[รีวิว] เรียนภาษา และใช้ชีวิตที่เซบู ฟิลิปปินส์ 8 สัปดาห์! โดย มิว

รีวิว เรียนหลักสูตร ESL Classic และ IELTS ที่ EV Academy
ระยะเวลา 8 สัปดาห์ (1 เมษายน – 27 พฤษภาคม 2023)

โดย ‘มิว’ นักศึกษาปีที่ 1 ภาคอินเตอร์
ที่อยากแบ่งปันเรื่องราวการใช้ชีวิต และเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

แนะนำตัวให้เพื่อน ๆ รู้จักหน่อย

มิวค่ะ อายุ 18 ปี กำลังเตรียมตัวจะเข้ามหาวิทยาลัย มิวเรียนภาคอินเตอร์เลยอยากอัปสกิลเพื่อ​เอามาพัฒนาในการเรียนและสอบ IELTS ก่อนไปเรียกว่าพอมีพื้นฐานในระดับหนึ่ง คือ เราสามารถฟังได้นะคะ แต่เรายังคิดคำตอบเป็นภาษาไทย ทำให้ตอบออกไปไม่ได้ ณ ขณะนั้นเลย และอยู่ไทยเองก็ไม่ค่อยมีความมั่นใจที่จะใช้ภาษาเท่าไหร่ค่ะ

เคยเรียนภาษาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ?

เคยเรียนที่สถาบันในไทยก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงและได้เรียนกับ Native ด้วย แต่ว่าทักษะที่เราได้คือสามารถพูดแค่ในคลาสซึ่งมิวรู้สึกว่ามันไม่ได้ผลมากขนาดนั้น เลยมองหาทางอื่นที่จะสามารถพัฒนาภาษาเราได้แบบที่ใช้สื่อสารได้จริงในชีวิตประจำวันด้วยค่ะ

ทำไมตัดสินใจไปเรียนที่ประเทศฟิลิปปินส์ ?

พี่ของมิวเคยไป เรียนต่อแคนาดา กับทาง Korpungun มาก่อน มิวเลยเข้ามาดูเว็บไซต์แล้วเห็นมีประเทศฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งพอลองเข้ามาอ่านข้อมูลดูแล้วสนใจค่ะ ด้วยความที่ประเทศเขาใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แล้วก็ไม่ไกลจากไทยมากแถมราคาน่ารักด้วย มิวเลยตัดสินใจเลือกเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์ค่ะ

การเดินทาง ‘ต่อเครื่อง’ มะนิลา เซบูเป็นอย่างไรบ้าง ?

ตอนแรกเลยทางก้อปันกันแนะนำว่าให้บินตรงด้วยความที่มิวต้องออกค่าใช้จ่ายเองแล้วอยากประหยัดงบก็เลยเลือกต่อเครื่องบินไปลงที่มะนิลา แต่ถ้าพูดถึงเรื่องราคาค่าเครื่อง Direct and Transfer ไม่ต่างกันมากค่ะ 2,000 – 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับช่วงที่เราจองแล้วเจอราคาไหนด้วย พอไปถึงแล้วมิวก็เช็กรายละเอียดต่าง ๆ ตามไกด์บุ๊คที่ทางก้อปันกันให้มาเลยค่ะ แต่แอบมีงง ๆ นิดนึงเพราะช่วงนั้นที่สนามบินมะนิลาอยู่ในช่วงกำลังปรับปรุงลิฟต์บางจุด ทำให้พิกัดที่อยู่ในไกด์บุ๊คเราเคลื่อนไปนิด พอไปจุดนึงเขาก็บอกให้ไปอีกจุดนึง ก็คือเดินวนอยู่ข้างในนั้นแหละค่ะ แต่ก็เจอ Terminal ที่ถูกจนได้ (5555555)

ตอนนั้นที่มิวไปประมาณ 4-5 ทุ่ม คนก็ไม่ได้เยอะมากประปราย ก็รอไปเลยค่ะประมาณ 6 ชั่วโมง แล้วก็ถึงที่เซบูประมาณ 7 โมงเช้า ตอนบินเราบินเครื่องบินลำเล็กด้วยค่ะ ตอนอยู่บนเครื่องมองลงมาเห็นมองมุมสูงแล้วเห็นเลยว่าธรรมชาติดีงามมาก ภูเขา ทะเล สวยมากเลยค่ะ

แต่การต่อเครื่องก็ทำให้รู้สึกเพลียพอสมควรเหมือนไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่นะคะ พอเดินทางถึงสถาบันปุ๊ปก็คือพุ่งตัวไปนอนก่อนเลย

ถึงเซบูแล้วเดินทางไป EV Academy ยากไหม ?

