รีวิว เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เพื่อการสื่อสารทั่วไป
กับสถาบัน QQ English
โดย ปาริชาติ สวัสดิ์จิรพงศ์ (มู่หลาน)
กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยสยาม (อายุ 20 ปี)
หลักสูตร Super Light Plan (QQ Online Campus)
ระยะเวลา 12 สัปดาห์
( 25 May 14 August 2020 )
ทำไมถึงเลือกเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ?
เพราะว่าตอนแรกจริงๆ แพลนไว้ว่าจะไปเรียนที่ประเทศฟิลิปปินส์ แต่โควิดระบาดก็เลยมาเรียนออนไลน์แทนค่ะ ดีกว่าปล่อยเวลาทิ้งไปเปล่าๆ
เรียนเป็นหลักสูตรอะไร เรียนอะไรบ้างในแต่ละวัน ?
เป็นหลักสูตร ESL เรียนวันละ 6 คาบ จันทร์ – ศุกร์ คาบละ 50 นาทีค่ะ
คาบแรก เรียนเป็นคลาสกลุ่มเล็ก ก็จะมีเพื่อนเข้ามาเรียนด้วย
คาบที่สอง น่าจะเป็น Daily Conversation
คาบที่สาม จะเป็น QQE Basic อันนี้จะเน้นเรียนแกรมม่าซะส่วนใหญ่
คาบที่สุดท้าย ตอนกลางวัน จะเป็น Listening เกี่ยวกับการฟังหมดเลย
อีกสองคาบที่เหลือ เป็น Night Class ซึ่งในห้าวันเขาจะแบ่งออกเป็น แกรมม่า เพลง หนัง ครูเขาอยากสอนอะไรเขาก็จะสอนค่ะ มีเพื่อนเรียนด้วยเยอะเลย เพราะเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ข้อเสียที่หนูเจอ หนูมีเพื่อนร่วมคลาสเป็นน้องๆ เด็กน้อยๆ เลย แล้วน้องเขาก็ไม่ฟังที่ครูสอนน่ะค่ะ อันนี้ไม่เป็นปัญหาที่ครูนะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง จะไปบอกให้น้องเงียบๆ ก็ไม่ได้ (หัวเราะ) บางทีครูเขาบอกให้น้องอ่าน พอน้องอ่าน น้องเขาก็อ่านไม่หยุด อ่านไปเรื่อย หรือพอครูถามก็ไม่ตอบค่ะ จำนวนเพื่อนร่วมคลาสก็แล้วแต่อาทิตย์ค่ะ บางสัปดาห์ก็มีประมาณ 9 คน เพราะจริงๆ จะมีประมาณ 15-20 คน ก็จะเป็นหน้าเดิมๆ ค่ะ น้อยมากที่จะเปลี่ยนคนใหม่มา พอมีคนใหม่มา เขาก็มาแค่วันเดียว มาลองเรียนว่าเป็นยังไง ถ้าไม่คลิ๊กก็ออกไป ไม่เรียน เพราะว่าเป็น Optional Class เราจะเรียนหรือไม่เรียนก็ได้ บางอาทิตย์ก็จะเยอะมาก ครูสลับกล้องเพื่อพูดคุยถามความคิดเห็นเราค่ะ
เราได้ประโยชน์อะไรจาก Night Class บ้าง ?
ได้สนิทกับเพื่อนค่ะ (หัวเราะ) ด้วยความที่เห็นกันมาพอสมควร เกือบสองเดือนด้วย เพื่อนเขาก็มีมาขอ Line ส่วนตัวไว้คุยกันค่ะ เราก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมา มีความสนิมกันมากขึ้น กล้าเล่นมากขึ้น
ส่วนวิชาการ ก็ได้คำศัพท์ใหม่ๆ ได้เคล็ดลับในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนค่ะ
เพื่อนต่างชาติที่เรียนด้วยมีชาติอะไรบ้าง ?
