[รีวิว] เรียนหลักสูตร Diploma Electrical and Computer Engineering Technology ที่แคนาดา กับสถาบัน BCIT โดย คุณเฟิร์ส

รีวิว เรียน Diploma Electrical and Computer Engineering Technology
สถาบัน British Columbia Institute of Technology (BCIT)

โดย คุณเฟิร์ส

อะไรทำให้ตัดสินใจมาเรียนต่อที่แคนาดา?

ตอนแรกจบมาก็ทำงานสายวิศวกรมาครับ แต่ทำไปได้สักพักนึงแล้วรู้สึกว่าที่ทำไปไม่คุ้ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเดือนก็ตาม หรือเรื่อง career path ในอนาคตก็ตาม แต่ด้วยความที่ยังชอบการเป็นวิศวะอยู่ เลยเริ่มศึกษาว่าถ้าอยากเป็นวิศวกรในต่างประเทศสามารถทำยังไงได้บ้างและมีโอกาสไหนบ้าง ก็เลยหาดูข้อมูลจนมาเจอโปรแกรมที่แวนคูเวอร์ แคนาดานี่แหละครับ

หลังจากมาอยู่ที่นี่ คิดว่าแวนคูเวอร์เป็นอย่างไรบ้าง?

ก็ดีครับ มันก็มีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง เป็นเรื่องปกติของคนที่มาใหม่ ๆ แต่โดยรวมรู้สึกชอบเมืองนี้ครับ เมืองนี้สวยมาก ธรรมชาติดีมาก การขนส่งสาธารณะทั่วถึง ไม่จำเป็นต้องมีรถส่วนตัว ผู้คนที่นี่ก็น่ารัก รู้สึกว่าอยู่เมืองนี้แล้วไม่เครียดด้วยครับ แต่ที่ไม่ชอบเลยที่นี่ คือ ค่าเช่าบ้าน รวมถึงราคาบ้านด้วย สมมติถ้าเราจะอยู่ต่อ เราก็ต้องซื้อบ้าน ซึ่งบ้านที่แวนคูเวอร์เท่าที่ผมฟังมาจากเพื่อนที่เป็นคนที่นี่ เขาบอกว่าค่าบ้านที่นี่แพง แพงที่สุดในแคนาดาเลยก็ว่าได้ ส่วนค่าเช่าบ้านก็ตามราคาบ้าน ก็คือค่อนข้างสูง แล้วก็จะมีวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับการสูบบุหรี่ กัญชาในที่สาธารณะที่ไหนก็สูบได้ ไม่ได้มี จุด Smoking area แบบที่ไทยนะครับ อันนี้ก็เป็นจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่รู้สึกว่าปรับได้

ทำไมเลือกเรียนหลักสูตร Electrical and Computer Engineering Technology ที่ BCIT?

จริง ๆ ตอนเลือกหลักสูตรดูไว้มีหลายที่นะครับ แต่พอมาเห็น BCIT แล้วรู้สึกว่า โปรแกรมโอเคแล้วก็อยากเปลี่ยนสาย จากสาย Electronic ไปเป็นสาย Power ก็เลยมาดูว่ามันมีสาย Power ไหม จนมาเจอที่ BCIT ครับ

หลังจากเรียนหลักสูตรนี้ที่ BCIT แล้ว เป็นยังไงบ้าง?

โดยหลัก ๆ แล้วก็เหมือนการเรียนวิศวกรรมทั่วไป มีวิชาเลข วิทย์ ฟิสิกส์ และก็มีวิชาเฉพาะทางเกี่ยวกับไฟฟ้า จะปูพื้นฐานปี 1 แต่ว่าสิ่งที่น่าสนใจเลยที่ BCIT คือ การได้ลงมือทำจริง ส่วนการเก็บคะแนนอย่างที่ไทย คือ 100 เปอร์เซ็นต์ ผ่านคือ 50 ถ้าคะแนนแล็บบวกคะแนนทฤษฎี แล้วผ่านก็คือผ่านเลย แต่ที่นี่เขาจะแบ่งเป็น แล็บ 50 ทฤษฎี 50 ต้องผ่านทั้งคู่ สมมติถ้าทฤษฎีได้เต็มเลย แต่แล็บไม่ผ่าน วิชานั้นก็ถือว่าไม่ผ่าน และที่นี่จะเป็นการเรียนแบบได้ลงมือทำจริง ไม่ได้แค่เรียนอยู่ในห้องเรียน จะเป็นเข้าแล็บครึ่งนึง เข้าห้องเรียนครึ่งนึงเลย และคะแนนแล็บก็ค่อนข้างสำคัญครับ

