101 Facts! ไปดูแสงเหนือที่ Edmonton

photo credit :  Alicia Paydli on Unsplash

Edmonton เมืองแห่งการศึกษา คนน่ารัก ค่าแรงสูง ค่าครองชีพต่ำ ธรรมชาติแวดล้อม และมีอีเว้นท์ตลอดปี เหมาะสำหรับการเริ่มต้น เรียนต่อแคนาดา

อธิบาย Edmonton

1. เอาจริงนะ ขนาดคนที่เดินทางบ่อยๆ หรือมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเรียนต่อเยอะๆ ยังไม่ค่อยรู้จักเมืองนี้เลยว่า ‘เอ็ดมอนตัน’ อยู่ตรงไหน

2. ‘เอ็ดมอนตัน’ เป็นเมืองหลวงของรัฐอัลเบอร์ต้า คือแต่ละรัฐจะมีเมืองหลวง (State Capital) ของตัวเอง เอาไว้จัดการเรื่องงานบริหาร

3. ถ้ายังนึกไม่ออกว่าเอ็ดมอนตันอยู่ตรงไหน ให้นึกถึงแผนที่แคนาดา เมืองนี้จะอยู่ทางซ้ายมือ (ตะวันตก) แต่ไม่ซ้ายสุด อยู่เหนือเหมืองคาลแกรี่ขึ้นไป ใครคุ้นๆ กับคาลแกรี่ก็น่าจะนึกภาพออก

4. แต่ถ้ายังคิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร ตั้งอยู่ตรงไหนไม่สำคัญเท่ากับว่าเมืองนี้เจริญมากทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา เทคโนโลยี แต่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก คนไทยอยู่น้อยด้วย ถ้าอ่านดูแล้วสนใจค่อยไปกูเกิ้ลดูว่าเมืองนี้อยู่ตรงไหน

5. เอาตรงๆ เท่าที่เคยถามคนในเมืองนี้ว่าชีวิตเขาเป็นยังไงบ้าง ส่วนใหญ่จะตอบว่า “โอเค” หรือ “ก็ดี” เพราะจังหวะของเมืองไม่ได้หวือหวาเท่าไหร่

6. หรือถ้าถามคนที่เคยไปเที่ยวเอ็ดมอนตันว่าสมุกไหม พวกเขาอาจบอกว่าเมืองอื่นสนุกกว่า หรือมีสีสันกว่าในภาพรวม

7. คำว่า “ก็ดี” ของคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นแปลว่า “ดีตามมาตรฐาน” ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับเมืองไทยนั้นดีกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าเปรียบเทียบกับอเมริกาก็ถือว่าเมืองนี้เงียบสงบน่าอยู่กว่ามาก

8. คือคนที่จะมาเรียนต่อในรัฐอัลเบอร์ต้ามักเปรียบเทียบเมือง คาลแกรี่ กับ เอ็ดมอนตัน ว่าที่ไหนจะดีกว่ากัน ซึ่งความแตกต่างนั้นมีไม่เยอะมากทั้งเรื่องคุณภาพชีวิตและค่าครองชีพ ส่วนใหญ่จะตัดสินใจจากค่าครองชีพแล้วก็คุณภาพการศึกษา

การศึกษา

9. ด้วยความที่เอ็ดมอนตันเป็นเมืองหลวง เลยเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยของรัฐคือ University of Alberta (U of A) ซึ่งถูกจัดลำดับให้อยู่ที่ 5 จากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในแคนาดา

10. U of A มี 5 วิทยาเขต เปิดสอน 18 คณะ มีนักศึกษาประมาณ 36,000 คน เป็นนักศึกษาต่างชาติอีก 7,000 คน ซึ่งมาจากกว่า 130 ประเทศทั่วโลก

11. ทีนี้ถ้าจะเปรียบเทียบกับคาลแกรี่ ก็ต้องบอกว่าเอ็ดมอนตันได้เปรียบกว่าทั้ง Ranking และจำนวนนักศึกษา เพราะเมืองคาลแกรี่ต้องเผชิญกับปัญหาสถานศึกษาไม่เพียงพอ เด็กในพื้นที่บางคนยังต้องไปเรียนค่อนข้างไกลจากบ้านเพราะโรงเรียนแถวที่ตัวเองอยู่เต็มหมดแล้ว

