[รีวิว] เรียนหลักสูตร Power Speaking กับ Pines International Academy โดย ริว

รีวิว เรียนหลักสูตร Power Speaking กับ Pines International Academy
ระยะเวลา 4 สัปดาห์ (March 12-Apr 9, 2023)

โดย Nichapa Kasemkulwatthana (Ryu)

ทำไมถึงเลือกไปเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

เพราะว่าฟิลิปปินส์อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย คอร์สเรียนที่ฟิลิปปินส์ มีราคาถูกกว่าประเทศอื่น และเรามีความคุ้นเคยกับคนฟิลิปปินส์มากกว่าคนชาติอื่น ทำให้รู้สึกอุ่นใจค่ะ อย่างครูที่สอนเราก็เป็นครูฟิลิปปินส์ค่ะ

ทำไมถึงเลือกเรียนที่ Pines

ตอนเสิรช์หาสถาบันสอนภาษาที่ฟิลิปปินส์ เจอสถาบันสอนภาษาอยู่ที่เมืองเซบูกับเมืองบาเกียว แล้วก็หารีวิวในพันทิป เจอรีวิวคนไทยไปเรียนที่เมืองเซบูเยอะ ส่วนของที่เมืองบาเกียวไม่ค่อยเจอ มีรีวิวน้อยมาก เลยคิดว่าคนไทยน่าจะมาเรียนที่นี่น้อย เลยเลือกเรียนที่ Pines International Academy เพราะสถาบันนี้ตั้งอยู่ที่เมืองบาเกียวค่ะ

เพื่อน ๆ มาจากประเทศอะไรกันบ้าง

เพื่อนที่โรงเรียนก็มีหลากหลายเลยค่ะ แต่ก็จะเป็นทวีปเอเชียเหมือนกัน โดยนักเรียนจากประเทศจีนเยอะเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาก็จะเป็น เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม มองโกเลีย โดยที่หนูเป็นคนไทยคนเดียวในโรงเรียนเลยค่ะ (หัวเราะ)

ไม่มีคนไทยเลย ปรับตัวยากไหม

ไม่ยากเลยค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะต่างชาติต่างภาษา แต่ภาษาที่เราใช้คุยกันก็คือภาษาอังกฤษค่ะ เพื่อน ๆ แต่ละคนก็คือนิสัยดีมาก น่ารักมาก และเฟรนลี่มากค่ะ เราแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน และเข้าใจกันได้ด้วยดีค่ะ

คอร์ส Power Speaking เป็นยังไง สนุกไหม

ก็คือจะเรียนทั้งหมด 8 คาบค่ะ โดยแบ่งเป็นคาบเดี่ยว 4 คาบ และคาบกลุ่ม 4 คาบค่ะ ถึงแม้ว่าชื่อคอร์สจะชื่อ Power Speaking แต่เราก็ได้เรียนทุกทักษะเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน แต่จะเน้นพูดเยอะหน่อยนึง (หัวเราะ) รู้สึกสนุกมากเลยค่ะ เวลาเป็นคาบกลุ่มก็จะได้คุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อน พอเป็นคาบเรียนเดี่ยว มันก็จะเป็นส่วนตัวมาก ๆ ซึ่งเราก็คุยแลกเปลี่ยนกับคุณครู อยากถามอะไรก็ถามได้หมดค่ะ แล้วคุณครูก็ตอบคำถามได้ดีมาก ๆ เข้าใจง่ายค่ะ

วิชาที่เราชอบที่สุด และวิชาที่ไม่ชอบ

วิชาที่ชอบที่สุดจะชื่อว่า Speaking Zone ค่ะ เป็นวิชาที่ชอบมาก บทเรียนก็จะเป็นหัวข้อโดยแต่ละวันก็จะไม่เหมือนกัน เช่น เกี่ยวกับวัฒนธรรมต่าง ๆ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก โดยตอนแรกเราก็จะเรียนรู้คำศัพท์ก่อน แล้วก็จะคุยกับคุณครูแลกเปลี่ยนกันว่าเรารู้จักสิ่งใดบ้าง และอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ในประเทศของคุณ ซึ่งมันทำให้เราได้ฝึกพูดเยอะมากเลยค่ะ และก็ได้ความรู้ใหม่ ๆ เยอะมาก ก็เลยชอบคลาสนี้มาก ๆ เลยค่ะ

