ตอบคำถามที่พบบ่อย

เพื่อตอบคำถามที่มักจะพบบ่อยจากการสอบถามของผู้สนใจเรียนต่อต่างประเทศ เราได้รวบรวมและอัพเดทคำถาม-คำตอบให้กับทุกท่านได้อ่านเบื้องต้นด้วยตนเอง โดยแบ่งตามหมวดหมู่ของประเทศไว้ ณ ที่นี่

เรียนต่ออเมริกา

คำถามที่พบบ่อย

มีทุนการศึกษาไหม?

สำหรับการศึกษาต่อในประเทศอเมริกากับก้อปันกัน  ทีมงานของเราจะช่วยดูแล แนะนำและดำเนินการสมัครขอรับทุนให้ได้ หากสถาบันที่สมัครเข้าเรียนนั้นมีทุนให้กับนักศึกษาต่างชาติ ทั้งนี้ทุนการศึกษาโดยทั่วไปอาจจะช่วยลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้เพียงบางส่วนเท่านั้น (ประมาณ 5-15% ของค่าเล่าเรียน *ขึ้นอยู่กับสถาบัน)

ดังนั้นผู้สมัครจำเป็นที่จะต้องมี sponsor หรือบุคคล/องค์กร/หน่วยงาน ที่เป็นผู้ดูแลและสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตและการศึกษาต่อ

อย่างไรก็ตามหากสนใจอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับทุนการศึกษาของหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ สามาารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ทุนการศึกษา - เรียนต่ออเมริกา

ไม่ว่าคุณเพิ่งเริ่มจะมีความสนใจ หรือกำลังวางแผนที่จะเรียนต่อต่างประเทศ และอาจจะไม่แน่ใจว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร? จะเลือกสถาบันอย่างไรดี? โดยเฉพาะอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยรวมกันมากกว่า 4,000 สถาบัน …  เราแนะนำ 4 ปัจจัยพื้นฐานที่ควรคำนึงถึง ได้แก่ ที่ตั้ง สาขาการเรียน ranking และค่าใช้จ่ายในการค้นหาข้อมูลและวางแผนสำหรับการเรียนต่ออเมริกา คุณสามารถอ่านคำแนะนำเพิ่มเติมได้ในบทความนี้

หากคุณมีแพลนที่จะศึกษาต่ออเมริกา และมีคำถามว่าจะต้องสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ (IELTS หรือ TOEFL) ไหม? คำตอบของเราอาจจะยาว แต่รับรองความถูกต้อง !

คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับหลักสูตร (program) ที่สมัครเข้าเรียน

หากคุณสมัครไปเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ โดยปกติแล้วสถาบันจะไม่บังคับให้คุณยื่นผลคะแนนสอบ TOEFL หรือ IELTS ดังนั้นหากไม่มีผลสอบวัดระดับภาษา ก็สามารถสมัครเข้าเรียนได้ ทั้งนี้ผู้สมัครจะต้องทำการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษก่อนที่จะลงทะเบียนเรียน และผลสอบจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ผู้สมัตรจะต้องเรียนภาษาอังกฤษเป็นระยะเวลากี่เทอมหรือกี่เดือน

หากคุณสมัครไปเรียนหลักสูตรเพื่อวุฒิการศึกษา เช่น หลักสูตรใน high school, college หรือ university จะมีความเป็นไปได้ 2 อย่าง คือ

1) สถาบันบังคับให้คุณมีผลสอบวัดระดับภาษา TOEFL หรือ IELTS ที่ถึงเกณฑ์ เพื่อใช้ประกอบในการยื่นสมัครเข้าเรียน

2) สถาบันไม่บังคับให้คุณใช้ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษประกอบการสมัครเข้าเรียน ในกรณีนี้ โดยทั่วไปแล้วจะเป็นไปได้กับสถานศึกษาที่มีหลักสูตรการเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษของสถาบัน ดังนั้น ผู้สมัครสามารถเลือกที่จะยื่นผลสอบวัดระดับภาษาในการสมัครหรือไม่ก็ได้

ทั้งนี้ทีมงานของก้อปันกันขอแนะนำให้บุคคลที่มีแผนการจะสมัครเรียนเพื่อวุฒิการศึกษาในอเมริกาเตรียมตัวพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และทำการสอบวัดระดับภาษา เพื่อใช้ประกอบในการสมัครเข้าเรียน (โดยอาจจะยื่นผลสอบพร้อมการสมัคร หรือยื่นตามในภายหลังของการสมัครก็ได้ *ขึ้นอยู่กับสถาบันที่จะสมัครเข้าเรียน) เพื่อที่จะได้ลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธคำร้องขอวีซ่า และความสะดวกและชัดเจนในการวางแผนการศึกษา (ให้ไม่ต้องใช้เวลาเรียนปรับภาษาในขณะที่อยู่ในอเมริกานานจนเกินไป)

โอกาสที่จะผ่านวีซ่าเป็นหนึ่งในคำถามที่พบบ่อยจากผู้ที่สนใจศึกษาต่ออเมริกา ซึ่งเราขอชี้แจงว่า เราไม่มีนโยบายที่จะรับรองผลการสัมภาษณ์วีซ่าได้ (ไม่มีบุคคลหรือองค์กรใดที่สามารถทำได้) เนื่องจากการพิจารณาอนุมัติผลการสมัครขอวีซ่าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ผู้สมัคร

ทั้งนี้ทีมงานของก้อปันกันสามารถที่จะให้คำปรึกษา เพื่อช่วยประเมินความเป็นไปได้ การเตรียมเอกสารและการเตรียมตัวสัมภาษณ์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

สำหรับการเตรียมตัวสมัครเข้าเรียนต่ออเมริกา ทีมงานของก้อปันกันขอแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่

1) การเตรียมเอกสารสำหรับการสมัคร

โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครควรจะต้องเตรียม a) passport ที่มีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน, b) ใบแสดงผลการเรียนชั้นการศึกษาสูงสุดที่จบ (transcript), c) เอกสารรับรองการจบการศึกษา หรือการเป็นนักเรียน/นักศึกษา *กรณีที่ยังคงศึกษาอยู่, d) เอกสารรับรองสถานะทางการเงินของผู้สนับสนุนทางการเงิน (Bank Guarantee Letter) ที่มียอดเงินคงเหลือมากกว่ายอดค่าใช้จ่ายที่กำหนดโดยสถาบัน ซึ่งควรจะออกมาไม่เกิน 3 เดือนก่อนวันที่ดำเนินการสมัคร

*ทั้งนี้สำหรับการสมัครเข้ารับการศึกษาในบางสถาบันและบางหลักสูตร จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน และอาจมีเอกสารอื่นที่ต้องใช้เพิ่มเติม ขอให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ของเรา และเอกสารทั้งหมดควรจะเป็นภาษาอังกฤษ

2) การเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษ

ผู้สมัครที่สมัครเพื่อศึกษาในหลักสูตรเพื่อวุฒิการศึกษาจะต้องสอบวัดระดับภาษา และจะต้องสัมภาษณ์ขอวีซ่ากับเจ้าหน้าที่กงสุลที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร ดังนั้นการเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสัมภาษณ์ การสอบวัดระดับภาษา รวมถึงการใช้งานเชิงวิชาการ (Academic English) เป็นสิ่งที่ควรเตรียมตัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากยิ่งเตรียมตัวได้มากเท่าไหร่ ก็จะเป็นผลดีต่อทุกๆก้าวของผู้สมัครเองทั้งในส่วนของการดำเนินการก่อนเดินทาง และประสบการณ์การศึกษาในต่างประเทศ

3) การเตรียมตัวด้านระยะเวลา

โดยทั่วไปแล้ว สถาบันการศึกษาเปิดให้สมัครเข้าเรียนล่วงหน้าได้ 1 ปี ก่อนวันที่จะเริ่มเรียน และแต่ละสถาบันและหลักสูตรจะมี deadline คือวันที่กำหนดให้ดำเนินการสมัคร หรือส่งเอกสารต่างๆที่แตกต่างกันออกไป ขอให้ตรวจสอบและเช็คกับเจ้าหน้าที่ของก้อปันกัน ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้ว เราแนะนำให้ดำเนินเรื่องสมัครเข้าเรียนล่วงหน้า 4-8 เดือนก่อนวันเริ่มเรียนของเทอมที่จะสมัครเข้าเรียน (ในบางกรณี เราอาจจะช่วยดำเนินการสำหรับเคสที่สมัคร 1-2 เดือนก่อนวันเริ่มเรียนได้)

สำหรับการศึกษาต่ออเมริกา ก้อปันกันมีบริการครบวงจร โดยไม่คิดค่าบริการ รวมถึง

  • การให้คำปรึกษาในการเลือกหลักสูตรและสถานศึกษาที่เหมาะสมกับผู้สมัคร
  • การดำเนินการสมัครเข้าเรียน และสมัครขอทุน (หากมี) พร้อมติดตามผล
  • การดำเนินการสมัครขอวีซ่า พร้อมแนะนำในการเตรียมเอกสาร และการเตรียมตัวสัมภาษณ์
  • การดำเนินการจัดหาที่พัก สำหรับที่พักที่เป็นตัวเลือกของสถานศึกษาที่สมัครเข้าเรียน อาทิ หอพัก หรือที่พักกับ host family
  • การให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อการเตรียมตัวก่อนเดินทาง
  • การติดตาม ดูแล ให้คำปรึกษาในขณะที่กำลังศึกษา

สามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการบริการศึกษาต่ออเมริกาได้ที่นี่

สำหรับผู้สมัครที่สมัครเข้าศึกษาต่อในสถาบันก้อปันกันเป็นตัวแทนในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้บริการของก้อปันกัน หากผู้สมัครเตรียมเอกสารและมีเงื่อนไขตรงตามที่สถาบันกำหนดไว้ โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครจะไม่ได้รับการปฏิเสธโดยสถาบัน แต่ถ้าหากการสมัครเข้าศึกษาในสถาบันใดที่มีโอกาสจะถูกปฏิเสธ ทีมงานของเราจะแจ้งให้ผู้สมัครทราบล่วงหน้า

สำหรับการใช้บริการศึกษาต่อเมริกากับก้อปันกัน ผู้สมัครจะไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ และค่าใช้จ่ายจะเป็นไปตามอัตราที่ผู้สมัครต้องชำระตามจริง โดยการชำระค่าใช้จ่ายจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่

1) การสมัครเข้าเรียนและสมัครขอวีซ่า: สำหรับค่าสมัครจะคำนวณตามที่สถานศึกษากำหนด และสำหรับค่าวีซ่าจะคำนวณตามที่สถานฑูตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด ผู้สมัครชำระตามใบแจ้งหนี้ (invoice) ที่เราออกให้ถึงบจก.ก้อปันกัน โดยทีมงานของเราจะออกหลักฐานการรับเงินให้ ซึ่งเราจะรับมาเพื่อทำการชำระต่อให้กับผู้สมัคร

*ทั้งนี้ก้อปันกันจะจัดเก็บค่ามัดจำในการดำเนินการ 5,000 บาท ซึ่งจะคืนให้เต็มจำนวน สำหรับผู้สมัครที่ผ่านการสัมภาษณ์ขอวีซ่า และเดินทางไปเรียนในสถาบันและหลักสูตรที่ามัครเรียนไว้แล้ว

2) การสมัครในการจัดหาที่พัก: สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจรวมถึงค่าธรรมเนียมการจัดหาที่พัก ค่ามัดจำหอพัก ค่าบริการรับ-ส่งจากสนามบิน โดยจะคำนวณตามที่สถานศึกษานั้นๆกำหนด แต่ละสถานจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ผู้สมัครชำระตามใบแจ้งหนี้ (invoice) ที่เราออกให้ถึงบจก.ก้อปันกัน โดยทีมงานของเราจะออกหลักฐานการรับเงินให้ ซึ่งเราจะรับมาเพื่อทำการชำระต่อให้กับผู้สมัคร

*ทั้งนี้ก้อปันกันไม่บังคับให้ผู้สมัครใช้บริการจัดหาที่พักของสถาบัน

3) ค่าเล่าเรียน ค่าที่พักและค่าธรรมเนียมอื่นๆ: ผู้สมัครสามารถชำระค่าเล่าเรียน ค่าที่พักและค่าธรรมเนียมอื่นๆที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษาที่เข้ารับการศึกษาได้โดยตรง โดยไม่ต้องชำระผ่านบริษัทของเรา และจะชำระเป็นอัตราเดียวกับการสมัครเข้าศึกษาด้วยตนเอง (ไม่ได้ผ่านบริษัท) 

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat.

สำหรับผู้ที่ถือวีซ่านักเรียน (F-1) ตามระเบียบและกฎหมายแล้ว นักเรียนไม่สามารถที่จะทำงานที่ได้รับค่าตอบแทนได้ นอกเสียจาก 2 กรณี ได้แก่

1) การทำงานในสถานศึกษา โดยมีสถานศึกษาเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำงานได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมง/ สัปดาห์ *อิงจาก U.S. Immigration and Custom Enforcement

2) การทำงานนอกสถานศึกษา โดยต้องสมัครเข้าร่วมโครงการ Curricular Practical Training (CPT) ในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ หรือ ทำงานหลังจากที่จบการศึกษาในโครงการ Optional Practical Training (OPT) ระยะเวลา 1-2 ปี (2 ปีสำหรับหลักสูตร STEM) ทั้งนี้จะสามารถทำได้สำหรับผู้เรียนที่ศึกษาในหลักสูตรเพื่อวุฒิการศึกษา (degree seeking students) กล่าวคือ ไม่รวมการเรียนภาษา *รายละเอียดเพิ่มเติมที่ U.S. Immigration and Custom Enforcement