12. พลเมืองที่เยอะยังส่งผลต่อการจ้างงานเพราะมีการแข่งขันกันสูง อัตราการว่างงานในคาลแกรี่แอบเยอะในบางช่วงเวลาราคาน้ำมันตก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งความเครียดที่คนในเมืองเขาต้องเผชิญ

การเงิน

13. อีกปัจจัยซึ่งที่นักศึกษาเลือกมาเรียนที่เอ็ดมอนตันคือค่าครองชีพซึ่งต่ำกว่าคาลแกรี่ เอาจริงก็ไม่ได้ถูกกว่าเยอะมาก เฉลี่ยประมาณ 1%-5% แต่สิ่งที่ถูกกว่ามากๆ คือค่าที่พักซึ่งเอ็ดมอนตันมีค่าเฉลี่ยเช่าบ้านหรือหอพักต่ำกว่าคาลแกรี่ถึง 15%

14. ซึ่งถ้ารู้อยู่แล้วว่าอัลเบอร์ต้าเป็นหนึ่งในรัฐที่ค่าครองชีพถูกสุดในแคนาดา นั่นก็แปลว่าคนที่มาเรียนต่อที่นี่จะจ่ายเงินน้อยกว่าอยู่ที่อื่น มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ

15. ภาษาที่ชาวเมืองเอ็ดมอนตันและคาลแกรี่ต้องจ่ายอยู่ที่ 5% ในขณะที่เมืองใหญ่อย่างโตรอนโต้มีการเก็บภาษีสูงถึง 13%

16. ยิ่งถ้าเปรียบเทียบกับเมืองการศึกษาอื่นๆ เช่นอเมริกาหรืออังกฤษ ก็จะเห็นว่าที่นี่ถูกจริง ค่าเช่าหอในเอ็ดมอนตันถูกกว่าเมืองบอสตันราว 60% เช่นเดียวกับที่ลอนดอน

17. จ่ายถูกกว่าแต่ความเจ๋งสู้เมืองอื่นไม่ได้หรือเปล่า มา มาดูนี่ก่อน เว็บไซท์ CBRE เสนอรายงานออกมาชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องเทค ซึ่งเอ็ดมอนตันติดที่ 1 ของเมืองที่มีการเจริญเติบโตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมากที่สุด โดยวัดจากการจ้างงานในตำแหน่งเทคตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

18. ถึงแม้ว่าภาพรวมเรื่อง Tech Company จะยังอยู่เมืองใหญ่อย่างโตรอนโต้ไม่ได้ แต่รายงานอธิบายต่อว่าเอ็ดมอนตันกำลังเติบโตในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

19. สาเหตุเป็นเพราะเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดี ค่าครองชีพต่ำ และค่าจ้างสูง

20. เรื่องค่าจ้างนี้ไม่ได้คิดไปเอง สถิติของปี 2019 บอกชัดเจนเลยว่ารัฐอัลเบอร์ต้าจ่ายเงินเดือนสูงสุด เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 72,500 CAD คิดเป็นเงินไทยเร็วก็เกือบ 2 ล้าน หรือตกเดือนละ 160,000 บาท

21. โอเค เงินเดือนมันก็แปรผันตามงานที่ทำ ไม่ได้ทุกคนจะได้เงินเดือนละแสนตอนเริ่ม แต่ถ้ามองในเชิงโครงสร้างก็จะเห็นว่า การเลือกเมืองที่อยู่นั้นส่งผลต่อการเจริญเติบโตในชีวิตจริงๆ

สภาพอากาศ

22. แล้วอะไรที่ทำให้บางคนตัดสินใจไม่มาอยู่ที่นี่ เรื่องนี้พูดยากนะ เพราะมีหลายปัจจัย อาจเป็นเรื่องอาชีพที่ถนัด หรือมหาวิทยาลัยที่อยากเข้า ก็ว่ากันไม่ได้

23. แต่เรื่องที่หลายคนแอบบ่นคือสภาพอากาศ ใครไปอยู่ใหม่ๆ ต้องเตรียมตัวให้ดีในหน้าหนาว เพราะเอ็ดมอนตันอยู่เป็นเมืองที่อยู่สูงสุดในบรรดาเมืองดังๆ ทั้งหลาย

24ง อากาศโดยภาพรวมค่อนข้างแห้งทั้งในหน้าร้อนและหน้าหนาว หน้าร้อนอากาศดี (เพราะในหน้าหนาวคือหนาวมาก) อุณภูมิอยู่ที่ 20 กว่าๆ บางวันไป 30 กว่าๆ ก็ยังไม่ร้อนนะ คนไทยเราหนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว

25. ส่วนในหน้าหนาวคือมหกรรมเมืองน้ำแข็งเลย หิมะตกเกือบๆ 3 เดือน อุณภูมิติดลบอยู่แล้ว จะมากหรือน้อยแล้วแต่จังหวะของแต่ละปี ถ้าปกติก็ -14 นี่หนักอยู่ แต่ถ้าเกินกว่าปกติไปแตะที่ -25 ก็มีอยู่บ้างในบางปี

26. คนเมืองร้อนอย่างเราอาจจะตื่นเต้นกับหิมะ แต่บอกเลยว่าหิมะนี่สร้างปัญหาได้ไม่น้อยเลยนะ ทั้งเรื่องการเดินทางแล้วก็ความเสียหายของรถยนต์ ถึงขนาดต้องมีนวัตกรรมอุ่นรถให้ร้อนไม่งั้นเครื่องยนต์น็อกแน่ๆ

27. ที่หิมะในเมืองนี้เล่นใหญ่กว่าเมืองอื่นเพราะไม่ค่อยมีลมอุ่นพัดมา ที่ว่าเย็นแล้วเลยเย็นขึ้นอีกไปเรื่อยๆ รอถึงเดือนเมษาทุกอย่างถึงจะค่อยๆ ดีขึ้น แล้วกลับไปหนาวอีกทีก่อนคริสต์มาส

28. แต่ด้วยโลเคชั่นเมืองที่อยู่สูงกว่าคนอื่น ทำให้เราสามารถมองแสงเหนือได้จากที่นี่เลยนะ ไม่ต้องไปไกลถึงนอร์เวย์หรือสแกนดิเนเวีย

29. ช่วงเวลาสำหรับการดูแสงเหนือคือตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป จนกระทั่งถึงเดือนพฤษภาคม ถ้าใครเคยลงทะเบียนอะไรไว้กับหน่วยงานของที่นี่ เขาจะมีอีเมลส่งมาบอกด้วยนะว่าคืนไหนอาจจะมีแสงออโรร่าบ้าง เนี่ย ก็เป็นความโรแมนติกแบบธรรมชาติที่เมืองอื่นไม่มี

30. แม้บางคนจะแซวว่าเอ็ดมอนตันมี 2 ฤดูคือหนาวกับหนาวมาก แต่จริงๆ เขาก็มี 4 ฤดูเหมือนเมืองอื่นทั่วไป

photo credit : Saqib Ameen on Unsplash

เทศกาลต่างๆ

31. ด้วยความที่หน้าหนาวเหมือนฤดูจำศีล พอหิมะหมดปุ๊ป ทุกคนก็ออกนอกบ้านเลย ออกมาจัดงาน คนที่นี่จัดงานเก่งมา ทั้งปีมีพวกงานเทศกาลมากกว่า 40 ครั้ง

32. มีมากจนได้ฉายาว่าเป็น Festival City of Canada จริงๆ หน้าหนาวก็ยังจัดอยู่ แต่งานหลักๆ ที่คนเยอะๆ ส่วนใหญ่เริ่มจัดตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิเป็นต้นไป

33. เพื่อไม่ให้งง จะขอไล่ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไปเลยละกัน ไม่ได้เล่าทั้งหมดนะ เอาที่เด่นๆ และสะท้อนวัฒนธรรมของคนเอ็ดมอนตันเนียนได้ดี

34. Deep Freeze เทศกาลศิลปะและกีฬาฤดูหนาวที่จัดทุกต้นปีช่วงเดือนมกราคม งานเชื่อมความสัมพันธุ์คนคอมมูนิตี้ชาวยูเครน ชาวแคนาดาที่พูดฝรั่งเศส ชาวอัฟริกัน แล้วก็ชนพื้นเมืองต่างๆ

35. บรรยากาศเหมือนเทศกาลเล่นหิมะในหลายๆ เมือง แต่เค้ามีเล่นเกมกับแบบตลกๆ ด้วย อีกอย่างที่คนชอบคือน้ำแข็งแกะสลัก ส่วนเด็กๆ ก็มีเครื่องเล่นสนุกๆ ให้เล่น

 ความหลากหลายทางเชื้อชาติใน Edmonton

36. อยากอธิบายตรงนี้เพิ่มเติมหน่อย ที่ชาวยูเครนเป็นหนึ่งในชุมชนผู้จัดงานเพราะเขามีประวัติศาสตร์การอพยพมาตั้งรกรากที่นี่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1892 