และวิชาที่ไม่ค่อยชอบเป็นคลาส Phrasal Verb เหมือนมันจะเป็น Verb 2 ตัว ที่พอมาเจอกันจะทำให้คำเกิดความหมายใหม่ แล้วพออธิบายเป็นภาษาอังกฤษก็จะทำให้เข้าใจยากนิดนึงค่ะ แต่ว่าก็พอเข้าใจได้ค่ะ เช่นคำว่า run into ไม่ได้แปลว่าวิ่งชนอะไรสักอย่างค่ะ แต่แปลว่า พบเจอกันโดยบังเอิญ

สำเนียงครูฟิลิปปินส์ฟังยากไหม

ฟังไม่ยากเลยค่ะ ที่โรงเรียนเหมือนเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเราตั้งใจมาเรียน ครูที่มาสอนเราเขาก็จบครูมา จบเอกภาษาอังกฤษมา เข้าก็จะพยายามพูดช้า ๆ ชัด ๆ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสำเนียง American ค่ะ มีแค่บางคนเลยจริง ๆ ที่ติดสำเนียงตากาล้อคอยู่ค่ะ

มีเป้าหมายอะไรในการเรียนครั้งนี้

เป้าหมายคืออยากไปฝึกทักษะการพูดค่ะ เพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโตหนูก็เรียนภาษาอังกฤษมาโดยตลอด แต่ส่วนมากที่ไทยจะเน้นเรียนพวก Reading, Grammar แล้วก็มี Listening นิดหน่อย แต่ว่าหนูไม่ค่อยได้ใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาเลย และที่ไทยไม่ค่อยเน้น Speaking ด้วย การไปเรียนภาษาที่ประเทศฟิลิปปินส์ หนูได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้หนูพูดได้คล่องขึ้น เก่งขึ้นค่ะ

สิ่งที่กังวลก่อนไปเรียน

กังวลเรื่องอาหารค่ะ เพราะหนูทานมังสวิรัติ กลัวว่าจะไม่มีอะไรทานแล้วจะอยู่ยังไง แต่พอมาที่โรงเรียนก็คือทานได้ค่ะ ที่โรงเรียนมีอาหารหลายอย่าง มีทั้งเนื้อและผัก เมนูอาหารที่นี่ก็เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ มีสลัดให้ทานทุกมื้อเลย แต่ถ้าใครกังวลมากก็เตรียมไปเพื่อด้วยก็ได้ค่ะ แต่สำหรับหนูโอเคกับอาหารที่เขามีให้ค่ะ

การบ้านเยอะไหม

การบ้านแทบไม่มีเลยค่ะ จะมีแค่บางคาบเท่านั้น และก็มีแค่ครูบางคนที่ให้การบ้านค่ะ ไม่ได้ให้ทุกคาบ ส่วนมากก็จะเป็นให้อ่านบทเรียน หรือทบทวนคำศัพท์ที่ยาก ๆ มาก่อนค่ะ เพื่อที่ว่าพอถึงเวลาเรียนจริงเราก็จะไปได้ไวขึ้น ไม่เสียเวลาค่ะ

เวลามีปัญหาติดต่อเจ้าหน้าที่ยากไหม

ไม่เคยมีปัญหาค่ะ แต่ถ้าสมมติว่ามีปัญหาเกิดขึ้น เขาก็จะมีเมเนเจอร์ที่คอยดูแลเรา ซึ่งเราจะรู้ว่าเมเนเจอร์ของเราคือคนไหน ตั้งแต่วันปฐมนิเทศเลยค่ะ เช่นเรามีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ วันหยุดอยากออกไปเที่ยวข้างนอกแต่ไม่รู้จะไปที่ไหน เราก็ไปถามเมเนเจอร์ของเราให้เขาช่วยแนะนำได้ค่ะ หรือว่าอยากปรึกษาเรื่องทั่วไปก็สามารถปรึกษาเขาได้ทุกเรื่องเลยค่ะ

ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยดูแล ลำบากไหม เป็นอุปสรรคไหมกับการไปเรียนที่นี่

ไม่เป็นอุปสรรคค่ะ เวลาที่เราจะสื่อสารเราจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ถึงเราจะไม่ค่อยรู้เรื่อง พูดผิดพูดถูก เจ้าหน้าที่เขาจะพยายามเข้าใจเราสุด ๆ เลยค่ะ

ที่โรงเรียนมีความอำนวยสะดวกอะไรบ้าง

โรงเรียนจะเป็นอาคาร 4 ชั้น จริง ๆ มี 5 ชั้น โดยที่ชั้น 5 เป็นดาดฟ้า แต่เข้าปิดเอาใว้ไม่ให้นักเรียนขึ้น ชั้น 3-4 เป็นห้องเรียนกับห้องพักรวม ๆ กัน ชั้นแรกสุดจะเป็นจุดนักหมายสำหรับนักเรียนใหม่ เขาก็จะบอกว่าแต่ละคนจะได้พักอยู่ที่ห้องไหนชั้นไหน แล้วก็แยกย้ายไปเก็บกระเป๋าค่ะ และชั้น 1 ยังมีร้านอาหาร 3 ร้าน มีร้านปิ้งย่างเกาหลี ร้านอาหาอิตาเลียน และร้านอาหารฟิลิปปินส์ แล้วก็มียิม แต่ไม่ได้ใหญ่มากค่ะ

หลังเลิกเรียนทำอะไรต่อ

ปกติคลาสเรียนจะเริ่มเรียน 8 โมง และคลาสสุดท้ายจะเลิกเรียนประมาณ 5 โมงเย็น ที่โรงเรียนจะมีคลาสพิเศษช่วงกลางคืนถ้าใครสนใจก็สามารถเรียนได้ ซึ่งหนูก็สนใจในคลาสที่เขาเปิด กิจกรรมทุก ๆ เย็นหลังจากเลิกเรียน ก็จะทานมื้อเย็น และรอเรียนคลาสช่วงค่ำค่ะ

วันเสาร์-อาทิตย์ ทำอะไรบ้าง

ออกไปเที่ยวทุกเสาร์เลยค่ะ หนูมาเรียน 1 เดือนก็จะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกแค่ 4 ครั้งค่ะ โดยหนูก็จะนัดกับเพื่อนออกไปเที่ยววันเสาร์ทั้งวัน แล้ววันอาทิตย์หนูก็นอนทั้งวันเลย เพราะหนูเหนื่อย ฮ่า ๆ อาทิตย์แรก ๆ หนูไปสตอร์เบอร์รี่ฟาร์มที่อยู่ใกล้ ๆ โรงเรียน และก็ไปดูบ้านที่เป็นสี ๆ ค่ะ (Valley of Colors) โดยหนูนั่งจิปนี่ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ เพื่อน ๆ ของหนูก็มาจากมองโกเลีย จีน ญี่ปุ่นค่ะ แล้วก็ไปเดินเล่นที่ห้าง SM Mall และก็ไปเล่นสวนสนุกเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับห้างค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นสวนสนุกสำหรับเด็กเล็ก แต่ว่ามันก็มีเครื่องเล่นที่แรงใช้ได้เลยค่ะ พวกหนูเล่นไวกิ้งกัน สนุกมาก แล้วก็น่าหวาดเสียวสุด ๆ หนูขึ้นไปเล่นกับเพื่อน 4 คน พอลงจากเครื่องเล่นมา มีเพื่อนคนนึงอาเจียนเลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนแรกคิดว่าจะเฉย ๆ ไม่คิดว่าจะน่าหวาดเสียวขนาดนี้