ถ้าที่แปลกที่สุดที่เคยเจอก็จะมีโอมาน (Oman) ค่ะ หนูเพิ่งรู้จริงๆ ว่ามีประเทศนี้อยู่บนโลกใบนี้ (หัวเราะ) นอกนั้นก็จะมี เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง รัสเซีย ไต้หวัน ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนโซนเอเชียค่ะ
เพื่อนที่เรียนคลาสกลุ่มเล็กด้วยกันช่วงอายุประมาณเท่าไหร่ ?
ส่วนใหญ่เขาแก่กว่าหนูหมดเลย ก็คือ 20+ หมดเลย บางคนก็ทำงานแล้ว ส่วนใหญ่ก็ทำงานแล้ว เพื่อนคนญี่ปุ่นล่าสุดอายุ 23 ปี แต่ไม่แน่ใจว่าเขาเรียนจบรึยัง น่าจะเรียนจบแล้ว อายุมากสุดที่เคยเจอ ได้เจอตอน Night Class ค่ะ อายุประมาณ 70 ปี แต่เจอครั้งเดียวก็ไม่เจออีกเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ถ้า Night Class ส่วนใหญ่ก็จะมีลูกแล้ว แต่งงานแล้วค่ะ
ก่อนเรียน และหลังเรียน เหมือนหรือแตกต่างกันยังไงบ้าง ?
ตอนแรกก็กลัวค่ะ เพราะว่าไม่เคยเจอครูมาก่อน และไม่เคยเรียนอะไรแบบนี้ แน่ๆ คือเขาพูดภาษาไทยกับเราไม่ได้ ตอนแรกหนูก็มีความตะกุกตะกัก คือเราฟังเขาเข้าใจ แต่ยังตอบเขาไม่สมูทค่ะ อย่างคาบแรกที่มีการทดสอบวัดระดับ ถามว่าเข้าใจที่เขาสื่อสารกับเราไหม ก็เข้าใจ แต่เวลาตอบยังต้องแปลในหัวก่อน แต่ถ้าถามว่าปัจจุบันเป็นยังไง ก็มีความมั่นใจขึ้น แต่ก็ยังติดเรื่องคำศัพท์อยู่ บางทีครูเขาถามเกี่ยวกับเรื่องยากๆ เราอยากเล่า แต่เราไม่รู้คำศัพท์มันก็จะเสียเวลาตรงนี้ไปนิดนึง มีความมั่นใจในการพูดมากขึ้น เวลาเจอครูคนใหม่ก็ไม่ได้รู้สึกว่า เฮ้ย มันน่ากลัวนะ ก็มาเถอะ (หัวเราะ) จะเป็นความรู้สึกนั้นค่ะ ไม่ได้เกร็งเหมือนตอนแรก ก็เรียนได้เต็มที่ค่ะ
ชอบคลาสเรียนไหนที่สุด ?
เลือกยากจัง (หัวเราะ) ถ้าไม่เกี่ยวกับมีเพื่อร่วมคลาส ก็จะเป็นคลาส Daily Conversation ด้วยชื่อวิชาที่มันเกี่ยวกับเรื่องชีวิตแต่ละวัน หนูก็จะแลกเปลี่ยนกับครูบ่อยค่ะ จะได้เรียนเกี่ยวกับประโยคในชีวิตประจำวัน ถามว่ายากไหม ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น เพราะว่ามันจะเป็นประโยคสั้นๆ ที่หนูสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงตามชื่อวิชาเลยค่ะ เช่น “It is nice place” ในเนื้อหาก็จะเป็นเกี่ยวกับสถานที่ แล้วก็มีบทสนทนาเล็กๆ ให้เรียนค่ะ จะมีสอดแทรกแกรมม่าเล็กๆ เหมือนกัน
มีวิชาที่ไม่ชอบเรียนไหม ?