37. ปัจจุบันมีชาวยูเครนในเอ็ดมอนตันประมาณ 1 แสนคน หรือคิดเป็น 11% ซึ่งลูกหลานชาวยูเครนรุ่นใหม่ได้กลืนกลายเป็นชาวแคนาดาไปหมดแล้ว

38. แต่พวกเขาก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีของตัวเองไว้ เช่น อาหาร ภาษา การแต่งกาย

39. เมืองเอ็ดมอนตันเลยมี Ukranian Cultural Herritage Village เป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปอีกแห่ง พวกเขายังเก็บสถาปัตยกรรมการสร้างบ้านแบบดั้งเดิมเอาไว้กว่า 30 หลัง รวมทั้งการแต่งกายแบบดั้งเดิมที่ยังคงใส่ในชีวิตประจำวันอยู่

40. อีกกลุ่มหนึ่งที่อยากพูดถึงคือ Francophie หรือผู้ที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสนอกประเทศฝรั่งเศส

41. คนที่เคยศึกษาข้อมูลประเทศแคนาดารู้ดีว่ารัฐคิวเบ็กใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในภาษาราชการ แถมยังมีกฎหมายและวัฒนธรรมไม่เหมือนรัฐอื่น เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในอีกประเทศหนึ่งเลย

42. รัฐอัลเบอร์ต้าให้ความสำคัญกับความหลากหลายนี้มากๆ นอกจากโรงเรียนรัฐบาลแล้ว ยังมี Francophone Schools อีกหลายแห่งในเอ็ดมอนตันที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาหลักในการเรียน

43. ไหนๆ วนมาแล้ว ขอพูดเรื่องความหลากหลายต่อเลย ถ้าไปอยู่แล้วเห็นฝรั่งผิวขาวเดินไปเดินมาก็แทบไม่รู้เลยว่าเขาอาจไม่ใช่คนแคนาดาแต่ดั้งเดิม

44. ประชากรชาวคอเคซอยด์กว่า 70% จากทั้งเมืองอาจเป็นคนอังกฤษ คนสก็อตแลนด์ คนฝรั่งเศส คนเยอรมัน แน่นอนว่ามีชาวยูเครนด้วย แคนาดาขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติอยู่แล้ว ปัญหาคนคลั่งชาติหวงแหนสายเลือดบริสุทธิจึงไม่ค่อยมีด้วยเหตุผลนี้

เทศกาลต่างๆ

45. ช่วงหน้าหนาวก็ยังมีงานอื่นๆ ให้เลือกไปทั้งกีฬาแล้วก็ศิลปะ ตัดภาพมาที่เดือนมีนาคมกับงาน International Beerfest มหกรรมคลายหนาวรับฤดูใบไม้ผลิด้วยคราฟท์เบียร์

46. งานนี้เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ด้วยกระแสนิยมที่คนกินเบียร์เยอะขึ้น และมีผู้ผลิตมากขึ้น เป็นงานจัดแค่ 2 วันแต่มีผู้เข้า่รวมมากถึง 25,000 คน

47. ความเจ๋งก็คืองานนี้รวมผู้ผลิตเบียร์จากทั่วโลก แล้วก็ร้านต่างๆ ทั่วรัฐอัลเบอร์ต้าให้มาอยู่ในร้าน ใครที่เคยกินแต่เบียร์ไทยก็จะได้รู้ว่าโลกใบนี้มีเบียร์อร่อยๆ จากที่อื่นอีกมาก

48. คนที่ไม่ชอบกินเบียร์เพราะรู้สึกขมหรือกินแล้วอิ่ม อยากให้ลองอย่างอื่นบ้าง บ้านเรามีแต่เบียร Larger ที่หมักแบบยีสต์จม ซึ่งในต่างประเทศเค้านิยมแบบ Ale หรือยีสต์ลอย ซึ่งจะมีกลิ่นหอม คล่องคอกว่า และมีให้เลือกปริมาณแอลกอฮอล์หลายแบบ

49. ในงานยังรวม Homebrewer อีกหลายเจ้า ผู้ผลิตเบียร์แบบโฮมเมดที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของตัวเองผสานกับนวัตกรรมใหม่ๆ จนได้เบียร์รสชาติยูนีคมากๆ