ไม่ยากเลยค่ะ เดินออกมาจากสนามบินก็จะเจอป้าย EV Academy มีรถตู้มารอเพื่อไปสถาบัน แล้วช่วงที่มิวไปคือเป็นช่วงที่คนเยอะหน่อยก็นั่งรถเข้าสถาบันด้วยกันนี่แหละ เจอคนไทยที่มาก็เยอะมากช่วงนี้ราว 15 – 20 คนเลย และพอเดินทางไปถึง EV ก็เจอพี่ส้มที่คอยชี้แจงเรื่องต่าง ๆ แล้วก็มี Welcome Bag ให้ด้วยก็รู้สึกสบายใจไม่ได้กังวลเรื่องการเดินทางมาสถาบันเลยค่ะ

ถึงสถาบันแล้วรีวิว EV Academy หน่อย

ก่อนมามิวค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ก้อปันกันเกี่ยวกับการเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์แล้วเจอว่าที่ EV Academy ขึ้นว่าเป็น School & Resort ด้วยความที่เราไปต่างบ้านต่างเมืองเราอยากอยู่ในที่ที่สบายหน่อย แล้วพอดูจากข้อมูลก็คือประเทศนี้สภาพแวดล้อมค่อนข้างใกล้เคียงกับประเทศไทย แล้วพอมาแล้วสถาบันคือเหมือนรีสอร์ทจริง ๆ เพราะครั้งแรกที่เราเข้าไปในสถาบันกับข้างนอกชุมชนคือหน้ามือกับหลังมือเลยค่ะ มันแตกต่างกันม๊ากก (เสียงสูงสุด ๆ ) คือด้านในบรรยากาศร่มรื่นมีสระว่ายน้ำ มีสวน เมื่อเทียบกับด้านนอกสำหรับมิวในสถาบันคือดีมาก ๆ เลย ตรงสเป็กเลยค่ะ

สิ่งอำนวยความสะดวกใน EV Academy ?

ที่นี่ก็ถือว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบในสถาบันนะคะ มีคาเฟ่ ห้องออกกำลังกาย แต่อินเตอร์เน็ตก็จะมีโซนที่จัดไว้ให้ แล้วก็บริการซักผ้าของที่นี่เราส่งซักได้แต่ว่าจะใช้เวลา 3-4 วันส่งถึงหน้าห้องเลย แล้วก็ต้องแชร์ถุงกับรูมเมท มิวไม่อยากรอเลยจะออกมาหยอดเหรียญซักข้างนอกข้าง ๆ สถาบันเดินออกไปไม่ไกลก็ถึงซะส่วนใหญ่ค่ะ ราคาก็ก็ประมาณ 190 เปโซรวมน้ำยาซักแล้ว

แล้วก็ที่นี่จะมีระบบรักษาความปลอดภัยและกฏระเบียบที่ค่อนข้างเคร่งอยู่ เรื่องการเข้า-ออก สถาบันจะต้องแลกบัตรก่อน และมีการกำหนดวันเวลาในการเข้าออกสถาบันอย่างมิวมีเพื่อนอายุ 17 ปี ยังจูเนียร์อยู่ก็จะออกได้ แค่ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เคอร์ฟิวของสถาบันเราก็คือ 3 ทุ่ม ถ้าเราเลทภายใน 30 นาที 2 พอยท์ ถ้าเกินนั้นตัด 5 พอยท์ ซึ่ง ทำผิดกฏบ่อยเข้าตัดคะแนนจนถึงเกณฑ์ก็โดนไล่ออกทันทีค่ะ

เล่าบรรยากาศห้องพักให้ฟังหน่อย ?