FAQs

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเรียนต่อแคนาดา

ถึงแม้แคนาดาเป็นประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ของโลกรองจากรัฐเซีย ชุมชนและเมืองที่มีผู้คนอาศัยและใช้ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ทางใต้ของประเทศที่พรมแดนอยู่ติดและใกล้ชิดกับประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับเมืองที่ผู้คนนิยมเดินทางไปเรียน ได้แก่

  •  Vancouver รัฐ British Columbia เมืองขนาดกลาง ใกล้และสะดวกที่สุดสำหรับการเดินทางไปจากประเทศไทย เมืองที่มีความหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรม วิถีชีวิตของผู้คนที่มี balance และใกล้ชิดกับธรรมชาติ มีรถไฟฟ้าและรถประจำทางที่สะดวกต่อการเดินทางเข้าและออกเมือง ที่สำคัญเป็นเมืองที่อากาศอบอุ่นกว่าเมืองอื่นๆในแคนาดา *อ่านบทความ รีวิว เมือง Vancouver แวนคูเวอร์ แคนาดาในหนึ่งวัน
  • Okanagan รัฐ British Columbia เมืองขนาดเล็ก เมืองพักตากอากาศที่โด่งดังในแคนาดา มีอากาศอุ่นที่สุด(กว่า Vancouver)ของประเทศ ตั้งอยู่ในรัฐโคลัมเบีย อยู่ห่างจาก Vancouver ประมาณ 45 นาทีโดยเครื่องบิน หรือประมาณ 4 ชั่วโมงโดยรถยนต์ *อ่านบทความ [รีวิว] เมือง Okanagan รัฐ British Columbia Canada ดินแดนธรรมชาติแสนอบอุ่น
  • Toronto รัฐ Ontario เมืองขนาดใหญ่ เมืองเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของแคนาดา มีประชากรจำนวนมาก วิถีชีวิตของผู้คนของเมืองใหญ่ที่มีจังหวะชีวิตที่รวดเร็ว มีรถไฟฟ้าและรถประจำทางอำนวยการเดินทาง หลายคนมีมุมมองว่า Toronto เปรียบเสมือน New York City ของแคนาดา
  • Montreal รัฐ Quebec เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐ Quebec ของแคนาดา (เมืองหลวงของประเทศแคนาดา Ottowa ตั้งอยู่ในรัฐนี้) ใกล้สำหรับการเดินทางจากทวีปยุโรป มีการใช้ภาษาฝรั่งเศสในชุมชนและวิถีชีวิตของผู้คนโดยทั่วไป ผสมผสานกับภาษาอังกฤษ *อ่านบทความ รีวิว เมือง Montreal มอนทรีออล แคนาดา หรือ ฝรั่งเศส?

*หากยังไม่แน่ใจว่าเมืองไหนดี? เราขอแนะนำบทความ เรียนต่อแคนาดา Vancouver Toronto Montreal เมืองไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด! 

ระบบการศึกษาในประเทศแคนาดาที่มีวัฒนธรรมส่งเสริมอำนาจการเรียนรู้ของผู้เรียน สนับสนุนความสามารถที่แตกต่างของนักเรียน และให้ความสำคัญต่อความเข้าใจ ยอมรับในวัฒนธรรมที่แตกต่าง สังคมโลกาภิวัตน์ รวมถึงการเป็นพลเมืองของโลกของผู้เรียน ทำให้การเรียนต่อมัธยมในโรงเรียนของรัฐบาลในประเทศแคนาดากำลังได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก

สำหรับค่าใช้จ่ายประมาณ 600,000 - 700,000 บาท/ปี รวมค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียม ค่าที่พัก ค่าประกันสุขภาพ และหนังสืออุปกรณ์การเรียน ที่สำคัญ ผู้ปกครองและนักเรียนสามารถเลือกเมืองและโรงเรียนตามความต้องการของตนเองได้ ผู้ปกครองสามารถไว้วางใจในเรื่องของความปลอดภัย สภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการเรียนรู้ และการเติบโตอย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงเรียนที่ไม่ได้อยู่ในเขตเมืองใหญ่

อ่านบทความ [รีวิว] เรียนต่อมัธยมแคนาดา เติบโตด้วยชุดคุณค่าสากล

สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษในแคนาดา ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสารกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับบุคลที่ต้องการเดินทางไปประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งเราขอแบ่งสถาบันสอนภาษาอังกฤษออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. สถาบันสอนภาษาอังกฤษในสถานศึกษาของรัฐบาล เช่น วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย ซึ่งมีข้อมูลที่สำคัญ คือ

  • ที่ตั้ง: มีตั้งอยู่ทั้งในเขตเมืองขนาดใหญ่และนอกเมือง โดยจะต้องอยู่ในอาณาเขตของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย
  • หลักสูตร: ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหลักสูตรสอนภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อ (Academic English) ที่ออกแบบมาให้ผู้เรียนปรับพื้นฐานภาษาและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสำหรับการใช้ศึกษาต่อ เมื่อผู้เรียนสำเร็จการศึกษาระดับที่สถาบันกำหนด สามารถเข้าศึกษาต่อหลักสูตรสำหรับวุฒิการศึกษาในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยนั้นๆ ได้โดยไม่ต้องยื่นผลสอบ TOEFL/IELTS อีก
  • วันที่เริ่มและระยะเวลาเรียน: มักจะต้องเริ่มเรียนตามปฏิทินการศึกษาของสถานศึกษา และจะต้องลงเรียนเป็นเทอม ซึ่งมีวันเริ่มและสิ้นสุดการเรียนของแต่ละเทอมที่ตายตัว ไม่สามารถปรับให้ยืดหยุ่นตามความสะดวกของผู้เรียน

2. สถาบันสอนภาษาอังกฤษของเอกชน ซึ่งมีข้อมูลที่สำคัญ คือ

  • ที่ตั้ง: ส่วนมากแล้วจะตั้งอยู่ในย่านเมืองขนาดใหญ่ เช่น Vancouver, Toronto, Calgary, Montreal (สำหรับ Montreal จะมีหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสให้เลือกเรียนด้วย เนื่องจากเป็นเมืองที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส) เป็นต้น
  • หลักสูตร: สถาบันสอนภาษาเอกชนมักจะมีตัวเลือกหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษที่หลากหลายให้เลือกเรียน อาทิ General English (การปรับพื้นฐานและการใช้งานทั่วไป), Business English (เพื่อการใช้ในการทำงาน/ธุรกิจ), Culture (เชิงวัฒนธรรมและสังคม), University Pathway (เพื่อใช้ในการศึกษาต่อ) ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนระดับภาษาอังกฤษให้จบจากสถาบันในระดับที่กำหนด และใช้ผลการสำเร็จระดับภาษาจากสถาบันในการยื่นสมัครเข้าเรียนวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆในแคนาดาได้โดยไม่ต้องใช้ผลสอบ TOEFL/IELTS