เตรียม Pocket Money ไปเท่าไหร่

เตรียมไป 30,000 เปโซค่ะ ไว้ใช้กิน เที่ยว และซื้อของต่าง ๆ เหลือเงินกลับมาประมาณ 7000 เปโซค่ะ ส่วนมากจะใช้เงินเวลาออกไปเที่ยวข้างนอกวันเสาร์อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาก็จะมีเข้าเซเว่นบ้าง ซื้อน้ำบ้างค่ะ

ห้องพัก 4 เตียง รูมเมทโอเคไหม

หนูเข้ามาพร้อมกับเพื่อนคนจีนค่ะ โดยรูมเมทหนูได้เจอ 2 ชุดค่ะ ชุดแรกได้เจอตอนอยู่ 2 อาทิตย์แรกที่เพิ่งเข้าเรียน แล้วพวกเขาก็เรียนจบกลับบ้าน แล้วก็มีชุดใหม่มาเจอกันในช่วง 2 อาทิตย์หลัง โดยเพื่อน 2 อาทิตย์แรกเป็นคนเวียดนามกับใต้หวัน ส่วน 2 อาทิตย์หลังเป็นคนจีนกับคนญี่ปุ่นค่ะ รูมเมทน่ารักมากค่ะ ตอนแรกเราก็กังวลว่าเขาจะเคร่งกันไหม เพราะหนูเป็นคนชิล ๆ ค่ะ แต่ปรากฎว่าทุกคนก็ชิล ๆ เหมือนกันหมดเลยค่ะ เฟรนลี่ด้วย อยากทำอะไรก็ทำ แต่แค่ไม่ส่งสียงดังรบกวนกันก็พอค่ะ

ห้องพักเป็นแบบไหน

ทุกคนจะได้นอนเตียงเหมือนกันหมดค่ะ โดยที่ชั้นล่างจะเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ และชั้นบนเป็นเตียงนอนค่ะ มีตู้ใส่ของที่สามารถล็อกกุญแจได้ และมีราวแขวนเสื้อให้ ถ้าเกิดตัวสูงหน่อยก็จะใช้ชีวิตลำบากนิดนึง เพราะว่าหัวอาจจะกระแทกเพดานได้ค่ะ (หัวเราะ) ไม่มีแอร์ แต่มีพัดลมให้ มีเครื่องกรองอากาศ มีเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่มีไดร์เป่าผม มีเพื่อนคนญี่ปุ่นเขาเอาไดร์เป่าผมจากญี่ปุ่นมาใช้ พอเสียบปลั๊กก็คือไดร์เป่าผมช็อตแล้วก็พังไปเลยค่ะ ก็อยากแนะนำให้พกไดร์แบบที่สามารถเสียบปลั๊กได้ทั่วโลก และก็นำหัวแปลงปลั๊กมาด้วยค่ะ

ไม่มีแอร์ แล้วไม่ร้อนหรอ…

ไม่ร้อนเลยค่ะ เพราะอากาศที่บาเกียวจะเย็นสบาย ประมาณ 20 องศา บางวันก็ลดลงไปประมาณ 10 องศากว่า ๆ ค่ะ ตัวเลขอาจจะรู้สึกว่าหนาวสำหรับคนไทย แต่พออยู่ไปสักพักก็ชินค่ะ อากาศดีมาก เย็นสบาย เราสามารถใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแล้วก็ใช้ชีวิตได้เลยค่ะ ตอนนี้หนูยังคิดถึงอากาศที่บาเกียวอยู่เลย หนูกลับไทยช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่แบบร้อนมาก ไม่อยากกลับไทยเลยค่ะ คิดถึงอากาศที่นู่น

รีวิวการเดินทางไปทางไปที่โรงเรียนหน่อย เป็นอย่างไรบ้าง ได้ต่อเครื่องรึเปล่า ?