ตอนช่วงที่จองไปเป็น ห้องพัก 3 เตียง 1 สัปดาห์ 4 เตียง 7 สัปดาห์ แต่ตอนไปอยู่คือ ห้อง 3 คนเนี่ย อีก 1 คนเป็นสายเที่ยวไม่ค่อยอยู่ค่ะ ขนาดห้องก็กำลังพอดีไม่ใหญ่และไม่เล็กไป อยู่ได้สะดวกแล้วก็มีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำก็ค่อนข้างใหญ่ตามจำนวนคนในห้องค่ะ แล้วก็มีในห้องน้ำที่นี่มีไดร์เป่าผมไว้ให้ด้วย

ส่วนเตียงนอนห้อง 3 คนจะเป็นเตียงเดี่ยววางเรียงกัน 3 เตียงเลย แล้วในห้องก็มีโต๊ะยาวที่แบ่งล็อกไว้ให้มาพร้อมปลั๊กของแต่ละคนไว้ให้เรียบร้อยเลย

ควรเตรียมอะไรเป็นพิเศษไหมสำหรับห้องพักที่นี่ ?

ผ้าห่มค่ะ 55555 ไม่ใช่ว่าที่นี่ไม่มีให้นะคะแต่น้องผ้าห่มบางมาก เหมือนเป็นผ้าปูเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่รูมเมทด้วยนะ เพราะถ้าเจอเพื่อนญี่ปุ่นจะชอบแอร์อุณหภูมิสูงหน่อย ไม่หนาว แอบถามเพื่อนคนไทยคนอื่นก็เจอเหมือนกัน แต่ก็จะมีบางทีที่เปิดแอร์หนาวผ้าห่มบาง ๆ ก็เลยเอาไม่อยู่ค่ะ ^^

รีวิวอาหารใน EV Academy หน่อย

อาหารที่นี่มีให้ทานครบ 3 มื้อเลย ถ้าว่าด้วยเรื่องรสชาติจะออกไปทางติดหวาน มัน เลี่ยนค่ะ ถ้าเป็นอาหารเกาหลีก็จะแอบ Fake Korean Food นิดนึง ไม่ค่อยเหมือนออริจินัลเท่าไหร่ แต่ก็ทานได้นะคะแค่เป็นรสชาติที่เราไม่คุ้นเพราะคนที่นี่เขาจะอินเลิฟกับอาหารหวาน มันอยู่แล้วค่ะ แต่มิวชอบมื้อเช้านะคะเมนูจะเป็นแนวโรงแรมเลย ขนมปัง ซีเรียล สลัด ข้าวต้มให้ซดร้อน ๆ มื้อเที่ยงก็จะเป็นมื้อใหญ่ขึ้นมาหน่อยแล้วก็ใครไม่อิ่มคือเติมได้ตลอดเวลาเลยค่ะ แล้วยังมีพวกขนมปัง ผลไม้ น้ำหวานครบเลย แล้วก็จะมีหนึ่งวันต่อสัปดาห์ที่จะมีอาหารประจำชาติต่าง ๆ มีเบอร์เกอร์ บิบิมบับ อาหารที่นี่คือจัดเต็มมาก ส่วนมื้อเย็นก็เยอะจัดเต็มเหมือนมื้อเที่ยงจะต่างตรงเมนูค่ะที่จะไม่ซ้ำกันเลย

รีวิวเพื่อน ๆ ให้ฟังหน่อย โอเคไหม ?

ช่วงที่มิวไปอย่างที่บอกว่าคนไทยเยอะมากก เพราะเป็นช่วงปิดเทอมด้วย จะมีตั้งแต่ 17 18 แบบนี้ค่ะ คนไทยเยอะแต่มิวก็มีเพื่อนต่างชาตินะคะ อย่างเกาหลี เวียดนาม ญี่ปุ่น มองโกเลีย รัสเซีย ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนไปเที่ยวด้วยกันค่ะ ส่วนชาวต่างชาติส่วนมากจะเป็นคนวัยทำงาน แล้วจากที่ถามคืออยากได้ภาษาเพื่อไปอัปเกรดเงินเดือนให้ตัวเอง หรือไปต่างประเทศต่อ ส่วนมากก็มาด้วยทุนตัวเอง เพื่อน ๆ เลยจะแบบขยันและมุ่งมั่นกันมากค่ะ