เราได้มีโอกาสไปเยี่ยม โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในแคนาดา เมืองแวนคูเวอร์และเมืองโตรอนโต้ เพื่อนำประสบการณ์ตรงจากที่ได้ไปสัมผัสมาด้วยตนเอง มาใช้ในการแนะนำ และให้คำปรึกษาแก่บุคคลที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษในประเทศแคนาดา ซึ่งเราได้เขียนบทความ [แนะนำ] 4 โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในแคนาดา

เราแนะนำ 4 ปัจจัยพื้นฐานที่ควรคำนึงถึง ในการค้นหาข้อมูลและวางแผนสำหรับการเรียนต่อแคนาดา ได้แก่ ที่ตั้ง สาขาการเรียน ranking และค่าใช้จ่าย คุณสามารถอ่านคำแนะนำเพิ่มเติมได้ในบทความนี้

สำหรับบุคคลที่ต้องการเดินทางไปแคนาดาเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะเฉพาะทาง พร้อมกับการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงาน พร้อมโอกาสที่จะได้รับค่าตอบแทน สร้าง connection กับเพื่อนๆจากนานาประเทศ และพัฒนา resume/cv ของตนเอง เราขอแนะนำโครงการ Study & Work ของวิทยาลัยเอกชนในประเทศแคนาดา เช่น Greystone College, ILAC International College, Tamwood Career, VGC International College เป็นต้น

ในโครงการ Study & Work ผู้เรียนจะได้

  • ศึกษาและเรียนรู้เฉพาะทางเพิ่มเติมสำหรับการทำงานในด้านต่างๆที่สนใจ อาทิ Business Administration, Sales & Marketing, Digital Marketing, Web Development, UX Design/UI Design, Hospitality ครึ่งหนึ่งของระยะเวลาโครงการ
  • ทำงาน Co-op อีกครึ่งหนึ่งของระยะเวลาโครงการ ซึ่งวิทยาลัยจะมีการจัดช่วยแนะนำในการจัดหารงาน เพื่อเป็นการฝึกงานที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรการเรียน เพื่อโอกาสการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง พร้อมโอกาสที่จะได้รับค่าตอบแทน
  • ประกาศนียบัตรในการเข้าร่วมและจบโครงการ

ถึงแม้แคนาดาจะเป็นประเทศที่มีนโยบายด้านผู้อพยพที่ค่อนข้างเปิดกว้างกว่าหลายประเทศในทวีปตะวันตก สำหรับการยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศแคนาดาเพื่อการศึกษาสำหรับคนไทย เป็นเรื่องที่เราต้องใช้เวลาในการหารือหรือพูดคุยกันในรายละเอียดเพื่อประเมินความเป็นไปได้และความเสี่ยงอีกครั้ง

ข้อมูลสำคัญสำหรับวีซ่าเพื่อการศึกษาในแคนาดา 

  • สำหรับการลงเรียนระยะเวลา 24 สัปดาห์ หรือสั้นกว่านั้น สามารถขอและใช้วีซ่าท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าประเทศได้
  • สำหรับการลงเรียนนานกว่า 24 สัปดาห์ จะต้องขอวีซ่านักเรียนในการเดินทางเข้าประเทศ
  • แนะนำให้ยื่นขอวีซ่าผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้ผู้สมัครทุกท่านที่อยู่ในประเทศไทยจะต้องเดินทางมายังกรุงเทพเพื่อการทำ biometric กับศูนย์ VFS บริการรับยื่นวีซ่าแคนาดา

สำหรับความยากง่ายในการขอวีซ่าแคนาดา

  • บจก.ก้อปันกันขอชี้แจงว่า เราไม่มีนโยบายที่จะรับรองผลการยื่นสมัครขอได้ (ไม่มีบุคคลหรือองค์กรใดที่สามารถทำได้) เนื่องจากการพิจารณาอนุมัติผลการสมัครขอวีซ่าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่กงสุล ทั้งนี้เราสามารถที่จะช่วยดำเนินการในการยื่นสมัครออนไลน์ และแนะนำในการเตรียมเอกสารได้

การใช้บริการทนาย (Citizenship & Immigration Practitioner) เป็นตัวแทนยื่นขอวีซ่าแคนาดา (ไม่บังคับใช้)

  • เรามีทนายที่เราร่วมงานด้วยมีสำนักงานอยู่ที่ Vancouver ประเทศแคนาดา ซึ่งได้ช่วยให้นักเรียนของเราที่มีประวัติและความเสี่ยงที่จะโดนปฏิเสธวีซ่าผ่านได้หลายเคส
  • ทนายชาวแคนาดามีใบอนุญาติและประสบการณ์ในการให้คำแนะนำ คำปรึกษาและเป็นตัวแทนในการยื่นขอวีซ่าแคนาดา อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
  • ทนายมีประสบการณ์ ตลอดจนความเชี่ยวชาญ รู้ข้อกฎหมาย ดังนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธในการขอวีซ่า (หากโดนปฏิเสธวีซ่าจากการยื่นโดยไม่ใช้ทนาย และต้องการยื่นใหม่โดยใช้ทนาย ค่าธรรมเนียมของทนายในการแก้ไขเคส อาจจะสูงกว่าในการใช้บริการทนายครั้งแรก

โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีทุนการศึกษา นอกจากผู้ที่สมัครเข้าศึกษาในสถาบันเอกชน อาจมีส่วนลดตามโปรโมชั่นที่สถาบันกำหนด หรือการสมัครศึกษาในมหาวิทยาลัยบางแห่ง อาจมีทุนการศึกษาลดหย่อนค่าเล่าเรียนได้บางส่วน (ไม่มากไปกว่า 10-40%)

ดังนั้นสำหรับการศึกษาต่อในประเทศแคนาดา ผู้สมัครจำเป็นที่จะต้องมี sponsor หรือบุคคล/องค์กร/หน่วยงาน ที่เป็นผู้ดูแลและสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตและการศึกษาต่อ

สำหรับการเตรียมตัวสมัครเข้าเรียนต่อแคนาดา ทีมงานของก้อปันกันขอแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่

1) การเตรียมเอกสารสำหรับการสมัคร

โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครควรจะต้องเตรียม a) passport ที่มีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน, b) ใบแสดงผลการเรียนชั้นการศึกษาสูงสุดที่จบ (transcript), c) เอกสารรับรองการจบการศึกษา หรือการเป็นนักเรียน/นักศึกษา *กรณีที่ยังคงศึกษาอยู่

*ทั้งนี้สำหรับการสมัครเข้ารับการศึกษาในบางสถาบันและบางหลักสูตร จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน และอาจมีเอกสารอื่นที่ต้องใช้เพิ่มเติม ขอให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ของเรา และเอกสารทั้งหมดควรจะเป็นภาษาอังกฤษ

2) การเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษ

ผู้สมัครที่สมัครเพื่อศึกษาในหลักสูตรเพื่อวุฒิการศึกษาจะต้องสอบวัดระดับภาษา การเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษเพื่อการสอบวัดระดับภาษา เช่น IELTS รวมถึงการใช้งานเชิงวิชาการ (Academic English) เป็นสิ่งที่ควรเตรียมตัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากยิ่งเตรียมตัวได้มากเท่าไหร่ ก็จะเป็นผลดีต่อทุกๆก้าวของผู้สมัครเองทั้งในส่วนของการดำเนินการก่อนเดินทาง และประสบการณ์การศึกษาในต่างประเทศ