เอาตรง ๆ ที่นี่เขาปูพื้นฐานให้ระดับนึง แต่เขาค่อนข้างไปไวอยู่พอสมควร สำหรับใครที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน ควรทำการบ้านเตรียมตัวมาดี ๆ เลยครับ อย่างน้อยไปศึกษาเบื้องต้นมาว่า วิชาเรียนมีอะไรบ้าง เอาวิชาเรียนเหล่านั้นไปลองหาดูว่ามันมีทฤษฎีเป็นยังไง มีสูตรเป็นยังไงก่อนที่เราจะมา จะได้พร้อมเรียนได้เลย จะได้ไม่ต้องมาเริ่มจากศูนย์ ให้เราทำการบ้านมาระดับนึง เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มจากง่าย ๆ ก็จริง แต่เขาก็ไปไวเหมือนกันครับ ก็เลยคิดว่าถ้าทำการบ้านมาน่าจะดีกว่า คอร์สนี้เป็นคอร์สระดับ Diploma เพราะฉะนั้นตอนยื่นเข้าเรียนเราไม่จำเป็นต้องใช้เกรดตอนมหาวิทยาลัย แต่ต้องยื่นเกรดตอน ม.ปลายแทน อย่างถ้าคุณจบสายวิทย์มาก็ใช้คะแนนวิชาเลข ฟิสิกส์ ภาษาอังกฤษ ยื่นได้เลยตาม Requirement ของโรงเรียน

ส่วนสิ่งที่ผมชอบที่นี่อย่างแรกเลยคือ ชอบสังคม เพื่อน ๆ ที่นี่ช่วยกันเรียนไม่ได้แข่งกันเรียน อย่างที่ไทยจะมีแข่งกันเรียนบ้าง แต่ที่นี่คือไปช่วยกันเรียน เตรียมแล็บ ทำการบ้าน ผมเลยค่อนข้างโอเคกับเพื่อนกับสังคม ส่วนเนื้อหาการเรียน รู้สึกว่าเรียนแล้วได้ประโยชน์ ได้มานั่งบัดกรีจริง ๆ อย่างที่ไทยเรียนวิศวะมาก็ไม่เคยทำ ได้เรียนแต่ทฤษฎีก็เลยรู้สึกชอบ BCIT ครับ

70% ของเพื่อนในห้องเป็นคนแคนาดา อีก 30% ที่เหลือเป็นนักเรียนต่างชาติ เราจะได้เพื่อนหลากหลายเลยครับ เพื่อน ๆ ที่เป็นนักเรียนต่างชาติก็พูดภาษาอังกฤษได้ดีอยู่แล้วครับ เพราะที่นี่เขา require ภาษาอังกฤษก่อนเข้า และก็มีเพื่อน ๆ จากหลากหลายวัฒนธรรม หลากหลายภาษาด้วยครับ แต่ทาง BCIT จะมีการปรับค่าเทอมขึ้นทุกปี อย่างค่าเทอมสำหรับคนที่เป็นพลเมืองที่นี่จะขึ้นปีละประมาณ 2-3% นะ ผมจำตัวเลขไม่ค่อยได้แต่ไม่เกินนี้แน่นอน

ส่วนค่าเทอมสำหรับคนที่เป็นนักเรียนต่างชาติ หรืออะไรที่มันอยู่เหนือ Base tuition เขาไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ทุก ๆ ปี เขาก็ปรับเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเรื่อย ๆ ผมเข้าใจว่าเป็นการปรับขึ้นตามเงินเฟ้อหรืออะไรก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ ถ้าเรามีกฎหมายคุ้มครองระดับนึง ไม่ให้เกินจำนวนนี้ หรือว่ากำหนดไปเลยว่าเท่าไหร่ มันก็จะง่ายกว่าสำหรับคนที่มาทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย และจะจ่ายค่าเทอมไปด้วยไรงี้ครับ

โปรแกรม Co-op ของ BCIT ต่างจาก Co-op ทั่วไปยังไง?