50. ระหว่างช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน จะมีเทศกาลเกี่ยวกับงานศิลปะเยอะมาก ทั้งดนตรี การแสดง ภาพยนตร์ 

51. กิจกรรมมีทั้งโชว์แบบฟรี แบบเสียเงิน แล้วก็ยังมีเวิร์กช้อปให้คนทั่วไปได้มีส่วนร่วมด้วย งานแบบนี้ยังเปิดพื้นที่ให้มือสมัครเล่นได้แสดงงานของตัวเองด้วยนะ ใครมีของก็ต้องโชว์ จะเก่งมากเก่งน้อยเค้าก็จะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

52. ไฮไลท์ของอีเว้นท์ในเดือนมิถุนายนคือ Edmonton Pride หรือขบวนพาเหรดเพื่อรณรงค์สิทธิของ LGBTQ2S+ 

53. ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในงานไพรด์ที่ใหญ่สุดของประเทศแคนาดา มีผู้เข้าร่วมประมาณ 50,000 คน และเริ่มจัดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ค.ศ. 1983

LGBTQ2S+

54. แคนาดาเป็นประเทศที่ 4 ของโลกที่ผ่านกฎหมายการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน (ก่อนหน้านี้เป็นเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และสเปน) กฎหมายผ่านในปี ค.ศ. 2005 มีผลบังคับทุกรัฐทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ที่ใดที่หนึ่ง

55. นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชาว LGBTQ2S+ ถึงมีฝันอยากมาอยู่ที่แคนาดา การแต่งงานไม่เพียงแสดงออกถึงความสัมพันธุ์ที่ถูกกฎหมาย แต่รวมไปถึงสิทธิทางกฎหมายต่างๆ ที่คู่รักควรมีสิทธิซึ่งกันและกัน

56. สิทธิทางการเมืองไม่ใช่สิ่งที่มีมาตั้งแต่กำหนด แต่ผ่านการต่อสู้ เรียกร้อง และปกป้องไว้เพื่อเป็นหลักประกันว่าประชาชนมีสิทธิและอำนาจในร่างกายของตัวเอง รวมทั้งเรื่องความรักและรสนิยมทางเพศ

57. ถ้าจะเล่าต่ออีกนิด ขบวนการเคลื่อนไหวเรื่อง LGBTQ2S+ ในเอ็ดมอนตันเริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 เมื่อตำรวจบุกเข้าไปในร้านซาวน่าเกย์ และพยายามบีบบังคับคนในร้านให้ทำตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยเอากฎหมายมาเป็นข้ออ้าง

58. คนในเมืองจึงลุกขึ้นมาปกป้องกันและกัน แสดงพลังด้วยการเคลื่อนไหว และช่วยกันผลักดันให้รัฐคุ้มครองพลเมืองทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่มีเงื่อนไขทางรสนิมหรืออคติทางเพศมาเป็นข้ออ้าง

59. นายกรัฐมนตรีในปี ค.ศ. 2005 ที่เป็นคนผ่านกฎหมายนี้มาจากพรรคฝ่ายเสรีนิยม ซึ่งเป็นพรรคเดียวกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด คนปัจจุบัน

60. เวลามีคนบอกว่าเรื่องทางเพศไม่เกี่ยวกับการเมือง ก็อยากให้ลองไปหาว่ามีรัฐบาลทหารหรือรัฐบาลเผด็จการไหนบ้างที่เคยผ่านกฎหมายความเท่าเทียมกันทางเพศบนโลกนี้ กูเกิ้ลเอา หาให้เจอนะ

61. บางคนอาจบอกว่าอคติทางเพศและเชื้อชาติก็ยังมีอยู่ในแคนาดา ไม่ได้หมดไป 100% ก็จริง ไม่เถียง แต่ในเมื่อนโยบายของประเทศและกฎหมายระดับชาติออกมาปกป้องคุ้มครองเรื่องนี้อย่างจริงจัง ความเกลียดชังเหล่านั้นก็กลายเป็นเรื่องส่วนบุคคล

62. ส่วนการกระทำที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังก็เป็นที่ยอมรับไม่ได้ในสังคมนะ ใครเป็นพวกเหยียดผิวหรือเหยียดเพศนี่คือเชยมาก เหมือนทะลุมิติมาจากยุคหินเลยอะ