3) การเตรียมตัวด้านระยะเวลา

โดยทั่วไปแล้ว สถาบันการศึกษาเปิดให้สมัครเข้าเรียนล่วงหน้าได้ 1 ปี ก่อนวันที่จะเริ่มเรียน และแต่ละสถาบันและหลักสูตรจะมี deadline คือวันที่กำหนดให้ดำเนินการสมัคร หรือส่งเอกสารต่างๆที่แตกต่างกันออกไป ขอให้ตรวจสอบและเช็คกับเจ้าหน้าที่ของก้อปันกัน ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้ว เราแนะนำให้ดำเนินเรื่องสมัครเข้าเรียนล่วงหน้า 4-8 เดือนก่อนวันเริ่มเรียนของเทอมที่จะสมัครเข้าเรียน เผื่อลดความเสี่ยงที่จะโดนปฏิเสธเนื่องจากผู้สมัครเต็มแล้ว รวมถึงความเสี่ยงที่จะไม่สามารถดำเนินการเรื่องวีซ่าได้ทัน

*แคนาดาเป็นประเทศที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับการสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยม วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย บ่อยครั้งที่หลักสูตรที่ผู้สมัครต้องการสมัครเข้าเรียนอาจะเต็มก่อนวันสิ้นสุดการรับสมัคร

สำหรับการศึกษาต่อแคนาดา ก้อปันกันมีบริการครบวงจร โดยไม่คิดค่าบริการ รวมถึง

  • การให้คำปรึกษาในการเลือกหลักสูตรและสถานศึกษาที่เหมาะสมกับผู้สมัคร
  • การดำเนินการสมัครเข้าเรียน พร้อมติดตามผล
  • การดำเนินการสมัครขอวีซ่า พร้อมแนะนำในการเตรียมเอกสาร
  • การดำเนินการจัดหาที่พัก สำหรับที่พักที่เป็นตัวเลือกของสถานศึกษาที่สมัครเข้าเรียน อาทิ หอพัก หรือที่พักกับ host family
  • การให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อการเตรียมตัวก่อนเดินทาง
  • การติดตาม ดูแล ให้คำปรึกษาในขณะที่กำลังศึกษา

สามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการบริการศึกษาต่อแคนาดาได้ที่นี่

สำหรับผู้สมัครที่สมัครเข้าศึกษาต่อในสถาบันก้อปันกันเป็นตัวแทนในประเทศแคนาดา โดยใช้บริการของก้อปันกัน หากผู้สมัครเตรียมเอกสารและมีเงื่อนไขตรงตามที่สถาบันกำหนดไว้ โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครจะไม่ได้รับการปฏิเสธโดยสถาบัน แต่ถ้าหากการสมัครเข้าศึกษาในสถาบันใดที่มีโอกาสจะถูกปฏิเสธ ทีมงานของเราจะแจ้งให้ผู้สมัครทราบล่วงหน้า

*แคนาดาเป็นประเทศที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับการสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยม วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย บ่อยครั้งที่หลักสูตรที่ผู้สมัครต้องการสมัครเข้าเรียนอาจะเต็มก่อนวันสิ้นสุดการรับสมัคร

สำหรับผู้สมัครที่สมัครเข้าศึกษาต่อในสถาบันก้อปันกันเป็นตัวแทนในประเทศแคนาดา โดยใช้บริการของก้อปันกัน หากผู้สมัครเตรียมเอกสารและมีเงื่อนไขตรงตามที่สถาบันกำหนดไว้ โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครจะไม่ได้รับการปฏิเสธโดยสถาบัน แต่ถ้าหากการสมัครเข้าศึกษาในสถาบันใดที่มีโอกาสจะถูกปฏิเสธ ทีมงานของเราจะแจ้งให้ผู้สมัครทราบล่วงหน้า

สำหรับการใช้บริการศึกษาต่อแคนาดากับก้อปันกัน ผู้สมัครจะไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ และค่าใช้จ่ายจะเป็นไปตามอัตราที่ผู้สมัครต้องชำระตามจริง โดยการชำระค่าใช้จ่ายจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่

1) การสมัครเข้าเรียนและสมัครขอวีซ่า: สำหรับค่าสมัครจะคำนวณตามที่สถานศึกษากำหนด และสำหรับค่าวีซ่าจะคำนวณตามที่สถานฑูตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด ผู้สมัครชำระตามใบแจ้งหนี้ (invoice) ที่เราออกให้ถึงบจก.ก้อปันกัน โดยทีมงานของเราจะออกหลักฐานการรับเงินให้ ซึ่งเราจะรับมาเพื่อทำการชำระต่อให้กับผู้สมัคร

*ทั้งนี้ก้อปันกันจะจัดเก็บค่ามัดจำในการดำเนินการ 5,000 บาท ซึ่งจะคืนให้เต็มจำนวน สำหรับผู้สมัครที่ผ่านการสัมภาษณ์ขอวีซ่า และเดินทางไปเรียนในสถาบันและหลักสูตรที่ามัครเรียนไว้แล้ว

2) ค่ามัดจำในการจองที่เรียน: หลังจากที่ทำเรื่องสมัครและสถานศึกษาได้ตอบรับแล้ว ผู้สมัครจะต้องชำระค่ามัดจำในการจองที่เรียน (tuition deposit) ซึ่งแต่ละสถาบันจะมียอดค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน และบางสถาบันอาจไม่จัดเก็บค่ามัดจำในส่วนนี้ (โดยส่วนใหญ่แล้วจะเก็บ) เมื่อชำระแล้วสถาบันจะออกเอกสารตอบรับสำหรับการนำไปใช้ในการยื่นสมัครขอวีซ่าได้ สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้สามารถโอนชำระถึงสถานศึกษษได้โดยตรง

3) การสมัครในการจัดหาที่พัก: สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจรวมถึงค่าธรรมเนียมการจัดหาที่พัก ค่ามัดจำหอพัก ค่าบริการรับ-ส่งจากสนามบิน โดยจะคำนวณตามที่สถานศึกษานั้นๆกำหนด แต่ละสถานจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ผู้สมัครชำระตามใบแจ้งหนี้ (invoice) ที่เราออกให้ถึงบจก.ก้อปันกัน โดยทีมงานของเราจะออกหลักฐานการรับเงินให้ ซึ่งเราจะรับมาเพื่อทำการชำระต่อให้กับผู้สมัคร

*ทั้งนี้ก้อปันกันไม่บังคับให้ผู้สมัครใช้บริการจัดหาที่พักของสถาบัน

4) ค่าเล่าเรียน ค่าที่พักและค่าธรรมเนียมอื่นๆ: ผู้สมัครสามารถชำระค่าเล่าเรียน ค่าที่พักและค่าธรรมเนียมอื่นๆที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษาที่เข้ารับการศึกษาได้โดยตรง โดยไม่ต้องชำระผ่านบริษัทของเรา และจะชำระเป็นอัตราเดียวกับการสมัครเข้าศึกษาด้วยตนเอง (ไม่ได้ผ่านบริษัท) 

