[รีวิว] ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์ของคู่แม่ลูกใน Philinter โดย คุณตูน – นำทาง

ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์ของคู่แม่ลูก

ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์ของคู่แม่ลูก

คุณตูน และ น้องนำทาง 2 บล็อคเกอร์คู่แม่ลูกที่ได้รับโอกาสจากทางก้อปันกันในโครงการ Buddy Blogger ไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ในสถาบัน Philinter จะมาแชร์ประสบการณ์การไปเรียนและใช้ชีวิตกันในระยะเวลา 1 เดือนเต็มที่ฟิลิปปินส์ให้ฟังกันค่ะ โดยความน่าสนใจของแม่ลูกคู่นี้ คือ การที่น้องนำทางเป็นเด็ก Homeschool มาก่อน และครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของเธอที่ได้ลองมาเรียนในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ ลองมาอ่านประสบการณ์ของทั้งสองแม่ลูกกันดูค่ะ

แนะนำตัวกันหน่อย 

นำทาง : ชื่อนำทางค่ะ อายุ 10 ขวบ ไปเรียนที่ฟิลิปปินส์ตอนเดือนตุลาคมมาเดือนนึง เป็น Junior ESL

คุณตูน : ชื่อตูนค่ะ ส่วนของแม่เรียนเป็น General ESL

ก่อนไปฟิลิปปินส์กับพอไปถึงฟิลิปปินส์แล้ว เหมือนอย่างที่คิดรึเปล่า ?

นำทาง : ไม่ค่ะ เพราะนำทางคิดว่าโรงเรียนจะอยู่ติดทะเล

พี่ตูน : ก่อนไปเราก็ดูรูปเซบูทั่วๆไป แต่เวลาเราเสิร์ชมันก็จะเจอที่เที่ยวซะส่วนใหญ่ ส่วนรูปโรงเรียนเราก็เปิดดูหลายๆโรงเรียนที่มีอยู่ในเว็บก้อปันกันเพื่อหาดูไอเดียภาพรวมว่าเขาเรียนภาษากันยังไง สำหรับแม่ ก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างจากที่คิด แต่ตอนไปดูแผนที่โรงเรียนมันเป็นเกาะ มันจะอยู่ริมๆใกล้สะพานที่ข้ามไปเซบู น้องเลยเข้าใจว่ามันใกล้ขนาดที่จะเห็นชายฝั่งทะเล

การปรับตัวยากรึเปล่า ?

คุณตูน : ไม่ ที่ Philinter โรงเรียนก็จะเป็นรั้วสูงๆ กำแพงใหญ่และสูงมาก หน้าประตูทางเข้าโรงเรียนและทุกจุดในโรงเรียนจะมีรปภ. คอยดูแลตลอดเวลา มันก็เหมือนกับว่าเราอยู่หอพักประจำ มีคนคอยดูแลตลอด จะออกไปข้างนอกเราก็ต้องแลกบัตรและแจ้งให้ทราบ พอตอนกลับเข้ามาเราก็ต้องแจ้งให้ทราบอีกว่ากลับมาตอนไหน และถ้าจะไปค้างข้างนอก ทางโรงเรียนก็จะมีแบบฟอร์มมาให้กรอกก่อนไปด้วย เพื่อที่เขาจะสามารถเช็คได้ในกรณีที่มีใครหายไป

ส่วนเรื่องน้องก็ไม่ได้ปรับตัวอะไรมาก เพราะเขาก็ 10 ขวบแล้ว แต่เวลาระหว่างเรียนก็จะแยกกันเรียนเพราะของเขาเป็นคลาสเด็กเล็ก เราก็จะแยกกัน เราก็ไปเข้าคลาสของเรา แต่ช่วงที่นำทางไป เขาเป็นเด็กคนเดียวในโรงเรียน ครูเลยจัดให้เขาไปนั่งเรียนในห้องๆนึงเป็นห้องประจำไปเลย ไม่ต้องคอยเดินเปลี่ยนห้องแล้วเดี๋ยวครูจะเดินมาหาที่ห้องเอง พอตอนเลิกเรียน น้องจะเลิกเรียนก่อนเรา เขาก็จะเดินกลับไปที่ห้องพักเอง ไปนั่งทำการบ้านรอเอง