รีวิวหลักสูตรที่เรียน ESL Classic + IELTS

การเรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์ ตอนแรกมิวตัดสินใจเลือกเป็น ESL Classic ไปก่อนค่ะ แต่ไปเปลี่ยนเป็น IELTS ทีหลังสรุปเลยก็จะเป็นเรียน ESL Classic 4 สัปดาห์ ปูพื้นฐานได้ดีก่อน + IELTS 4 สัปดาห์ รวมเป็น 8 สัปดาห์ ที่ตัดสินใจเปลี่ยนเพราะที่มหาวิทยาลัยของมิวจะมีทางเลือกว่าหากสอบ IELTS ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไม่ต้องเข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ตอนแรกเราก็ชั่งใจอยู่ พอไปเจอน้องที่รู้จักกันที่สถาบันแนะนำว่าเรียน IELTS จากที่นี่ไปเลยดีเพราะมีข้อสอบตัวอย่างให้ได้ทดลองทำทุกสัปดาห์ หรือ ทุกวันพฤหัสบดี แล้วก็ในพาร์ทการเขียนจะได้เรียนแบบ 1:1 เขาก็จะพาเขียนเลย เจาะเป็นหัวข้อ ๆ ไปมีแพทเทิร์นในการเขียนให้ด้วย แล้วก็มีหนังสือคำศัพท์ที่ช่วยได้มากทั้งพาร์ทพูดและเขียนค่ะ

สำหรับใครที่ความรู้ IELTS เป็นศูนย์มิวก็มองว่าโอเคเลยเพราะเขาจะมีหนังสือที่อธิบายละเอียดมาก ๆ ตั้งแต่พื้นฐานให้เราได้ฝึกไปพร้อมกับครูที่ดูแลอย่างใกล้ชิดทีละขั้นตอนด้วย แต่หนังสือพวกนี้เราต้องซื้อเพิ่มนะคะประมาณ 100 – 150 เปโซ แต่ก็จะมีบางเล่มที่ถ้าเรามีไฟล์หนังสือที่ใกล้เคียงกันก็ไม่ต้องซื้อได้ค่ะ

เรียนหนักไหม การบ้านเยอะหรือเปล่า ?

สำหรับมิวหนักพอสมควรเลย คลาสแรกเราเริ่มเรียนกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า เลิก 17.05 น. พอเข้าไปในคลาสแล้วครูจะไม่ค่อยคุยนอกเรื่องเท่าไหร่ จะเน้นเรียนเลยแล้วก็ค่อนข้างจี้ให้เราพูดเพื่อให้เรากล้ามากขึ้นค่ะ ด้วยความที่เราเรียน 2 หลักสูตรนะคะ เรามองว่ามันต่างกันมากเลย

ถ้าใน ESL เรียนหนักอยู่แบบพอรับได้ค่ะ เพราะไม่ได้ฝึกหนักขนาดนั้นเน้นพูดแบบเรื่องทั่วไป พูดคุยแบบปกติในชีวิตประจำวัน และพาร์ทแกรมม่าครูสอนดีมากให้เราเข้าใจจริง ๆ ใช้ได้จริงไม่เน้นท่องจำ สอนการใช้ประโยคยกตัวอย่างต่าง ๆ ส่วนใน Active Speaking ที่เรียนเป็นกลุ่มก็จะมีให้จับฉลากเพื่อถกกันในเรื่องต่าง ๆ ในส่วนของฟังพูดอ่านเขียนที่เรียนตัวต่อตัวก็จะมีหนังสือให้และเจาะเป็นบทเรียนไปเลย ให้เราสื่อสารให้ถูกหลักไวยากรณ์ที่มาจากความเข้าใจไม่ใช่การท่องจำค่ะ

ในส่วนของ IELTS มิวรู้สึกว่าใน 1 วันเรียนหนักพอสมควร เพราะเหมือนเราต้องสอบ IELTS ทุกวันเลย เราเรียนทั้ง 4 พาร์ท ฟัง พูด อ่าน และเขียนครบในวันเดียวทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวซึ่งจะมีแบบวัดระดับภาษาที่เป็นข้อสอบ IELTS ให้เราทำตั้งแต่ต้นเพื่อปรับการสอนให้เหมาะสมกับเรา ยกตัวอย่างในพาร์ทการเขียนครูเขาพาฝึกจนเราคะแนนขึ้นมาเยอะเลย จากคะแนนเรา 4.5 ขึ้นมาเป็น 5.5 เลยค่ะ ในส่วนของพาร์ทการอ่านครูก็จะให้เราทำเองก่อนแล้วค่อยเฉลยและบอกแนวทางการแก้ไขให้ดีขึ้นเป็นจุด ๆ เลย พาร์ทของการพูดก็คือดีเลยเรียนแบบตัวต่อตัวแนะนำวิธีการพูดให้ได้คะแนนสูงขึ้นด้วย ใช้คำที่สละสลวยและแอดวานซ์พร้อมทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ มีมาให้ตลอดค่ะ แล้วก็มี Mock Test ทุกวันพฤหัสบดี ประกาศคะแนนวันศุกร์ซึ่งจะบอกแค่รหัสนะคะไม่มีชื่อ คือทำให้เราได้เห็นพัฒนาการเราทุกวีคจริง ๆ เป็นผลลัพธ์จากการเรียนหนักที่เห็นได้เลยค่ะ