ถ้าแรกๆ เลยก็ต้องป็น Listening ค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าครูที่สอนคนแรกเขาไม่เชิงบังคับ แต่เขาให้เราพยายามจำสำเนียงที่เขาพูด ที่เขาสื่อออกมาผ่านวิดีโอที่เขาเปิดให้ดู แล้วเราจะต้องจำน้ำเสียง จำอารมณ์ ความรู้สึก แล้วก็ให้เราถ่ายทอดออกมาตอนเเสดงบทบาทสมมติ (Role Play) กับครูค่ะ หนูก็เลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ จะเป็นการทดสอบการฟัง เพราะว่าในเนื้อหาที่เรียน เปิดบทแรกจะเป็นคำศัพท์ แล้วเลือกเอาคำศัพท์ไปใส่ในบทสนทนา ตอนแรกก็คิดว่า แค่เติมคำ ฟังเสร็จแล้วก็เติมคำลงไปในบทสนทนาที่หายไป ไม่ได้คิดว่าจะต้องแสดงด้วย (หัวเราะ) เพราะตอนแรกเราออกเสียงแบบโมโนโทน (monotone) ไม่มีสูง กลาง ต่ำ เลยค่ะ พอเราเปลี่ยนมาเรียนกับครูคนใหม่ เราก็ติดความรู้สึกที่เป็นความรู้สึกนั้นจริงๆ เช่น ตกใจ เราก็พยายามทำเสียงให้ตกใจ ตะโกน เราก็จะตะโกน มันก็จะวนๆ อยู่ในหัว บางที่เราก็ไปติดคำพูดของครูมาบ้าง วิชานี้ได้เรียนกับครูทั้งหมด 3 ท่าน ซึ่งแต่ละท่านไม่เหมือนกันเลยสักท่านค่ะ
ท่านแรกเขาจะเข้มวงดนิดนึง ถ้าเราออกเสียงไม่ถูก เขาก็จะให้เราพยายามออกเสียงให้ถูก แล้วอย่างที่บอกให้เราพยายามฝึกจำสำเนียงของคนพูดในวิดีโอให้มากที่สุด แล้วก็เล่นบทบาทสมมติกับเขาค่ะ
ส่วนท่านที่สองก็จะสายชิวเลย ผ่านได้ผ่าน (หัวเราะ) เพราะครูท่านแรกเขาจะให้ทำทุกหัวข้อเลยใน 1 บทเรียน แต่ครูท่านที่ 2 พอหัวข้อสุดท้ายของบทมันจะเป็นเกี่ยวกับสถานการณ์แล้วให้เราคิดประโยค นู่น นี่ นั่น เอง แต่ก็จะมีตัวอย่างมาให้แล้ว ครูท่านที่สองเขาก็จะให้ผ่านไปเลย แต่ถ้าเป็นท่านแรกเขาจะให้เราทำหมดเลย เนื้อหาที่เรียนก็เลยไปเร็วมากค่ะ
ส่วนครูท่านสุดท้ายเป็นผู้หญิง ไม่ได้เครียดมาก แต่เขาก็ให้ทำแบบฝึกหัดทุกหัวข้อเหมือนกันค่ะ ตอนเปลี่ยนครูเนื้อหาที่เรียนจะเป็นช่วงที่ยากพอดี เราก็จะได้แชร์ทัศนคติกับครูท่านนี้เยอะ เพราะจะมีถามเกี่ยวกับความคิดเรา เราก็จะได้แชร์กับเขาเยอะมากที่สุดค่ะ เช่น เกี่ยวกับการจราจร ถ้าไม่มีแบบนี้ จะเป็นยังไง
คลาสอื่นๆ เป็นยังไงบ้าง ?