นำทาง : แต่ที่หนูต้องรีบกลับเนี่ย เป็นเพราะว่าเดี๋ยวอินเตอร์เน็ตจะช้าค่ะ รีบกลับมาใช้อินเตอร์เน็ตคนเดียวก่อน สบายมากเลย

คุณตูน : ในโรงเรียนเราก็ไม่ต้องห่วงอะไรมาก เราก็ปล่อยเขาไป บางทีเขาว่างเขาก็วิ่งไปหาครู วิ่งไปหาเพื่อน ไปเคาะประตูชวนเพื่อนเล่นห้องนู้น ห้องนี้ เพราะมันมีคนดูแลตลอด

นำทางคิดถึงบ้านบ้างรึเปล่า ?

นำทาง : ไม่เลยค่ะ รู้สึกว่า 1 เดือนมันผ่านไปไวจริงๆ อยู่แค่แป๊ปเดียวเอง

เป็นเด็กคนเดียวในโรงเรียนลำบากรึเปล่า ?

นำทาง : ไม่เลยค่ะ ไม่เลย มีครูเป็นเพื่อน มีพี่ๆ เป็นเพื่อน

คูณตูน : วันแรกๆ เขาก็รู้สึกว่าเขามาตอนนี้มันไม่มีเพื่อนเลย เรียนกรุ๊ปคลาสก็กลายเป็นเรียนคนเดียวเหมือนเรียนตัวต่อตัวทั้งหมด 7 คาบ แต่พอเขาเรียนไปสักพัก ครูและนักเรียนคนอื่นๆในโรงเรียนก็จะรู้จัก จำเขาได้หมด เพราะเขาเป็นเด็กคนเดียวก็จะมาชวนคุย ชวนเล่นหมด เขาก็เลยไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้รู้สึกเหงา หรือ ไม่มีเพื่อนก็เลยสนุก

เรื่องการเรียนเป็นยังไงบ้าง ?

คุณตูน : ก็ดีนะ เราก็เคยเรียนภาษาอังกฤษมาเยอะแล้ว เด็กนักเรียนไทยนี่เรียนกันตั้งแต่อนุบาล เรียนกันมาตลอด แต่พอไปเรียนที่นี่มันจะมีบางอย่างที่เรากลับไม่เคยรู้มาก่อน แบบ เห้ย! ทำไมครูที่ไทยเขาไม่เคยสอนเราเรื่องนี้ ยิ่งพวกคำศัพท์ Tricky Words กับการออกเสียง เพราะเราเรียนกันมาแต่แกรมม่าแล้วก็ไม่ค่อยได้เอามาฝึกใช้ รู้แกรมม่าแต่ใช้ไม่เป็น การสื่อสารเลยลำบาก อย่างที่ไปเรียนก็จะมีทั้ง Speaking, Grammar, Reading, Vocabulary, Listening และก็จะมีเรียนการออกเสียง ทุกคลาสก็จะมีการเรียนเน้นเฉพาะทางของมัน และในทุกคลาสเราก็จะได้พูด ได้ฝึกใช้ตลอดทุกคลาสถึงจะเรียน Listening หรือ Grammar ก็ตาม

และครูเขาก็ไม่ได้สอนไปตามหนังสือแล้วให้ท่องหรือจดตาม เขาจะพยายามให้เราคิดอย่างอื่นเพิ่มเติมขึ้นมา ถามนอกเหนือจากคำถามที่มีอยู่แล้ว และให้เราแสดงความคิดเห็น อีกคลาสนึงที่ชอบมาก คือ IPA พวก Pronounciation เรื่องการออกเสียง อย่างคนไทยก็จะมีปัญหาเรื่องพวกท้ายเสียงต่างๆ อย่าง ed หรือตัว T ตัว D ที่เราพูดไม่ชัดเพราะเราไม่เคยได้ฝึก เราก็ได้ฝึกเพิ่มขึ้นที่นี่ ยิ่งอย่างคนไทยมีพื้นแกรมม่าแล้ว การไปเรียนที่นี่ก็ทำให้เหมือนเราได้ไปเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆที่เราขาดไป