สำหรับผู้สมัครที่สมัครเข้าศึกษาต่อในสถาบันก้อปันกันเป็นตัวแทนในประเทศแคนาดา โดยใช้บริการของก้อปันกัน หากผู้สมัครเตรียมเอกสารและมีเงื่อนไขตรงตามที่สถาบันกำหนดไว้ โดยทั่วไปแล้วผู้สมัครจะไม่ได้รับการปฏิเสธโดยสถาบัน แต่ถ้าหากการสมัครเข้าศึกษาในสถาบันใดที่มีโอกาสจะถูกปฏิเสธ ทีมงานของเราจะแจ้งให้ผู้สมัครทราบล่วงหน้า

ผู้เรียนระดับอุดมศึกษาสามารถทำงานในแคมปัสได้ โดยไม่ต้องมี work permit หากอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังนี้

  • เป็นนักเรียนเต็มเวลาในสถาบันระดับอุดมศึกษา (หลังจากจบมัธยมปลายแล้ว)
  • มี study permit ที่ยังคงใช้งานได้
  • มี Social Insurance Number (SIN)

มีใครสามารถจ้างงานคุณได้บ้าง?

  • สถาบันการศึกษา
  • อาจารย์
  • องค์กรนักศึกษา
  • ตัวเอง
  • ธุรกิจเอกชน
  • คู่สัญญาของสถานศึกษาที่ให้บริการในแคมปัส

รายละเอียด work on campus : click ที่นี่

หากอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ นักเรียนนานาชาติสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องมี work permit

  • มี study permit ที่ยังคงใช้งานได้
  • เป็นนักเรียนเต็มเวลาของสถาบันที่ได้รับการรับรองโดย (DLI : designated learning institution และได้ลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรระดับอุดมศึกษาเชิงวิชาการ รวมถึงหลักสูตรวิชาชีพ หรือ หลักสูตรวิชาชีในระดับเทียบเท่ามัธยมปลายเฉพาะใน Quebec)
  • ได้เริ่มเรียนแล้ว
  • มี study permit ที่ระบุไว้ว่าสามารถทำงาน on หรือ off campus ได้
  • กำลังเรียนในหลักสูตรที่จะนำไปสู่วุฒิการศึกษาหรือประกาศนียบัตรที่ใช้เวลาเรียนขั้นต่ำ 6 เดือนขึ้นไป
  • มี Social Insurance Number (SIN)

ทั้งนี้หากไม่ได้เป็นนักเรียนเต็มเวลา ก็สามารถที่จะทำงาน off campus ได้ ในกรณีที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขดังนี้

  • เป็นนักเรียนเต็มเวลามาตั้งแต่เริ่ม
  • กำลังเรียน part-time อยู่ เนื่องจากเป็นเทอมสุดท้ายและไม่จำเป็นต้องเรียนเต็มเวลาเพื่อที่จะจบหลักสูตรที่กำลังศึกษา

*รายละเอียด work off campus – click ที่นี่

เนื่องจากบางหลักสูตรการศึกษามีประสบการณ์การณ์การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร นักเรียนสามารถสมัครขอใบอนุญาต co-op หรือ intern ได้ ภายใต้เงื่อนไขดังนี้

  • มี study permit ที่ยังสามารถใช้งานได้
  • การทำงานถูกกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการเรียนต่อแคนาดาของคุณ
  • มีจดหมายจากโรงเรียนยืนยันว่าหลักสูตรคุณจำเป็นต้องมีการทำงานเพื่อจบการศึกษา
  • ระยะเวลา co-op หรือฝึกงานไม่มากกว่า 50% ของระยะเวลาในการเรียนตลอดหลักสูตร

คุณจะไม่สามารถขอใบอนุญาตประเภทนี้ได้ถ้า

  • เรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศส
  • วิชาที่เรียนเป็นวิชาสำหรับการเตรียมเข้าเรียนหลักสูตรอื่นๆ

*รายละเอียด co-op หรือ intern – คลิกที่นี่

หลักจากที่สำเร็จการศึกษาระดับที่สูงกว่ามัธยม (post-secondary) แล้ว ผู้เรียนสามารถที่จะทำงานชั่วคราว และขอพักอาศัยในแคนาดาได้อย่างถาวร

การทำงานหลังเรียนจบจะต้องใช้ work permit ซึ่งเรียกว่า Post-graduation work permit (PGWP) ซึ่งหากไม่สามารถสมัครขอ PGWP ได้ และหากได้รับ PGWP และทำงานในแคนาดาอย่างต่อเนื่อง 1 ปีขึ้นไป จะมีคุณสมบัติที่สามารถสมัครขอสถานะผู้พักอาศัยถาวร (Permanent Resident: PR)ในแคนาดาได้

หมายเหตุ:

  • การสำเร็จหลักสูตรการศึกษาเพื่อขอรับ PGWP จะต้องเป็นหลักสูตรที่สูงกว่าระดับชั้นมัธยมเท่านั้น และจะต้องเป็นหลักสูตรการศึกษาของสถาบันรัฐบาลที่ได้รับการรับรองสำหรับ PGWP ซึ่งด้วยทั่วไปแล้ว จะใช้ต้องใช้ระยะเวลาเรียนไม่ต่ำกว่า 1 ปีการศึกษา (ไม่รวมการเรียนปรับภาษา)

สำหรับการสมัครเป็นผู้พักอาศัยถาวร (Permanent Resident: PR) ในแคนาดา จะพิจารณาจากเกณฑ์ดังต่อไปนี้

A) Canadian Language Benchmark (CLB) การระบุถึงความสามารถด้านการใช้ภาษาอังกฤษ หรือ the Niveaux de competence (NCLC) การระบุถึงความสามารถด้านการใช้ภาษาฝรั่งเศส
B) ลิสต์ตำแหน่งงานต่างๆในตลาดแรงงานของแคนาดา โดยแบ่งตามทักษะ 5 ระดับ ได้แก่ 0, A, B, C, D

*รายละเอียดเพิ่มเติม – click ที่นี่

เรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์

คำถามที่พบบ่อย

ฟิลิปปินส์ปลอดภัยไหม?