ถ้าคลาสแกรมม่าก็จะเป็น QQE Basic ตอนหนูเปลี่ยนครู แรกๆ ก็รู้สึกว่าไม่คลิ๊ก เพราะครูเขาดูดุๆ นิดนึงค่ะ อย่างหนูไม่ค่อยชอบการออกเสียง ครูเขาก็จะให้เราพูดจนถูกให้ได้ค่ะ หนูก็เลยรู้สึกไม่ค่อยชิน เจอกันแรกๆ เขาไม่ค่อยยิ้ม แต่ปัจจุบันคือนั่งขำกันอย่างเดียวเลยค่ะ ตอนแรกหนูมีครูท่านอื่นสอนวิชานี้ แล้วครูคนนั้นเขาต้องเปลี่ยนตารางไป หนูก็เลยได้ครูคนใหม่คนนี้มา ตอนแรกเขาก็ดูดุๆ หนูว่านักเรียนเกือบทุกคนไม่ชอบครูดุ (หัวเราะ) พอเรียนไปเรื่อยๆ แล้วเริ่มคุ้นเคยก็เข้าใจกันมากขึ้น ครูเขาบอกหนูว่า ตอนแรกเขาไม่เชื่อว่าเวลาเขาสอนอะไรแล้วหนูเข้าใจจริงๆ จนเรียนไปเรื่อยๆ เขาก็เชื่อว่าหนูเข้าใจจริงๆ นะ แล้วเขาก็ยังชมว่า เวลาสอนหนูเขาก็จะชิวๆ สบายๆ ได้ไม่ต้องอธิบายเยอะ ถ้าเป็นนักเรียนคนอื่น เขาก็ต้องหันไปเขียนบอร์ดตลอด แต่ตอนสอนหนู เขาอยู่แค่หน้าจอให้หนูอ่าน แล้วก็แต่งประโยคตามบทเรียน แค่นี้เองค่ะ ครูส่วนใหญ่ก็บอกแบบนี้ค่ะ ว่าสอนหนูแล้วไม่เครียดค่ะ
ตัวอย่างบทเรียน QQ English คอร์ส Super Light Plan
การที่ครูพยายามให้เราออกเสียงให้ถูกต้องให้ได้ มีความสำคัญกับเรายังไง ?
ก็ดีค่ะ แต่บางทีด้วยความที่หนูไม่ค่อยได้พูด ลิ้นก็จะแข็งๆ ในความรู้สึกเวลาเราออกเสียงคำบางคำ เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราออกเสียงต่างจากที่ครูเขาออกค่ะ อาจจะด้วยความที่เราไม่ได้อยู่ต่อหน้ากันจริงๆ สัญญาณอินเตอร์เน็ตอาจจะทำให้คลาดเคลื่อนได้ ถามว่าดีไหมที่เขาพยายามบังคับเรา มันก็ดีค่ะ เพราะว่าเขาก็พยายามแก้ไขให้ตลอด ถึงเขาจะไม่ได้พูดว่า พูดใหม่นะ แต่พอเราออกเสียงผิดปุ๊บ ครูเขาก็จะออกเสียงที่ถูกต้องแก้ให้เราได้ยิน เราก็ออกเสียงตามครูโดยอัตโนมัติ โดยที่ครูไม่ต้องสั่งให้ทำค่ะ เหมือนเขาก็พยายามจับผิดเราตลอดเหมือนกัน เพราะต้องการให้เราออกเสียงให้ได้ ให้ถูกต้องค่ะ
การเรียนที่ไทยกับการเรียนออนไลน์กับครูฟิลิปปินส์แบบนี้ แตกต่างกันยังไง ?