ส่วนการบ้านก็มีนะคะ การบ้านพาร์ทการอ่านก็จะอยู่ที่ความสมัครใจว่าอยากได้การบ้านไหม อย่างปกติเลยก็มีอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ส่วนพาร์ทการเขียนจะต้องจำกัดเวลาเขียนในกรอบเวลาที่กำหนดเลยไม่มีการบ้านค่ะ

การสอน/เทคนิคการสอนของครูที่เราประทับใจ ?

มิวว่าสำเนียงของครูฟิลิปปินส์คือฟังง่ายกว่า Native ค่ะ แต่จะมีติดแค่สำเนียงตัว T ที่ครูฟิลิปปินส์จะออกเสียงเป็น ตึ เช่น Time ก็เป็น ตาม แต่นอกนั้นคือมิวชอบเทคนิคการสอนแบบให้เรามั่นใจกล้าที่จะพูด ให้กำลังใจดีมาก

แรกเริ่มมิวบอกปัญหาของตัวเองว่าฟังรู้เรื่อง แต่เราแปลไม่ทัน ไม่ได้เข้าใจ ณ ตอนที่กำลังสนทนาอยู่เลย การเรียน ESL Classic ก็ช่วยได้เยอะมากเพราะเป็นการปูพื้นฐานเราก่อนเลย

ทางครูที่สอนก็เลยพยายามที่จะพูดช้าลง แล้วถ้าคำศัพท์ไหนที่เราไม่เข้าใจครูก็จะพยายามอธิบายด้วยคำศัพท์ที่ง่ายขึ้น และบอกให้เราเห็นว่ามันใช้ในบริบทนี้นะ และมิวว่ามันได้ผลนะ มิวใช้คำ ๆ นั้นโดยอิงจากบริบทจนชินจนเป็นธรรมชาติไปเองเลย

ครูบอกว่าเรามั่นใจมากขึ้นนะ จากตอนแรกที่เจอเพราะตอนอยู่ไทยคือเราก็กลัวที่จะพูดกลัวพูดผิดบ้าง แต่พอไปเรียนที่ EV คือทุกคนมาด้วยเป้าหมายเดียวกันคือการฝึกภาษา มันก็เคยไม่เขินอายที่จะสื่อสารออกไปค่ะ ก็คือพูดไปเลย อยากพูดอะไรพูดไปก่อนถ้าผิดครูก็แก้ไขให้ค่ะ

เล่าถึงบรรยากาศเมืองเซบู ?

อย่างที่มิวบอกเลยว่าในสถาบันเรากับด้านนอกคือต่างกันมาก อย่างตอนเลิกเรียนมิวจะออกมาเดินข้างนอกสถาบัน พื้นถนนที่แม้จะเป็นคอนกรีตแล้วแต่ก็เต็มไปด้วยหลุมบ่อ และมีน้ำไหลมาจากภูเขา แล้วสิ่งที่ช็อกมากคือเราเจอคนไร้บ้านที่มานำขยะไปประกอบอาหารใหม่ ซึ่งได้ยินมาบ้างแต่ก็แอบช็อกอยู่ดีค่ะ แล้วก็ร้านอาหารต่าง ๆ อาจจะยังไม่ได้เจริญขนาดนั้น แต่ถามว่าเราใช้ชีวิตได้ไหม ได้ค่ะ ก็ปรับจนชินไปเอง ^^

การเดินทางเองในเมืองเซบูยากไหม ?