ไม่ยากเลยค่ะ ไม่ได้ต่อเครื่องแต่ต่อรถตู้ค่ะ โดยจะเป็นรถตู้จากทางสถาบันที่เขามารอรับเราค่ะ พอลงเครื่องผ่านตม.แล้วเดินออกจากประตูมาก็เจอเจ้าหน้าที่เลยค่ะ หาเจ้าหน้าที่เจอง่ายมาก เพราะทางก้อปันกันมีแผนที่ให้ และอธิบายละเอียดเลยว่าเจ้าหน้าที่จะมารอรับเราอยู่ตรงไหน ซึ่งจุดนัดพบ (Terminal 1 Bay 6 สำหรับคนที่บินไปกับการบินไทย ) เหมือนจะเป็นจุดที่นั่งรอรถต่าง ๆ นอกอาคาร มีที่นั่งเยอะมาก มีห้องน้ำ มีร้านค้าขายน้ำ ขนม เป็นร้านค้าเล็ก ๆ ค่ะ เจ้าหน้าที่จะชูป้ายสมาคม Besa เราก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่เลยค่ะ เขาก็จะถามชื่อ และโรงเรียนเรา เราก็แจ้งชื่อเขาค่ะ เขาก็จะเช็คว่าเด็กคนนี้มาแล้วนะ

พอเจ้าหน้าที่นับจำนวนนักเรียนที่ไปสถาบัน Pines ครบแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะเรียกรถตู้ แล้วก็ให้พวกเราขึ้นรถตู้ไปเลยค่ะ รถตู้สภาพกลาง ๆ ไม่เก่าและก็ไม่ใหม่ แอร์ค่อนข้างเย็นเลยค่ะ จากสนามบินไปยังสถาบันใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง คนขับค่อนข้างขับเร็ว แต่ก็ไม่ได้น่าหวาดเสียว คนขับจะขับขึ้นทางด่วน ซึ่งวันนั้นถนนโล่งมาก ก็เลยสามารถขับเร็วได้ค่ะ

ทำไมถึงไปนอนที่มะนิลาก่อน

ทางสถาบันนัดเจอที่สนามบินวันอาทิตย์ แต่หนูบินมาลงที่มะนิลาวันเสาร์ ก็เลยได้นอนที่นี่ 1 คืน พอเช้าวันอาทิตย์ก็เรียกแท็กซี่ไปลงที่เทอร์มินอลที่เขานัดไว้ค่ะ ที่มาก่อน 1 วัน เพราะว่าวันอาทิตย์เป็นไฟลท์ช่วงเช้า แล้วหนูก็ไม่คุ้นชินกับสนามบิน กลัวว่าถ้าเกิดแบบหนูงง ๆ ว่าจะต้องออกจากตม.ยังไง แล้วต้องไปตรงไหน เผื่อว่าหนูหลงทาง หรือเกิดปัญหาขึ้น หนูเลยกลัวพลาดไม่ทันขึ้นรถที่เขามารับค่ะ เลยแบบเผื่อไว้ก่อน มานอนค้างที่โรงแรมใกล้สนามบินก่อน แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นค่อยมาที่เทอร์มินิอลที่เขานัดไว้ค่ะ

อาหารเป็นยังไง

รสชาติปานกลาง ไม่แย่ค่ะ แต่อาหารข้างนอกโรงเรียนก็คือเค็มแบบตัดไตไปเลยค่ะ รู้สึกว่าที่โรงเรียนอร่อยสุดแล้ว เพราะเขาจะทำไม่เค็มมากเท่าข้างนอก หนูเป็นคนไม่ทานรสเค็ม บางคนอาจจะบอกว่าอาหารที่โรงเรียนจืดแต่สำหรับหนูคือพอดีแล้วค่ะ