ความปลอดภัยในประเทศฟิลิปปินส์สำหรับนักเรียนต่างชาติ จากประสบการณ์ที่ก้อปันกันส่งนักเรียนไปเรียนที่ประเทศฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยมีนักเรียนที่ได้รับความไม่ปลอดภัยทางด้านอาชญากรรมใดๆที่ร้ายเเรงที่ผลต่อสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตของผู้เรียน หากเปรียบเทียบกับประเทศไทยที่เรามักจะได้ข่าวนักท่องเที่ยวโดนทำร้ายร่างกาย หรือเสียชีวิต ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัยมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม ทางก้อปันกันกันและทางสถาบันจะเน้นย้ำกับนักเรียนก่อนเดินทาง หรือขณะไปเรียนอยู่เสมอว่า หากออกนอกโรงเรียน นักเรียควรมีเพื่อนไปด้วยเสมอ ไม่แนะนำให้นักเรียนไปไหนมาไหนคนเดียว หากไม่จำเป็น และจะต้องมีความระมัดระวังในเรื่องของทรัพย์สินมีค่าของตนเองไม่ว่าจะอยู่ในโรงเรียน หรือนอกโรงเรียน

โดยส่วนใหญ่แล้วครูผู้สอนจะเป็นชาวฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะในคาบเรียนตัวต่อตัวและคาบเรียนกลุ่มย่อย ทั้งนี้ครูฟิลิปปินส์ส่วนมากจะได้รับการฝึกอบรมและการประเมินผลเพื่อการพัฒนาด้านการสอนโดยสถาบันอย่างต่อเนื่อง หากสถาบันไหนมีครูสอนที่เป็น Native Speakers ครูที่เป็น native speakers จะสอนในคลาสกลุ่มใหญ่ หรือสอนเฉพาะคลาสกลุ่มที่นักเรียนอยู่ในระดับภาษาอังกฤษที่ดีมากเท่านั้น

 ครูชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่จะมีสำเนียงเป็น American Accent รวมถึงสื่อการสอนต่างๆ ก็จะเน้นไปทาง American English มากกว่า British English ครูบางคนอาจจะมีสำเนียงฟิลิปปินส์บ้างนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้นักเรียนติดสำเนียงนั้นมาได้ สำเนียงไม่ใช่โรคติดต่อไม่สามารถติดกันได้ง่ายๆ การเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์คุณครูจะสอนให้เราออกเสียง (pronunciation) ให้ถูกต้องตามระดับมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการที่เราจะสามารถพูดได้อย่างมั่นใจ คล่องแคล่ว และฟังชาวต่างชาติได้ดีขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบัน ก้อปันกันมีตัวเลือกอยู่ 2 เมือง คือ เซบู และ บาเกียว

เมืองเซบูจะมีบรรยากาศเหมือนภาคใต้ของไทย หากนักเรียนชอบทะเล มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายกว่า แนะนำให้เลือกเรียนสถาบันในเซบู

แต่หากนักเรียนชอบภูเขา ต้นไม้ ธรรมชาติ อากาศเย็นตลอดปี เหมือนทางภาคเหนือของไทย แนะนำให้เลือกสถาบันในเมืองบาเกียว

สำหรับค่าใช้จ่ายเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปินส์

ในเบื้องต้น จะประกอบด้วย

  • ค่าสมัครเรียน ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าเรียนแบบเข้มข้น (สำหรับเรียนตัวต่อตัววันละ 3-4 คาบ และคาบเรียนกลุ่มวันละ 3-4 คาบ) ขั้นต่ำจะอยู่ที่ประมาณ 1,600 USD หรือประมาณ 56,000 บาท ต่อเดือน (1 USD = 35 THB)
  • ค่าธรรมเนียม Local Fee ขั้นต่ำจะอยู่ที่ประมาณ 12,000 PHP หรือ ประมาณ 8,000 บาท ต่อเดือน (1 PHP = 0.63 THB)
  • ดังนั้น ค่าใช้จ่ายต่อเดือนจะคิดเป็นประมาณ 63,000 บาท  (ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ และค่าใช้จ่ายส่วนตัว)

สามารถเลือกดูรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปินส์ได้ที่ https://korpungun.com/philippines-cost/

หากเป็นหลักสูตรปกตินักเรียนจะได้เรียนวันจันทร์ - ศุกร์ 08.00 - 17.00 น. (หากไม่มีวันหยุดพิเศษต่างๆ) โดยทั่วไปใน 1 วัน นักเรียนจะได้เรียน ตัวต่อตัว 4 คาบ (ฟัง พูด อ่าน และ เขียน) คลาสกลุ่มเล็ก 2 คาบ และ กลุ่มใหญ่ 2 คาบ และจะหยุดเรียนในวันเสาร์-อาทิตย์ 

หากไม่ใช่หลักสูตรการันตีคะแนนสอบ นักเรียนสามารถเริ่มได้ทุกวันจันทร์ในทุกๆ สัปดาห์ แนะนำให้ลงเรียนขั้นต่ำ 4 สัปดาห์ และมากสุดไม่เกิน 32 สัปดาห์ ในครั้งแรกที่ทำการสมัครเรียน

หากเป็นหลักสูตรที่การันตีคะแนนสอบ เช่น TOEIC, IELTS, TOEFL จะเริ่มเรียนในวันจันทร์เช่นกัน แต่จะมีสัปดาห์ที่เริ่มเรียนเฉพาะในแต่ละเดือน นักเรียนต้องเช็ควันเริ่มเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ก้อปันกันอีกครั้ง ปกติหลักสูตรการันตีคะแนนสอบจะมีระยะเวลาเรียนขั้นต่ำ 12 สัปดาห์ ในแต่ละคอร์ส นักเรียนต้องเช็คระดับภาษาอังกฤษปัจจุบัน และระดับภาษาอังกฤษที่นักเรียนต้องการให้กับเจ้าหน้าที่ก้อปันกันเพื่อประเมิณความเหมาะสมให้อีกครั้ง

โรงเรียนจะจัดการเรียนให้เหมาะสมกับระดับภาษาอังกฤษของนักเรียน ดังนั้น หากนักเรียนพื้นฐานไม่ดี สามารถไปเรียนได้ ไม่ต้องกังวล

หากนักเรียนต้องเดินทางไปเรียนด้วยตัวเอง แนะนำให้นักเรียนมีอายุขั้นต่ำ 15 ปี เป็นต้นไป เนื่องจากว่า นักเรียนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี จะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ด้วยตัวเอง จำเป็นที่จะต้องมีผู้ปกครองเดินทางไปส่งและไปเรียนด้วย

สำหรับวัยผู้ใหญ่วัยเกษียณ โดยส่วนใหญ่ทางโรงเรียนไม่ได้มีกำหนดอายุนักเรียน หากนักเรียนร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่ต้องได้รับการดูแลเป็นกรณีพิเศษ สามารถสมัครเรียนได้เช่นกัน

> หากนักเรียนต้องการเรียนกับสถาบัน รวมถึงได้ประเภทห้องพักที่ต้องการ แนะนำให้นักเรียนทำเรื่องสมัครเรียนล่วงหน้าขั้นต่ำอย่างน้อย 4-5 เดือน เนื่องจากหลายๆสถาบันเป็นที่ต้องการของนักเรียนไทย รวมถึงนักเรียนต่างชาติเป็นอย่างมาก นักเรียนสามารถติดต่อเพื่อทำการขอเช็คห้องพักก่อนทำเรื่องสมัครเรียนได้ที่ LINE id : @kpglearn ทางเจ้าหน้าที่ก้อปันกันจะเช็คห้องพัก รวมถึงวันที่สามารถเริ่มเรียนได้เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการสมัครเรียนได้