ถ้าเรียนที่โรงเรียนก็จะเน้นอ้างอิงทฤษฎีเยอะไป เราก็จะเรียนแค่แกรมม่า ก็เหมือนที่รู้ๆ กันว่านักเรียนไทยจะเก่งแกรมม่า แต่เรียนกับครูฟิลิปปินส์ก็จะเน้นพูดอย่างเดียว แต่ถามว่าเขามีสอดแทรกแกรมม่าให้ไหม ก็มี เขาก็จะมีเคล็ดลับมาสอนเราตลอด ถ้าเราอยากพูดแบบนี้ เราก็ควรที่จะพูดแบบนี้ๆ ตามกฎแกรมม่าค่ะ ตอนนี้อย่างประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันง่ายๆ เราก็ไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทยในหัวก่อนพูดแล้ว ถามอะไรมาเราก็สามารถตอบได้เลย ยกว้นถ้าคำศัพท์ยากก็จะไปหาความหมายก่อน เราก็จะติดแค่ตรงนั้น พอเรารู้คำที่ต้องใช้ เราก็คุยต่อได้ค่ะ
เรียนออนไลน์ 12 สัปดาห์ พัฒนายังไงบ้าง ?
ช่วยให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นในการพูดค่ะ ที่เห็นชัดคือ ฟังได้ดีขึ้น แล้วก็ไม่ต้องแปลในหัวแล้ว พวกประโยคในชีวิตประจำวันค่ะ ได้คำศัพท์เพิ่มขึ้น จำได้มากขึ้นค่ะ
มีปัญหาเรื่องสำเนียงของครูฟิลิปปินส์ไหม ?
ก็ไม่มีปัญหานะคะ แต่เวลาที่เจอครูผู้ชายที่เป็นเพศที่สาม การพูดเขาจะเป็นอีกแบบนึง จะมีจริตเยอะกว่าปกติค่ะ (หัวเราะ) สำหรับครูทั่วไปก็โอเคค่ะ อาจจะมีบางคำที่ฟังแล้วแปลกๆ นิดนึง แต่ครูเขาพูดภาษาอังกฤษได้ก็ดีกว่าเราที่พูดไม่ได้ค่ะ
ชอบอะไรในครูฟิลิปปินส์บ้าง ?
ครูน่ารักมาก ใส่ใจหนูมากค่ะ
อย่างตอนที่อำลากัน ครูเขารู้ว่าหนูชอบศิลปินคนไหน เขาก็ไปหารูป แล้วก็ตัดต่อ เขียนคำว่า Congratuations แล้วก็คำอวยพรสั้นๆให้ค่ะ ตอนแรกเพื่อนเกาหลีเขาก็ได้ แต่ของเพื่อนเกาหลี ครูเขาจะไปหารูปนักแสดงที่เพื่อนเกาหลีเขาชอบเอามาตัดแปะให้แล้วก็เขียนคำว่า Congratuations แต่ของหนูคือครูเขาจัดเต็มมาก ครูเขาใส่ใจมากค่ะ (หัวเราะ) อาจจะเพราะว่าหนูเรียนกับครูเขามา 3 เดือนเต็มเลย มีเปลี่ยนแค่เพื่อนร่วมชั้นค่ะ ก็จะคุ้นเคยกันมากค่ะ ครูคนนี้เขาจะคอยมีคำศัพท์แปลกๆ แล้วก็จะให้เราไปแต่งประโยคในกรุ๊ป IG ค่ะ
ส่วนเรื่องการเรียน เขาก็จะคอยแนะนำเทคนิคต่างๆ ให้เราค่ะ เช่น เวลาเราพูดอะไรออกไป เขาก็จะแนะนำว่าถ้าจะให้ดีควรที่จะพูดแบบนี้ๆ แล้วก็จะคอยหาอะไรแปลกใหม่มาให้เราเสมอค่ะ อย่างครูคนแรกที่สอนคาลกลุ่ม เขาก็จะคอยบังคับไม่ให้เราพูดแต่คำเดิมๆ ค่ะ เราสามารถเลือกใช้คำเหมือน (Synonyms) มาพูดแทนได้ค่ะ แต่ก็ไม่ได้บังคับจริงจัง แต่ก็พยายามอยากให้ใช้คำอื่นๆ บ้างเพื่อให้เราพยายามจำได้ค่ะ
ใจจริงก็อยากไปเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์เลยมากกว่า เพราะว่าน่าจะได้ดีกว่านี้ เพราะทุกวันนี้เรียนจบ 6 ชั่วโมง ก็พูดไทยต่อ แต่ถ้าไปอยู่ที่โน่นก็เหมือนโดนบังคับว่าจะต้องพูดภาษาอังกฤษตลอดค่ะ
Certificate Congratulations จาก คุณครูที่สอน น้องมู่หลาน
มีปัญหาสัญญาณอินเตอร์เน็ตระหว่างเรียนไหม ?