นำทาง : หนูชอบคุยกับครู หนูได้คุยตลอด อย่างกับเรียนคาบ Listening และ Speaking ผสมกัน พวกเขียนก็ได้เรียนค่ะ ได้เยอะขึ้นแล้วค่ะ

คุณตูน : เขาก็มีพัฒนาการอยู่ เพราะก่อนที่เขาไปพูดได้ สื่อสารได้ แต่เขาไม่เคยเรียนแกรมม่ามาก่อนเลยเพราะเราไม่เคยสอนแกรมม่าให้กับเขา ก็เลยได้ไปเก็บพวกแกรมม่ากับการสะกดคำแทน เขาเขียนได้มากขึ้น เพราะตอนไปสอบวัดระดับก่อนเรียน คะแนนอย่างอื่นเขาแทบไม่ได้เลย ได้แค่คะแนน Speaking กับ Listening อย่างเดียว คะแนนพาร์ท Grammar, Writing นี่แทบไม่มีเลย ครูก็ตกใจว่าทำไมเป็นอย่างนี้ ครูเขาก็ใส่ใจนะเขาก็เรียกแม่ไปคุยว่าทำไมน้องเป็นแบบนี้ เราก็เลยอธิบายให้เขาฟัง ครูเขาก็เข้าใจและก็จะเน้นให้ฝึกเขียนและ Grammar ให้ถูกต้องมากขึ้น

ทีนี้ก่อนเรียนจบเราก็จะได้สอบวัดระดับอีกที คะแนนขึ้นเยอะมาก

เรื่องสำเนียงของครูที่ Philinter เป็นยังไงบ้าง ?

คุณตูน : ที่ Philinter เนี่ยเขาก็จะต้องเทรนก่อน 3-6 เดือน ระหว่างที่เรียนอยู่เราก็เคยเห็นครูที่เขาต้องเข้าคลาสเรียนเพื่อไปฝึกการออกเสียงเพิ่ม เพราะคนฟิลิปปินส์เขาก็มีสำเนียงต่างหากของเขา เหมือนคนสิงคโปร์ที่จะมีสำเนียงภาษาอังกฤษอีกแบบนึง แต่ว่าในโรงเรียนเนี่ย ครูเขาก็จะไม่เหมือนกับคนฟิลิปปินส์ข้างนอกสำเนียงเขาจะเป็นแบบ American Accent กัน อย่างครูที่เรียนด้วย 8 คาบก็โอเคหมดเลยนะ ถ้าเทียบกับครูไทยในโรงเรียนธรรมดา หรือครูพม่า ครูแขกที่เราเคยเรียนมา เราว่าครูที่ฟิลิปปินส์ฟังง่ายกว่าเยอะ

นำทาง : ฟังง่ายค่ะ เหมือนฝรั่งที่มาที่บ้านเลยค่ะ หนูชิน

คิดว่าสำเนียงมีผลกระทบต่อการทำงานมั๊ย ?

คุณตูน : ไม่มีนะ เราว่าในสถาบันสอนภาษาเขาก็ได้รับการฝึกมาอยู่แล้ว เรื่องสำเนียงก็ไม่ต้องห่วง และถ้าพูดถึงข้อดีของการไปอยู่ฟิลิปปินส์นี่มันก็มีข้อดีอื่นๆอีก คนฟิลิปปินส์ทั่วไปเขาก็พูดภาษาอังกฤษกันได้อยู่แล้ว ขอความช่วยเหลือ สอบถามทางได้ตลอด เราถามกับใครก็ได้ เจอวินมอเตอร์ไซด์ รปภ. พนักงานห้างเราถามได้หมด เพียงแต่สำเนียงเขาอาจจะไม่ได้ไพเราะเท่าครูในโรงเรียน เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้ลำบากอะไร

