Admission
สำหรับการเตรียมตัวสมัครเข้าเรียนต่ออเมริกา ทีมงานของก้อปันกันขอแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่
1) การเตรียมเอกสารสำหรับการสมัคร
โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครควรจะต้องเตรียม a) passport ที่มีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน, b) ใบแสดงผลการเรียนชั้นการศึกษาสูงสุดที่จบ (transcript), c) เอกสารรับรองการจบการศึกษา หรือการเป็นนักเรียน/นักศึกษา *กรณีที่ยังคงศึกษาอยู่, d) เอกสารรับรองสถานะทางการเงินของผู้สนับสนุนทางการเงิน (Bank Guarantee Letter) ที่มียอดเงินคงเหลือมากกว่ายอดค่าใช้จ่ายที่กำหนดโดยสถาบัน ซึ่งควรจะออกมาไม่เกิน 3 เดือนก่อนวันที่ดำเนินการสมัคร
*ทั้งนี้สำหรับการสมัครเข้ารับการศึกษาในบางสถาบันและบางหลักสูตร จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน และอาจมีเอกสารอื่นที่ต้องใช้เพิ่มเติม ขอให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ของเรา และเอกสารทั้งหมดควรจะเป็นภาษาอังกฤษ
2) การเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษ
ผู้สมัครที่สมัครเพื่อศึกษาในหลักสูตรเพื่อวุฒิการศึกษาจะต้องสอบวัดระดับภาษา และจะต้องสัมภาษณ์ขอวีซ่ากับเจ้าหน้าที่กงสุลที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร ดังนั้นการเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสัมภาษณ์ การสอบวัดระดับภาษา รวมถึงการใช้งานเชิงวิชาการ (Academic English) เป็นสิ่งที่ควรเตรียมตัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากยิ่งเตรียมตัวได้มากเท่าไหร่ ก็จะเป็นผลดีต่อทุกๆก้าวของผู้สมัครเองทั้งในส่วนของการดำเนินการก่อนเดินทาง และประสบการณ์การศึกษาในต่างประเทศ
3) การเตรียมตัวด้านระยะเวลา
โดยทั่วไปแล้ว สถาบันการศึกษาเปิดให้สมัครเข้าเรียนล่วงหน้าได้ 1 ปี ก่อนวันที่จะเริ่มเรียน และแต่ละสถาบันและหลักสูตรจะมี deadline คือวันที่กำหนดให้ดำเนินการสมัคร หรือส่งเอกสารต่างๆที่แตกต่างกันออกไป ขอให้ตรวจสอบและเช็คกับเจ้าหน้าที่ของก้อปันกัน ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้ว เราแนะนำให้ดำเนินเรื่องสมัครเข้าเรียนล่วงหน้า 4-8 เดือนก่อนวันเริ่มเรียนของเทอมที่จะสมัครเข้าเรียน (ในบางกรณี เราอาจจะช่วยดำเนินการสำหรับเคสที่สมัคร 1-2 เดือนก่อนวันเริ่มเรียนได้)
สำหรับการศึกษาต่ออเมริกา ก้อปันกันมีบริการครบวงจร โดยไม่คิดค่าบริการ รวมถึง
- การให้คำปรึกษาในการเลือกหลักสูตรและสถานศึกษาที่เหมาะสมกับผู้สมัคร
- การดำเนินการสมัครเข้าเรียน และสมัครขอทุน (หากมี) พร้อมติดตามผล
- การดำเนินการสมัครขอวีซ่า พร้อมแนะนำในการเตรียมเอกสาร และการเตรียมตัวสัมภาษณ์
- การดำเนินการจัดหาที่พัก สำหรับที่พักที่เป็นตัวเลือกของสถานศึกษาที่สมัครเข้าเรียน อาทิ หอพัก หรือที่พักกับ host family
- การให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อการเตรียมตัวก่อนเดินทาง
- การติดตาม ดูแล ให้คำปรึกษาในขณะที่กำลังศึกษา
สามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการบริการศึกษาต่ออเมริกาได้ที่นี่