เสาร์-อาทิตย์ อาหารมีกี่มื้อ

อาหารที่โรงเรียนมี 3 มื้อวันจันทร์-ศุกร์ วันเสาร์มีมื้อเช้ากับมื้อกลางวัน และวันอาทิตย์จะมีแค่มื้อเย็นมื้อเดียวค่ะ วันเสาร์หนูจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ข้างนอก ก็จะทานอาหารข้างนอกกัน ส่วนวันอาทิตย์หนูตื่นสายตลอด ถ้าหิวช่วงเที่ยงก็จะไปเซเว่น ไม่ก็สั่ง Food Panda หรือ Grab ได้ค่ะ ใช้แอปเดียวกันเหมือนกับที่ไทย ซึ่งเราสามารถปักหมุดส่งที่โรงเรียนได้เลยค่ะ สามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ แต่ถ้าไม่มีก็จ่ายเงินสดได้เหมือนกันค่ะ

การเดินทางข้างนอกโรงเรียน

ไม่ลำบากเลยค่ะ ตอนแรกมาฟิลิปปินส์ก็แอบกลัวนิดนึง แต่ด้วยความที่หนูมาเมืองบาเกียว มันเป็นเมืองที่คนไม่พลุกพล่านมากเหมือนมะนิลา และผู้คนก็เฟรนลี่ ไม่น่ากลัวเลยค่ะ ใกล้ ๆโรงเรียนก็จะมีห้าง เราสามารถขึ้นจี๊ปนีย์ไปได้ ประมาณ 5-10 นาทีเองค่ะ แค่ 12 เปโซเท่านั้น ถูกมาก แต่ถ้าเรากลัวว่าจะขึ้นไม่เป็น ไม่กล้าบอกให้เขาจอด เราก็นั่งแท็กซี่ได้ค่ะ สะดวกสบายแต่ราคาก็จะแพงหน่อย

สภาพแวดล้อมของโรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง

โรงเรียนอยู่บนเขาเลย ตั้งอยู่บนที่ทางลาดชัน ข้าง ๆ โรงเรียนก็จะมีร้านอาหาร 2-3 ร้าน มีโรงแรม และก็มีเซเว่นค่ะ มีแท็กซี่วิ่งผ่านตลอด ออกมาหน้าโรงเรียนก็สามารถเรียกได้เลย ถือว่าสะดวกค่ะ

การบริการซักผ้าเป็นยังไง

ใช้บริการง่ายมากค่ะ พอเราจะซักผ้าเราก็ต้องไปขอคูปองจากห้องการเงิน เขาก็จะให้คูปองมา 2 ใบ จะเป็นซักผ้า1 ใบ อบแห้ง 1 ใบ ถ้าเราซักและอบจะ 150 เปโซ แต่ถ้าเราซักอย่างเดียวจะ 100 เปโซ ซึ่งเราก็ต้องเลือกซักและอบแห้ง เพราะในห้องไม่มีที่ตากค่ะ แต่เงินค่าซักผ้าจะหักจากเงินตอนแรกที่เราจ่ายค่ามัดจำไป 3000 เปโซ ซึ่งเงินส่วนนี้ก็จะหักค่าหนังสือ ค่าซักอบเสื้อผ้า และค่าต่าง ๆ ถ้าเหลือเขาก็จะคืนให้เรา แต่ถ้าขาดเราก็จะต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มไปค่ะ พนักงานบริการซักผ้าจำชื่อนักเรียนได้ทั้งโรงเรียนเลยค่ะ ตอนแรกหนูก็นึกว่าเขาจำชื่อหนูได้เพราะหนูเป็นคนไทยคนเดียว แต่เปล่าเลยค่ะ คนอื่นเขาก็จำได้ หนูงงแล้วก็อึ้งมากค่ะ เพราะเราเจอกันแค่อาทิตย์ละ 1 วันเองค่ะ

ประทับใจอะไรที่สุด

เรื่องการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ค่ะ ผู้คนที่นี่น่ารักมาก การที่ได้เจอเพื่อนต่างชาติใหม่ ๆ ขนาดกลับไทยมาแล้วก็ยังคุยติดต่อกันอยู่เลยค่ะ มีส่งรูปแชร์กันบ้าง