นำทาง : บางทีเราเดินอยู่บนถนน เห็นบ้านที่อยู่ข้างๆ เราก็ไปถามได้หมดค่ะ

คุณตูน : อีกอย่างนึงก็คือ คนฟิลิปปินส์ก็เฟรนด์ลี่นะ ตอนรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน ขึ้นเครื่อง หรือนั่งเรือไปเที่ยว ทุกครั้งก็มีคนมาคุยด้วยตลอด อารมณ์เหมือนฝรั่งที่แบบไปเจอใครก็ถามไถ่ไปหมด

มีกิจกรรมที่ได้ทำใน Philinter บ้างรึเปล่า ?

คุณตูน : ปกติของผู้ใหญ่ในวันศุกร์จะมี Co- Curricularครึ่งวันบ่ายจะไม่ได้เรียนตามปกติแต่จะเป็นกิจกรรมเสมออย่างอื่นเพื่อฝึกภาษา เขาก็จะจัดกลุ่ม ให้หัวข้อเรามาว่าต้องทำอะไร อย่างเช่น ให้นักเรียนแสดงบทบาทเป็น Travel Agency รับโทรศัพท์จากคนที่มาจองทัวร์ อีกอาทิตย์นึงเป็นผู้ประกาศข่าว เป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร ก็จะแสดงบทบาทต่างกันออกไปในกลุ่ม เราก็ได้ฝึกการใช้ภาษาเหมือนในสถานการณ์จริง

ส่วนเด็กจริงๆแล้ว เขาก็จะมีกิจกรรมสำหรับเด็ก อย่างที่เขาเล่าให้ฟังก็เช่น เล่นเกมส์ภาษาอังกฤษ ร้องเพลงภาษาอังกฤษ หรือ ดูภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความที่น้องเป็นเด็กคนเดียวในโรงเรียนก็เลยไม่ได้ทำ นำทางเลยได้เข้าร่วมงานเดียว คือ วันศุกร์สุดท้ายของเดือน ทางโรงเรียนเขาจะจัดเป็น English Day เป็น Theme ของแต่ละเดือน อย่างตอนเราไปเป็นเดือนตุลาคมก็จะเป็นธีม Halloween เขาก็จะมีจัดแบ่งตามกลุ่มของ Buddy Teacher ที่เราอยู่ด้วยจัดการแสดงต่างๆ แล้วก็ให้นักเรียนเป็นตัวแทนออกมาทำกิจกรรมต่างๆ นำทางเลยได้แต่งตัวเป็นตุ๊กตาผี

คิดว่าเซบูเป็นเมืองที่เหมาะสมกับการให้เด็กไปเรียนรึเปล่า ?

คุณตูน : ถ้าออกไปกับเพื่อนหรือว่าออกไปกับผู้ใหญ่มันก็โอเค เพราะว่าที่เที่ยวส่วนใหญ่มันก็จะเป็นทะเล ชายหาด หรือว่าไปเกาะอื่น เพราะฟิลิปปินส์มันก็มีแต่เกาะ เด็กก็เอ็นจอยอยู่แล้วกับทะเล เราไปได้หลายเกาะมาก

นำทาง : หนูว่าหนูชอบหมดทุกที่เลยค่ะ ชอบที่ไปซื้อของที่ระลึก มันสนุกทุกที่เลย มีที่นึงเราไปติดเกาะด้วยเพราะว่าฝนตกเลยได้นั่งเล่นเกมกัน

อาหารการกินเป็นยังไงบ้าง ?

นำทาง : อร่อยค่ะ! แต่ถ้าเป็นอาหารในโรงเรียนน่าจะเพิ่มผลไม้กับผักหน่อยค่ะ

คุณตูน : ใช่ค่ะ น่าจะเป็นที่ทุกคนพูดถึงโดยเฉพาะคนญี่ปุ่นและเกาหลีเขาจะบ่นกันเยอะหน่อยว่าในฟิลิปปินส์หาผัก ผลไม้ทานยาก ไม่ใช่แค่ในโรงเรียนหรอก ข้างนอกก็เหมือนกัน ร้านอาหารของเขาส่วนใหญ่จะเป็นเมนูเนื้อๆ ผักของเขาจะเป็นผักประดับตกแต่งซะมากกว่า

ประทับใจอะไรในโรงเรียน Philinter หรือ ประเทศฟิลิปปินส์บ้าง ?