เทศกาลต่างๆ

63. เอาละ กลับมาที่เรื่องอีเว้นท์ต่อ ถัดมาในเดือนกรฎกาคมคืองานที่คนทั้งเมืองรอคอย หรือจะบอกว่าคนทั้งประเทศรอคอยก็ไม่เว่อร์นะ นั่นก็คือ K-Days

64. K-Days เป็นเหมือนงานวัดฝรั่ง ที่จะมีเครื่องเล่น ร้านอาหาร การแสดง และเกมสนุกๆ ให้เล่นแบบเยอะมากตลอด 10 วันของการจัดงาน

65. ท่าที่มีตัวเลขบันทึกไว้ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนงานนี้ต่อปีอยู่ที่ 800,000 (แปดแสน) คน หรือเฉลี่ยคือคนมาเที่ยววันละเกือบแสน! เป็นอีเว้นท์สำคัญที่สุดในฤดูร้อน

66. ความน่ารักของงานในบ้านเค้าคือเจ้าหน้าที่มีคนทุกวัย บางบูธดูทรงแล้วอายุเป็นคุณยายแน่ๆ ก็มาช่วยกันจัดงานด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นอาสาสมัครที่อยากช่วยกันทำงานนี้ให้ออกมาสำเร็จ

67. ใครที่มีโอกาสสมัครเป็นอาสาสมัครอยากให้ลองดูนะ ได้เพื่อน ได้ฝึกภาษา ได้ประสบการณ์ แล้วอาสาสมัครในต่างประเทศคือได้รับการดูแลที่ดีด้วย จริงๆ สามารถเขียนลงในใบสมัครเรียนหรือทำงานได้เลยว่าเคยเป็นอาสาสมัครในงานที่มีคนมาร่วมเกือบล้านคน

68. หมดกรกฎาแล้วนึกว่าจะหายพีค ยัง งานยังจัดกันไม่หยุด เพราะในเดือนสิงหาคมของทุกปีจะมี Folk Music Festival เทศกาลดนตรีที่จัดกัน 4 วันในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม มีให้ดู 6 เวที

69. จริงๆ จะบอกว่างานนี้ใหญ่ระดับนานาชาติเลยก็ได้ เพราะนักดนตรีที่เชิญมานอกจากจะทั่วแคนาดาแล้ว ยังมีจากประเทศอื่นอีกเยอะๆ นักร้องดังๆ ที่น่าจะพอรู้จักที่เคยมาร่วมงานนี้ก็มีอย่าง The Passenger (เพลง Let her go) กับ Norah Jones

70. ถ้าจินตนาการไม่ออกก็ขอให้นึกถึง Big Mountain ก็ได้อะ ขายดีมาก คนชอบมาก ทำสถิติบัตรขายหมดทุกใบมาติดต่อกันแล้ว 21 ปี

photo credit :  Ezra Jeffrey-Comeau on Unsplash

Asia Town

71. ส่วนคนไหนที่คิดถึงงานแบบเอเชี่ยนบ้านเรา ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์เขามีเทศกาลโคมไฟและอาหารจีนแถว Downtown Farmers Market จัดใหญ่อยู่เหมือนกันนะ ยาวไปถึง Kinistinaw Park แล้วก็มีการคอยโคมหน้า City Hall ด้วย

72. ประชากรชาวจีนมีประมาณ 10% ของคนทั้งเมือง พอๆ กับชาติอื่นๆ ซึ่งถือว่าส่งอิทธิพลกับทั้งอาหารและวัฒนธรรม รวมทั้งมี Chinatown สำหรับไปซื้อเครื่องปรุงกะปิน้ำปลาด้วย

73. แต่ แนะนำให้ไปตอนกลางวัน และไม่ควรมาเดินแถวนี้ตอนค่ำๆ เพราะบริเวณไชน่าทาวน์เป็นที่อยู่ของคนไร้บ้าน และมีอาชญากรรมบ่อย ต้องระมัดระวังตัวเอง

ที่อยู่อาศัย

74. ย่านที่อยู่อาศัยแบบปลอดภัยและเป็นระเบียบของคนเอ็ดมอนตันมีอยู่ 3-4 แห่ง เช่น Glenora / Strathcona / Hazedean และ Strathern ราคาก็ต่างกันไปตามประเภทของบ้านและความสะดวกสบาย

75. แต่คนที่มาเรียนต่อ อยากให้หาที่พักเลยก่อนมาถึง ทั่วไปก็จะอยู่ในหอพักนักศึกษา มีทั้งห้องเดี่ยวและห้องรวมสูงสุด 4 คน เดินทางไปเรียนง่าย