สำหรับผู้สมัครที่สมัครเข้าศึกษาต่อในสถาบันก้อปันกันเป็นตัวแทนในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้บริการของก้อปันกัน หากผู้สมัครเตรียมเอกสารและมีเงื่อนไขตรงตามที่สถาบันกำหนดไว้ โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครจะไม่ได้รับการปฏิเสธโดยสถาบัน แต่ถ้าหากการสมัครเข้าศึกษาในสถาบันใดที่มีโอกาสจะถูกปฏิเสธ ทีมงานของเราจะแจ้งให้ผู้สมัครทราบล่วงหน้า
สำหรับการใช้บริการศึกษาต่อเมริกากับก้อปันกัน ผู้สมัครจะไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ และค่าใช้จ่ายจะเป็นไปตามอัตราที่ผู้สมัครต้องชำระตามจริง โดยการชำระค่าใช้จ่ายจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
1) การสมัครเข้าเรียนและสมัครขอวีซ่า: สำหรับค่าสมัครจะคำนวณตามที่สถานศึกษากำหนด และสำหรับค่าวีซ่าจะคำนวณตามที่สถานฑูตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด ผู้สมัครชำระตามใบแจ้งหนี้ (invoice) ที่เราออกให้ถึงบจก.ก้อปันกัน โดยทีมงานของเราจะออกหลักฐานการรับเงินให้ ซึ่งเราจะรับมาเพื่อทำการชำระต่อให้กับผู้สมัคร
*ทั้งนี้ก้อปันกันจะจัดเก็บค่ามัดจำในการดำเนินการ 5,000 บาท ซึ่งจะคืนให้เต็มจำนวน สำหรับผู้สมัครที่ผ่านการสัมภาษณ์ขอวีซ่า และเดินทางไปเรียนในสถาบันและหลักสูตรที่ามัครเรียนไว้แล้ว
2) การสมัครในการจัดหาที่พัก: สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจรวมถึงค่าธรรมเนียมการจัดหาที่พัก ค่ามัดจำหอพัก ค่าบริการรับ-ส่งจากสนามบิน โดยจะคำนวณตามที่สถานศึกษานั้นๆกำหนด แต่ละสถานจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ผู้สมัครชำระตามใบแจ้งหนี้ (invoice) ที่เราออกให้ถึงบจก.ก้อปันกัน โดยทีมงานของเราจะออกหลักฐานการรับเงินให้ ซึ่งเราจะรับมาเพื่อทำการชำระต่อให้กับผู้สมัคร
*ทั้งนี้ก้อปันกันไม่บังคับให้ผู้สมัครใช้บริการจัดหาที่พักของสถาบัน
3) ค่าเล่าเรียน ค่าที่พักและค่าธรรมเนียมอื่นๆ: ผู้สมัครสามารถชำระค่าเล่าเรียน ค่าที่พักและค่าธรรมเนียมอื่นๆที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษาที่เข้ารับการศึกษาได้โดยตรง โดยไม่ต้องชำระผ่านบริษัทของเรา และจะชำระเป็นอัตราเดียวกับการสมัครเข้าศึกษาด้วยตนเอง (ไม่ได้ผ่านบริษัท)
Student Life
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat.
สำหรับผู้ที่ถือวีซ่านักเรียน (F-1) ตามระเบียบและกฎหมายแล้ว นักเรียนไม่สามารถที่จะทำงานที่ได้รับค่าตอบแทนได้ นอกเสียจาก 2 กรณี ได้แก่
1) การทำงานในสถานศึกษา โดยมีสถานศึกษาเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำงานได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมง/ สัปดาห์ *อิงจาก U.S. Immigration and Custom Enforcement
2) การทำงานนอกสถานศึกษา โดยต้องสมัครเข้าร่วมโครงการ Curricular Practical Training (CPT) ในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ หรือ ทำงานหลังจากที่จบการศึกษาในโครงการ Optional Practical Training (OPT) ระยะเวลา 1-2 ปี (2 ปีสำหรับหลักสูตร STEM) ทั้งนี้จะสามารถทำได้สำหรับผู้เรียนที่ศึกษาในหลักสูตรเพื่อวุฒิการศึกษา (degree seeking students) กล่าวคือ ไม่รวมการเรียนภาษา *รายละเอียดเพิ่มเติมที่ U.S. Immigration and Custom Enforcement