นำทาง : หนูประทับใจคำพูดของคุณครูค่ะที่หนูเคยเขียนลงบันทึก เป็นคำพูดในตอนสอบวัดระดับวันแรก มีครูคนนึงที่ตอนหลังเขามาเป็นครูสอนหนูด้วย เขาคิดว่านำทางกลัว แต่ที่จริงนำทางไม่ได้กลัว เขาก็บอกว่าไม่ได้กลัวนะ เราเป็นเพื่อนกันได้มั๊ย

คุณตูน : เรื่องเรียนนั่นแหละ ด้วยความที่เราเป็นผู้ใหญ่ใช่มั๊ย ครูส่วนใหญ่ที่นั่นก็เด็กกว่าเรา เวลาเรียนครูเขาก็มักจะถามความคิดเห็น เราก็จะได้แสดงความคิดเห็น เล่าเรื่องในมุมของเรา ประเทศของเรา เขาก็สนใจที่จะฟัง เราก็สนใจที่จะฟังเหมือนกัน เราก็เลยประทับใจเรื่องนี้แหละเหมือนมีคนคุยด้วยทุกวัน หรืออย่างเวลาที่ครูถามเรื่องคำศัพท์แล้วเรายังคิดไม่ออก เขาก็จะไม่ได้บอกทันทีหรือเร่งให้เราตอบพูดออกมา เขาก็จะปล่อยให้เราคิด และคอยช่วยเหลือเรา ไม่ได้เร่งว่าต้องให้จบบทนี้ในวันนี้

เรื่องสังคมเพื่อนในโรงเรียนเป็นยังไงบ้าง ?

คุณตูน : เพื่อนน่ารักค่ะ มีคนญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เวียดนาม ช่วงที่เราไปคนญี่ปุ่นและเวียดนามเยอะ ด้วยความที่โรงเรียนเป็นโรงเรียนสอนภาษา มันก็จะมีหลากหลายวัยตั้งแต่มัธยมปลาย เรียนจบแล้ว วัยทำงาน และวัยผู้ใหญ่ ตอนเราไปอยู่ก็มีคนอายุมากสุดประมาณ 60 ปี แต่ทุกคนก็คุยกันได้ ดูกลมกลืน ขนาดนำทาเงป็นเด็ก 10 ขวบคนเดียว ทุกคนก็มาคุยเล่นกับนำทาง ไม่ได้แบ่งแยกอะไรกัน เราก็ไปเที่ยวกับกลุ่มญี่ปุ่น กลุ่มเวียดนามได้

นำทาง : เพื่อนญี่ปุ่นเขามาตรงเวลามาก ตอนนั้นนัดเล่นเกมกัน 1 นาทีก่อนถึงเวลานัด เพื่อนญี่ปุ่นก็เดินมาเลยค่ะ พอเดินเข้ามาในห้องถึงเวลาพอดี

มีฟีดแบคอะไรอยากบอกกับทางก้อปันกันรึเปล่า ?

คุณตูน : เรื่องที่มีปัญหาก็มีแค่เรื่องผักผลไม้ที่ไม่ค่อยมีในโรงเรียนเท่านั้นค่ะ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้

Thai Manager ทำงานเป็นยังไงบ้าง ?