ค่าน้ำ/ อาหาร ตกอยู่ประมาณเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับไทย

ทุกอย่างถูกกว่าที่ไทยหมดเลยค่ะ เช่น Burger King, Subway, Pizza Hut, MacDonald’s ที่บ้านเรามี ที่ฟิลิปปินส์ก็มีค่ะ ยิ่ง Starbucks สามารถซื้อได้ทุกวันเลยค่ะ อยู่ไทยหนูนาน ๆ เข้าที แต่มาอยู่นี่เข้าเกือบทุกวันเลยค่ะ เพราะว่ามันถูกกว่าไทยเยอะ แล้วก็ให้ระวังเรื่องรสชาติของร้านอาหารท้องถิ่นค่ะ รสชาติจะเค็มมาก ๆ แต่ถ้าเป็นแบรนด์ที่มีอยู่ทั่วโลกก็จะรสชาติปกติเลยค่ะ

ถ้ามีโอกาสอยากกลับไปเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์อีกไหม

กลับไปแน่นอนค่ะ การที่ได้ไปเรียนที่ฟิลิปปินส์ถือว่าโอเคเลย ไม่ได้ใช้ชีวิตลำบากอะไร สังคมก็ดี อากาศ และสิ่งแวดล้อมก็ดี ไม่ได้รู้สึกว่าน่ากลัว หรือลำบากเลยค่ะ ยิ่งใครเป็นสายเดินป่าขึ้นเขา ที่นี่ตอบโจทย์มากเลยค่ะ แต่หนูไม่ได้ไป hiking นะคะ เพราะเพื่อน ๆ หนูเขาไปกันตอนเช้าค่ะ แล้วหนูไม่อยากตื่นเช้า (หัวเราะ) และถ้ามีโอกาสอีกหนูก็จะเลือกใช้บริการก้อปันกันเหมือนเดิมค่ะ ตอนนี้ก็มีแพลนไปเรียนคอร์ส IELTS ที่ Pines แต่เดี๋ยวขอเก็บเงินอีกสักแปบนะคะ (หัวเราะ)

ก่อน และหลังไปฟิลิปปินส์

ก่อนไปก็คิดว่าฟิลิปปินส์ดูน่ากลัว บางที่ก็ยังดูไม่ค่อยเจริญ แต่พอไปจริงก็ไม่น่ากลัวเลย ถามว่าเจริญไหมก็ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ไม่ลำบากเลยค่ะ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ

รู้จักก้อปันกันได้ยังไง และทำไมถึงเลือกใช้บริการก้อปันกัน

ตอนแรกก็ไม่รู้จักเลยค่ะ ค้นหาใน google แล้วก็เจอก้อปันกันค่ะ ซึ่งก้อปันกันแจกแจงรายละเอียดดีค่ะ หนูก็เจอหลายเอเจ้นเหมือนกันที่มีพาไปเรียนฟิลิปปินส์ แต่เขาก็ไม่ได้มีรายละเอียดเท่าก้อปันกัน หนูก็เลยเลือกก้อปันกันโดยไม่ลังเลเลยค่ะ

KPG Portal ใช้งานยากไหม

สำหรับหนูไม่ยากค่ะ เพราะหนูใช้แอปที่ชื่อว่า Notion อยู่แล้วค่ะ มันคล้ายๆ กัน ก็เลยคุ้นเคยค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าการมี KPG Portal เนี่ยมันดีมาก เพราะทำให้เรารู้ว่าเราอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว มีเอกสารอะไรที่เราต้องส่งไหม และข้อมูลทุกอย่างก็คือรวมอยู่ใน Portal ที่เดียวเลย อยากรู้อะไรตอนไหนก็แค่เปิดเข้าไปอ่าน สะดวกมากเลยค่ะ