สำหรับเอกสารที่ใช้สมัครเรียน จะใช้เพียง 

-> ไฟล์รูปถ่ายพาสปอร์ตหน้าแรกของนักเรียน ที่ยังไม่หมดอายุ และมีระยะการเดินทางไม่น้อยกว่า 6 เดือน 

-> เบื้องต้น จะมีเก็บค่ามัดจำบริการ 5,000 บาท แต่จะถูกหักคืนให้กับนักเรียนตอนที่นักเรียนชำระค่าเรียนก่อนเดินทาง * หมายเหตุ หากนักเรียนมีปัญหาไม่สามารถเดินทางไปเรียนได้ หรือยกเลิกการเรียน นักเรียนจะไม่ได้รับเงิน 5,000 บาทนี้คืน

ก้อปันกันบริการให้คำปรึกษาตัวเลือกหลักสูตร สถาบัน รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับนักเรียน ก้อปันกันมีตัวเลือกสถาบัน และโปรแกรมที่หลากหลายให้กับนักเรียนเพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ และเหมาะสมกับความต้องการกับนักเรียนให้มากที่สุด

ก้อปันกันมีบริการแนะนำตัวเลือกไฟล์ทบินการเดินทางที่เหมาะสม (นักเรียนจะต้องจองด้วยตัวเอง) และแนะนำขั้นตอนการเตรียมตัวการเดินทาง

รวมถึงก้อปันกันจะมีสมัครประกันการเดินทางของบริษัท MSIG ประเภท EASY VISA กับนักเรียนที่ไปเรียนขั้นต่ำตั้งแต่ 4 สัปดาห์ให้ ฟรี เพื่อดูแลนักเรียนตลอดระยะเวลาเรียนให้อีกด้ว

สำหรับค่าใช้จ่าย สำหรับการสมัครเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์กับก้อปันกัน ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติมจากที่ผู้เรียนจะต้องจ่ายกับทางสถาบันโดยตรง โดยผู้เรียนจะชำระค่าใช้จ่ายตามรายละเอียดใน Invoice ที่ออกโดยสถาบันในประเทศฟิลิปปินส์ให้ก้อปันกันได้เลย

นักเรียนจะชำระเป็นวิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของบริษัท ก้อปันกัน เพื่อที่ทางบริษัทจะชำระต่อให้กับทางสถาบันต่อไป

- ขั้นตอนที่ 1 นักเรียนตัดสินใจเลือกโปรแกรม สถาบัน วันที่เดินทาง ระยะเวลาเรียน

- ขั้นตอนที่ 2 ทางก้อปันกันเช็คที่พักกับทางสถาบัน และคอนเฟิมกับนักเรียน ว่าสามารถเดินทางตามวันที่นักเรียนต้องการได้


- ขั้นตอนที่ 3 ทางก้อปันกันส่งลิ้งค์ intake form ให้กับนักเรียนเพื่อทำเรื่องสมัครเรียน


- ขั้นตอนที่ 4 เมื่อนักเรียนกรอกรายละเอียดลง intake form แล้ว ทางก้อปันกัน จะมี assign task ให้ทางระบบ portal เพื่อให้ชำระมัดจำสมัครเรียน 5,000 บาท หลังจากที่นักเรียนชำระเงินมาแล้ว ทางก้อปันกันจะทำเรื่องสมัครเรียนให้กับนักเรียนในลำดับต่อไป


- ขั้นตอนที่ 5 ก้อปันกัน จะ assign task ในการให้นักเรียนชำระเงินส่วนที่ 2 ก่อนเดินทาง รวมถึงการซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับ และการเตรียมตัวเดินทางต่างๆ


- ขั้นตอนที่ 6 หลังจากที่ได้รับเงินในส่วนที่ 2 ก่อนเดินทางแล้ว ทางก้อปันกันจะชำระต่อไปให้กับทางสถาบันที่นักเรียนสมัครเรียน รวมถึงส่งเอกสารเที่ยวบินให้กับทางสถาบันเพื่อออกเอกสาร airport pick up confirmation ให้กับนักเรียน


- ขั้นตอนที่ 7 นักเรียนเตรียมตัวเดินทางตาม tasks ที่ทางก้อปันกันมี assign ให้ทางระบบ portal

ปัจจุบันประเทศฟิลิปปินส์ให้บุคคลที่มีสัญชาติไทยเข้าประเทศได้โดยที่ไม่ต้องมีวีซ่าได้เป็นระยะเวลา 30 วัน หากนักเรียนลงเรียนมากกว่า 4 สัปดาห์ ทางสถาบันที่นักเรียนไปเรียนจะช่วยจัดการในเรื่องการสมัครขอวีซ่าให้ *ซึ่งค่าใช้จ่ายนักเรียนจะได้ทราบในใบเสนอราคาอยู่แล้ว

นักเรียนสามารถเดินทางได้ด้วยสายการบิน Philippines Airlines ฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ หรือ สายการบิน เซบู แปซิฟิค (Cebu Pacific Airline)

สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในประเทศฟิลิปปินส์จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ นักเรียนสามารถเข้าไปอ่านประสบการณ์นักเรียนที่ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์ได้ที่ https://korpungun.com/category/testimonial/philippines/

ทางโรงเรียนจะเตรียมอาหารให้ครบ 5 หมู่ เนื้อ นม ไข่ ผัก ผลไม้ เนื่องด้วย นักเรียนในสถาบันส่วนใหญ่มาจากหลากหลายชาติในโซนเอเชีย อาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเอเชีย รสชาติส่วนใหญ่จะเป็นรสจืด นั้น หากนักเรียนที่ติดรสจัดมากๆ เช่น เผ็ด ทางเราแนะนำให้นักเรียนเตรียมน้ำพริกไปด้วย

เนื่องด้วยการเรียนที่ฟิลิปปินส์เป็นแบบการเรียนเข้มข้นตั้งแต่ 08.00 - 17.00 น. จันทร์ - ศุกร์ หลังจากที่เรียนแล้ว นักเรียนจะมีการบ้านที่ทางคุณครูได้มอบหมายให้ทำในแต่ละวันด้วย ดังนั้น นักเรียนจะไม่สามารถมีเวลาไปทำงานอื่นๆ ได้ การไปเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการทำงานไปด้วยระหว่างเรียน

 นักเรียนจะต้องเตรียมแลกเงิน Peso เพื่อไปชำระค่าใช้จ่ายส่วนที่ 3 (Local Fee)  และเตรียมแลกเงินไปสำหรับ Pocket Money รวมถึงเตรียมยาสามัญพื้นฐานไปในการดูแลตัวเองระหว่างที่ไปเรียน … สำหรับรายละเอียดการเตรียมตัวอื่นๆ ก้อปันกันจะมีคำแนะนำให้กับนักเรียนที่เลือกสมัครและใช้บริการของเราอีกครั้ง

ขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778

นัดหมายพูดคุยผ่าน