76. แต่ถ้าอยากหาที่พักเอง พวกอพาร์ทเม้นต์ในเมืองเพื่อความเป็นส่วนตัว สามารถเข้าไปกูเกิ้ลพวกนายหน้าจัดหาบ้านได้ เว็บไซต์ที่แนะนำคือ kijiji.ca มีหลายตัวเลือก หลายราคา แล้วแต่กำลังและความต้องการ

77. ต้องทำความเข้าใจอย่างว่าราคาที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศโลกที่ 1 จะขึ้นทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อ แต่รัฐก็จะมีวิธีการควบคุมไม่ให้มีราคาสูงจนเกินไป คนที่หาข้อมูลด้วยตัวเองจำเป็นต้องศึกษามากๆ ว่านอกจากค่าเช่าแล้วยังต้องมีค่าเช่าล่วงหน้าหรือค่าประกันอีกเท่าไหร่ จะได้เตรียมตัวให้พร้อม

สถานที่ท่องเที่ยว

78. ขอพูดถึงเทศกาลอีกนิด ช่วงสิ้นปีที่เอ็ดมอนตันไม่ได้จัดงานคริสต์มาสแบบใหญ่โตเหมือนเมืองอื่นนะ อาจเป็นเพราะสภาพอากาศที่หนาวมาก หิมะตกหนักมาก เท่าที่เห็นคือมีแค่การประดับไฟ แล้วก็งานเล็กๆ ที่แต่ละห้างหรือย่านจัดขึ้นเอง

79. ถ้าช่วงสิ้นปีมีเวลาเยอะ มีเงินเหลือ และอยากได้บรรยากาศคริสต์มาสแบบเต็มๆ แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปที่แวนคูเวอร์ ใช้เวลาแค่ 1.30 ชั่วโมง ที่นั้นเค้าจัดเต็มมาก คนออกมาเดินตอนกลางคืนกันเยอะแยะ แต่วางแผนดีๆ เพราะก่อนคริสต์มาสคนออกเดินทางกันทั้งประเทศ

80. พูดถึงห้างก็เกือบลืมว่า เอ็ดมอนตันมีห้างที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือตั้งอยู่ พื้นที่ขนาด 300 ไร่ จะพูดว่าห้างก็ไม่เชิง เพราะมีส่วนน้ำขนาดใหญ่มหึมาอยู่ในนี้ด้วย คือเป็นคอมเพล็กซ์เลยแหละ

81. ชื่อว่า West Edmonton Mall ลูกค้ามีทั้งคนในเมืองและนอกเมืองที่ขอมาสักครั้ง เสาร์-อาทิตย์รถจะติดมาก เลี่ยงได้ก็ดี 

82. ที่นี่ร้านค้ามากกว่า 800 ร้าน บอกไปแล้วว่ามีสวนน้ำใหญ่โต ลานสเก็ต โรงหนัง 3 เจ้า คือคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนก็มาห้างนี่แหละ 

83. คนไหนไม่ชอบเดินห้าง แบบรู้สึกเฉยๆ เพราะเมืองไทยมีห้างมากพอแล้ว ก็ลองออกไปเดินที่สวนสาธารณะ 

84. เขาเคลมว่าที่เอ็ดมอนตันมีสวนสาธารณะมากกว่า 460 แห่ง แต่เอาจริงเดินกันไม่หมดหรอก ที่หลักๆ จะอยู่ใจกลางเมือง เลียบแม่น้ำ North Saskatchewan

85. แม่น้ำสายนี้เป็นสายหลักที่ไหลผ่านเมืองเอ็ดมอนตัน ริมสองฝั่งแม่น้ำก็จะมีสวนสาธารณะเขียวขจีมากมายให้มานั่งเล่น เดินเที่ยว ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่อากาศดี

86. ในหน้าหนาว พื้นที่บางส่วนของสวนสาธารณะจะกลายเป็นลานสเก็ตให้เด็กๆ และวัยรุ่นมาเล่นกัน

87. ส่วนถ้าจะเอาเอ็กซ์ตรีมขึ้นมาอีกหน่อยต้องไปที่ Snow Valley ตรงที่จะเป็นเนินเขาเล็กๆ ให้ไถสกีลงมาได้ สนุกและน่าตื่นเต้นมาก

88. ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นเมืองหลวงแห่งรัฐอัลเบอร์ต้า และเป็นเมืองแห่งมหาวิทยาลัยลำดับ 5 ของประเทศ เอ็ดมอนตันเลยมีพิพิธภัณฑ์สำคัญๆ อีกหลายแห่งเอาไว้ให้เราไปเรียนรู้ความเป็นมาของเรื่องราวต่างๆ

89. The Royal Alberta Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่สุดในของแคนาดาฝั่งตะวันตก จัดแสดงคอนเท้นท์เกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์และธรรมชาติต่างๆ

90. Ford Edmonton Park ก็น่าไป ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต คล้ายๆ กับ Heritage Village ของเมืองคาลแกรี่แต่มีขนาดใหญ่กว่า แสดงเรื่องราวความเป็นมาของเมืองเอ็ดมอนตันและรัฐอัลเบอร์ต้า

91. อีกอันที่ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์แต่น่าไปมากเพราะสวยมากคือ Muttart Conservatory สวนพฤกษศาสตร์ทรงปิรามิด 4 หลังสร้างด้วยกระจกทั้งหมด หรือเรียกอีกอย่างว่าเรือนกระจกนั่นแหละ ข้างในมีต้นไม้หลากสายพันธุ์ สวยๆ ทั้งนั้นเลย

อาหารการกิน

92. เรื่องอาหารการกินไม่มีอะไรโดดเด่นมาก แต่หลากหลาย เพราะคนหลากหลาย อาหารก็เลยมีวาไรตี้ตามไปด้วย

93. ถ้าไปใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาก็คงเข้าร้านดีๆ บ่อยไม่ได้ เพราะค่าอาหารนั้นหลายบาทอยู่ รวมถึงต้องให้ทิป 15%-20% ของราคาอาหารด้วย

94. ฉะนั้นแนะนำให้ฝึกทำอาหารสำหรับคนที่ทำไม่เป็น ประหยัดกว่ามาก

95. ที่พอจะกินได้บ่อยๆ จะเป็นพวกสตรีทฟู้ด หาได้ทั่วไปตามตลาดและสวนสาธารณะ แบบเป็นฟู้ดทรัคก็มีให้เห็นเยอะ 

ทริตเล็กๆในการเตรียมตัวไป Edmonton

96. คนที่มีเวลาจำกัดในการมาอยู่ เช่น 1-2 ปีอยากให้เปิดใจมากๆ เที่ยวเยอะๆ ออกไปเจอคนเยอะๆ สนุกกับการที่ได้ออกมาท่องโลก

97. คนที่นี่เขาชอบดูฮ็อคกี้ เวลาแข่งทีคนไปเชียร์ทั้งเมือง ดูไม่เป็นก็ไปเอาบรรยากาศก็ได้ ทีมประจำเมืองของเค้าก็ดังอยู่นะ มีแฟนคลับเป็นล้านคนจากทั่วโลก

98. หน้าร้อนพระอาทิตย์ตกตอน 4 ทุ่ม อาจจะแปลกๆ หน่อยแต่ก็เป็นเรื่องประหลาดในชีวิตที่คนเอเชียไม่เคยเจอ 

99. ทุกปีที่แคนาดาจะมีการปรับเวลาทุกเดือนเมษายนถึงประมาณตุลาคม เพราะกลางวันกินเวลานานกว่ากลางคืน เรียกว่า Daylight Saving Time คือปรับให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงหลังจากเดือนมีนาคมเป็นต้นไป แต่กรุณาฟังประกาศจากรัฐก่อน อย่าหาปรับเองตามอำเภอใจ

100. บอกอีกเรื่อง สุดท้ายละ ตอนมาไม่ต้องเอาเสื้อผ้ามาเยอะ พวกเครื่องกันหนาวมาซื้อที่นี่เอา เพราะเหมาะกับสภาพอากาศมากกว่า ราคามีให้เลือกหลายแบบ ถ้าจะซื้อมาก็พวกฮีทเทค เตรียมมาได้ หน้าหนาวใส่เต็มที่ก็ 3 ชั้น มากกว่านั้นจะเดินไม่ได้แล้ว

101. มีอะไรไม่เข้าใจ อยากรู้เพิ่ม ทั้งเกี่ยวกับเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิต ถามพี่ๆ ที่ KPG ได้เลย

สนใจเรียนต่อเมือง Edmonton

แนะนำสถาบัน NAIT

แนะนำสถาบัน NorQuest College

แนะนำสถาบัน MacEwan University