เรียน 4 สัปดาห์ภาษาของเราพัฒนาอย่างไรบ้าง

ที่เห็นได้ชัดเลย จะเป็น Speaking Skill ค่ะ เพราะว่าหนูเป็นคนไทยคนเดียว ก็จะต้องใช้ภาษาอังกฤษอย่างเดียวเท่านั้น เพราะหนูก็ไม่รู้จะพูดภาษาไทยกับใคร และที่นี่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไทยด้วย ซึ่งวันที่ปฐมนิเทศ เจ้าหน้าที่แต่ละประเทศก็จะอธิบายตามแต่ละภาษาของเขาให้นักเรียนแต่ละประเทศเข้าใจ แต่พอถึงประเทศไทยก็อธิบายเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ฮ่า ๆ เวลาไปซื้อของหนูก็ใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งหนูใช้ทุกวัน ใช้ตลอดเวลา ทำให้ทักษะการพูดของหนูพัฒนามาก ๆ เลยค่ะ

เรียนที่ Pines ต่างอย่างไรกับเรียนภาษาที่ไทย

เรียนที่ไทยจะดูเน้นใช้ภาษาอังกฤษเพื่อทำข้อสอบ เน้น Grammar หรือคำศัพทย์ยาก ๆ ไปเลย เพื่อเราจะทำข้อสอบต่าง ๆ ได้ แต่ที่ฟิลิปปินส์เขาก็สอนทุกทักษะ แต่จะเน้นการพูด และการฟังเป็นหลัก ซึ่งเรานำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และยังเน้นการฝึกออกเสียงด้วย คุณครูจะคอยแก้ให้เราเมื่อเราออกเสียงผิด และแนะนำว่าควรออกเสียงแบบไหนถึงจะถูกค่ะ

เรียนที่นี่คะแนนเต็ม 10 ให้เท่าไหร่

ให้เต็ม 10 เลยค่ะ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ดูแลเราดีมาก ๆ เลยค่ะ

แนะนำเพื่อน ๆ ที่สนใจมาเรียนที่ฟิลิปปินส์

ถ้ามีโอกาส หรือมีเวลาก็มาเลยค่ะ มันดีมาก คิดว่าสถาบันอื่นที่ไม่ใช่ Pines ก็ดีเหมือนกันค่ะ การที่เราได้ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศก็เป็นความท้าทายอย่างนึงค่ะ ได้เพิ่มทักษะภาษาอังกฤษของเรา และได้เรียนรู้อะไรใหม่ค่ะ

มีอะไรแชร์เพิ่มเติมไหม…

อยากรีวิวคาเฟ่ภายในโรงเรียนค่ะ เขาจะขายเป็นพวกน้ำชง กาแฟ ชานมต่าง ๆ อร่อยมาก หนูกินทุกวันเลยค่ะ ชานมไข่มุกของเขาอร่อยกว่าบางเจ้าในห้างอีก สามารถเลือกระดับความหวานได้ แต่ถ้าใครติดชอบน้ำที่ใส่น้ำแข็งเยอะ ๆ ก็อาจจะเศร้านิดนึงนะคะ เพราะที่นี่เขาขายน้ำแถมน้ำแข็ง ไม่เหมือนที่ไทยขายน้ำแข็งแถมน้ำค่ะ (หัวเราะ) ด้วยความที่อากาศที่บาเกียวมันเย็นด้วย เขาเลยไม่ใส่น้ำแข็งเยอะ และหาซื้อน้ำแข็งก็ยากด้วย บางทีน้ำแข็งละลายหมดแล้ว แต่น้ำยังเต็มแก้วอยู่เลยค่ะ เขาให้น้ำแข็งน้อยมากจริง ๆ แต่อร่อยมาก ๆ ถ้าไปเรียนที่นี่ต้องได้มาชิมแล้วจะติดใจค่ะ

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pines International Academy

Photo Credits : Nichapa Kasemkulwatthana (Ryu)
# รีวิว เรียนหลักสูตร Power Speaking กับ Pines International Academy โดย ริว

ขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778

นัดหมายพูดคุยผ่าน