นำทาง : ก็ดีค่ะ พี่จูนมาเล่นการ์ดเกมกับหนู ช่วงแรกๆที่เรายังไม่มีเพื่อนเขาก็ไปเที่ยวกับเราตลอดเลย

คุณตูน : อย่างวันแรก ผู้จัดการเขาก็จะไปรับที่แอร์พอร์ต วันแรกที่เริ่มเรียน เราก็ต้องสอบวัดระดับ ส่วนตอนบ่ายผู้จัดการจากชาติต่างๆซึ่งมีทุกชนชาติก็จะเป็นคนพานักเรียนไปช๊อปปิ้งซื้อของใช้จำเป็นก่อน เวลาที่มีปัญหาหรือขอความช่วยเหลืออะไรก็สามารถติดต่อผู้จัดการได้ตลอด เช่น เกิดปัญหาในห้องพัก เราก็ไปแจ้งได้ ผู้จัดการก็จะแจ้งทางช่างให้ ไม่ใช่แค่กับผู้จัดการชาติเรานะ ต่อให้เป็นชาติอื่นเราก็สามารถขอความช่วยเหลือหรือขอคำปรึกษาจากเขาได้เหมือนกัน

วันแรกๆผู้จัดการคนไทยเขาก็จะมาพูดคุย แนะนำที่เที่ยว และมันจะมีปฐมนิเทศน์ก่อนเรียนจริง เขาจะแจกเอกสารแต่ละภาษาเกี่ยวกับรายละเอียดในโรงเรียน ผู้จัดการเขาก็จะนั่งบรีฟให้ฟังทั้งเล่มเลย

ที่พักเป็นยังไง ?

คุณตูน : มันก็ธรรมดาค่ะ ด้วยความที่โรงเรียนก็ใช้งานมากว่า 10 ปีแล้วก็มีเก่าบ้างไปตามเวลา แต่ตอนที่เราไปถึงมันมีไฟดวงนึงเสียและฝักบัวเสีย พอเราไปแจ้ง ช่างก็มาซ่อมให้เลย และที่ชอบอีกอย่างนึง คือ เขามีที่กดน้ำให้ทุกที่ ทั้งในตึกเรียน ห้องครัว หอพักทุกชั้น กดได้ทั้งน้ำร้อนและเย็น เวลาดึกดื่นเราก็มากดน้ำต้มมาม่ากินได้ เติมน้ำเองได้

มีอะไรอยากแนะนำผู้ปกครองที่อยากส่งลูกไปเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์บ้างมั๊ย ?

คุณตูน : ก็ดีนะ ได้ประสิทธิภาพดีอยู่ และมันก็ใกล้เมืองไทย ค่าตั๋ว ค่าครองชีพที่ฟิลิปปินส์ก็ไม่แพง อย่างเวลาไปซื้อของที่ Watson ราคาก็จะเหมือนของไทยเลย อย่างของไทย ราคาสิ่งนี้มัน 99 บาท ที่ฟิลิปปินส์ก็เป็น 99 เปโซ แต่ด้วยความที่ค่าเงินเขาถูกกว่ามันเลยเหมือนเราได้ซื้อของลดราคา 30% ตลอดเวลา พวกของในห้างก็จะถูกกว่าที่เมืองไทย ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี

อย่างเด็กมัธยมหรือมหาวิทยาลัยไปเรียนเองแล้วคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ไปด้วย คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถไปเยี่ยมลูกได้เพราะว่ามันใกล้ เดินทางไม่นาน ค่าเดินทางไม่สูง

มีไอเดียอยากทำอะไรหลังจากกลับจากที่ฟิลิปปินส์มาบ้างมั๊ย ?

คุณตูน : อย่างตอนนี้เวลาอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้ลูกฟังก็จะคอยบอกลูกว่าคำนี้ไม่ได้ออกเสียงแบบนี้นะ เราก็จะมีรายละเอียดมากกว่าเดิม ที่จริงเราก็อยากจะถ่ายทอดให้กับคนอื่นนะ มันเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราอ่าน IPA เป็น เราก็สามารถอ่านได้ว่าคำนี้ออกเสียงยังไง อยากถ่ายทอดนะคะแต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Philinter คลิก

Credit : Philinter
# ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์ของคู่แม่ลูก
Photo Credits : คุณตูน และ น้องนำทาง

ขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778

นัดหมายพูดคุยผ่าน