ถ้าออกจากสถาบันจะต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วจะมีป้าย Jeepney บอกซึ่งมีหลายสาย ซึ่งก็จะมีชื่อสถานที่บอกชัดเจนเลยว่าไป Colon หรือ Ayala แล้วก็มิวเคยนั่งแท็กซี่ 1 ครั้งถ้วนเพราะว่ามันแพงมาก คือ มิเตอร์เขาไม่ได้เหมือนในไทย มิเตอร์จะวิ่งตามระยะเวลาที่เรานั่งอยู่บนรถไม่ได้คิดตามระยะทาง แล้วบางทีหน้าสถาบันนี่แหละก็รถติดแล้ว แล้วส่วนถ้าวันไหนที่ฝนตกก็หา Jeepney ไปห้าง Ayala ยากมาก

แต่ส่วนตัวแนะนำว่าถ้าไปก็นั่ง Jeepney ดีกว่า ซึ่งถ้าบอกว่าเป็นนักเรียนที่ EV จะได้ราคา 11 เปโซจาก 15 เปโซคือลดทุกสายเลย ถ้าไปกลับห้างที่มิวไปบ่อย ๆ นี่ก็ไม่เกิน 30 – 35 เปโซ แต่ถ้าเป็นแท็กซี่เราเสียไปตอนนั้น 300 กว่าเปโซเลย

Weekend ในเมืองเซบูทำอะไรบ้าง ?

มิวเดินทางเองบ่อยที่นี่ได้นั่งรถ Jeepney มิวขึ้นไปตั้งแต่วีคแรก ๆ เพื่อไปเซอร์เวย์สถานที่ แล้วก็ได้เจอกับตลาดกลางคืน Colon Night Market เป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ของกินเยอะ ของราคาถูกดีค่ะ อาหารแปลกๆ เยอะดีค่ะ แล้วก็ตรงตลาดจะเป็นแหล่งที่เสื้อผ้าขายเยอะสุดมิวก็ไปช่วงวันหยุดบ่อยๆ

นอกจากนี้ถ้าช่วงวันหยุดมิวจะชอบไปหาของกินอร่อย ๆ ค่ะ ลองอาหารใหม่ ๆ จะชวนเพื่อนไป Ayala Mall เป็นห้างที่ของถูกมาแต่สังเกตเลยว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ทุกร้านเลย ร้านอาหารก็ยังมีค่ะ อาจจะมีเหตุผลของมันที่เจ้าหน้าที่ต้องเยอะขนาดนี้ แต่ก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นค่ะ

แล้วก็ที่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวน้ำตก ทะเล เพราะมิวมองว่าคนเยอะค่ะ เลยไม่ได้ไปแนวธรรมชาติเท่าไหร่ค่ะ

เตรียม Pocket money ไปเท่าไหร่ดี

ส่วนตัวมิวเน้นกิน เน้นชอปปิ้ง ออกแค่ช่วงเสาร์อาทิตย์นอกนั้นอยู่ในสถาบันและไม่ค่อยไปเที่ยวธรรมชาติเลย ก็ใช้เดือนละ 15,000 บาท/เดือน แล้วเราเคยลองกดเงินในเซบูถ้าเรามีบัตร Travel Card ค่าธรรมเนียมจะชาร์ตเท่ากันทุกธนาคาร คือ 250 เปโซ กดได้สูงสุด 10,000 เปโซ

สุดท้าย สิ่งที่ประทับใจและไม่ประทับใจในการไปเรียนครั้งนี้ ?

สิ่งที่ประทับใจเลยคือการเรียนการสอนที่ครูใส่ใจทุกคน ทุ่มเทให้เรามาก ตอนแรกไม่คิดว่าเขาจะ Cheer up เราขนาดนี้ ทำให้เราอยากที่จะตื่นไปเรียนในทุกเช้ามากขึ้น แล้วด้วยความที่เราล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่ใช้ภาษาอังกฤษ ทำให้เราอยากพูดให้ได้

ส่วนที่ไม่ประทับใจที่สุดขอเลือกเป็นรสชาติอาหารในสถาบันนะคะ นอกจากนั้นโอเคหมดเลยค่ะ ถ้าอยากพัฒนาภาษาอย่างก้าวกระโดดเน้นการใช้งานจริง ไม่ได้เน้นการท่องจำซึ่งไม่ได้ผลจริงเท่าไหร่ การมาเรียนต่อที่เซบูดีมากค่ะ และค่าครองชีพ สภาพแวดล้อมไม่แตกต่างจากไทยเท่าไหร่ อยากให้เพื่อน ๆ มาสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะทั้งหมดนี้เป็นภาพจากในมุมที่มิวมองเท่านั้นนะคะ ^^

เพิ่มเติมเกี่ยวกับสถาบัน EV Academy

Photo Credits : มิว
# รีวิว เรียนหลักสูตร ESL ClassicI และ IELTS ที่ EV Academy โดย มิว

ขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778

นัดหมายพูดคุยผ่าน