มีเฉพาะคาบ Listening ไม่รู้ทำไม แล้วก็ต้องเป็นเฉพาะวันจันทร์ด้วย หนูใช้ iPad เรียนตามปกติไป สามคาบ พอคาบที่สี่ที่เป็นคาบ Listening iPad หนูเปิดไม่ได้ หนูเห็นหน้าครู แต่ครูไม่เห็นหน้าหนู เสียงไม่เข้า ก็เลยต้องเปลี่ยนไปเป็นโทรศัพท์มือถือก่อน เพื่อคุยกับครูระหว่างเปลี่ยนไปใช้ Laptop เพราะว่าเรียนผ่านโทรศัพท์มือถือไม่ได้จริง จะเป็นแบบนี้เฉพาะวันจันทร์ ก็จะใช้ Laptop เรียนยาวจน Night Class เลย แต่ถ้าวันอื่นๆ ก็ใช้ iPad เรียนได้ตามปกตินะคะ จะเป็นแค่วันจันทร์ที่เข้าเรียนคลาสนี้ไม่ได้ แล้วก็เป็นเฉพาะครูคนนี้คนเดียวด้วยนะ หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ
ทางฝั่งโรงเรียนก็มีปัญหาบ้าง ครูบางคนก็มีปัญหากับอินเตอร์เน็ตค่ะ เขาก็บอกว่าเน็ตที่โน่นไม่ดีนะ
ข้อเสียของการเรียนออนไลน์ก็คือปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ตนี่แหละค่ะ บางทีก็เป็นปัญหาที่ครู เคยมีเพื่อนร่วมคลาสจากประเทศโอมาน เขาก็มีปัญหาอินเตอร์เน็ต ก็เสียเวลารอเขาเข้าคลาส เพราะว่าไม่ได้ยินเสียงเขา ก็ทำให้เสียเวลาตรงนี้ไปค่ะ
คะแนนเต็ม 10 ให้เท่าไหร่ ?
ถ้าเป็นคุณครูให้ 10 คะแนนเลยค่ะ เพราะครูน่ารักมาก ครูเขาใส่ใจ แต่ถ้าเป็นรวมๆ ก็ให้ 9 คะแนน ค่ะ เพราะติดเรื่องอินเตอร์เน็ต เพราะเขาก็มีปัญหาเหมือนกัน บางทีไม่ใช่ความผิดเรา เขาก็มีหายไป 10 นาทีบ้าง ครูเขาต้องวิ่งไปเปลี่ยนเครื่องเพื่อให้กลับมาสอนเราได้ค่ะ
ฝากบอกกับคนที่ยังลังเลว่าเรียนออนไลน์ดีไหม ?
มันก็ดีกว่าปล่อยเวลาผ่านไป เรามีโอกาสเรียนแล้วก็ควรคว้าไว้ ไม่มีอะไรเสียหายเลย เราได้รู้จักคนมากขึ้นด้วย
กลายเป็นว่าเราก็มีเพื่อนเป็นคนเกาหลี คนญี่ปุ่น เพราะมีการแลก IG (Instragram) กันค่ะ เราก็จะได้รู้จักเพื่อนประเทศต่างๆ ว่าคนแต่ละประเทศเป็นยังไง ทัศนคติเขาเป็นยังไง แต่ก็ต้องอยู่ที่อายุด้วย ตอนไปเจอวัยทำงานที่เขาโตกว่า เราก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่ เพราะว่าเราก็ยังเด็กด้วย (หัวเราะ)