ส่วนใหญ่ตอนที่สมัครมาตอนแรก ไม่ได้มี Co-op รวมในโปรแกรมอยู่แล้ว แต่เขาจะมีให้เลือกทำ Co-op หลังจากเรียนได้ 1 เทอม แต่ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าไปทำได้นะครับ เขาจะคัดว่าเทอมก่อนหน้านี้มีใครสมัครมาบ้าง และถ้าใครที่ได้ Top 30 คนแรก แล้วสนใจอยากทำ Co-op ถึงจะมีสิทธิไปทำได้ ต้องแข่งขันกันนิดนึงครับถ้าอยากทำ Co-op เพิ่มเติม

อย่างโปรแกรมของผมเรียน 2 ปี 4 เทอม Co-op ของ BCIT ค่อนข้าง Tricky นิดนึงครับ จะไม่ได้ให้ทำหลังเรียนจบหลักสูตร แต่จะให้ทำระหว่างเรียน หลังจากที่เรียนไปแล้ว 
1 เทอม หรือ 1 ปี ก็แล้วแต่ พอเราไปทำ Co-op ที่จะฝึกทั้งหมด 8 เดือน ทำให้คอร์สเราถูกยืดระยะเวลาไปอีก 8 เดือน เช่น ผมเรียน 2 ปี ผมก็จะเรียนไปทั้งหมด 2 ปี 8 เดือนแทน และหลังจากนั้นก็ค่อยเปลี่ยนเป็น PGWP ( ทำงานเต็มเวลาหลังเรียนจบ ระยะเวลา 3 ปี ) แต่ไม่ใช่ว่าเรียนจบ 2 ปี แล้วค่อยไป Co-op หลังเรียนจบนะ อันนี้เขาทำให้ไม่ได้ครับ ทำได้แค่ระหว่างเรียนไม่ว่าจะเป็นเทอมแรก หรือว่าปีแรก สามารถทำ Co-op ได้ครับ

หลังจากเรียนจบ มี Plan หรือ ตัดสินใจอย่างไรต่อ?

ก็เหมือนที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเลยครับ อยากจะมาทำงานวิศวกรที่แคนาดา ก็อยากจะลองหางานสายวิศวะที่จบมาครับผม ก็ทำงานเต็มที่ไปก่อนครับ ได้ PGWP 3 ปี ก็ทำงานให้ครบ 3 ปี แล้วก็จะดูโอกาสในการยื่น PR ไม่ว่าจะเป็นทำงานไปแล้วปีนึงก็ยื่นได้แล้ว หรือถ้าคะแนนไม่พอก็อาจจะต้องรอไปก่อน ถ้ามีโอกาสก็จะยื่นขอ PR ครับ

ช่วยแชร์ประสบการณ์การหางานและการทำงานที่แคนาดาหน่อยค่ะ?

เอาตรง ๆ เรื่องการหางานทำที่นี่ส่วนตัวมองว่า หาค่อนข้างยาก จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอนะครับ ไม่ว่าจะผ่าน Linkedin หรือการยื่นเรซูเม่ ไม่ค่อยได้การตอบกลับมาสักเท่าไหร่ ตอนนี้ผมทำอยู่สองงาน ที่หาสองงานนี้ได้ ก็จาก Connection ของเพื่อนที่ BCIT ล้วน ๆ เลย แบบเพื่อน Refer ให้เข้าไปทำไรงี้ครับ ซึ่งตอนที่ผมเรียนอยู่ ผมเรียน 5 วัน จันทร์-ศุกร์ และทำงาน 4วัน ศุกร์-จันทร์ครับ ที่แรกผมทำงานร้านอาหารไทย ทำมาได้ 6 เดือน เป็นตำแหน่งผัด เพราะผมชอบทำอาหารอยู่แล้ว และมีเพื่อนคนไทยที่รู้จักกัน เขาแนะนำมาว่าร้านนี้ขาดคนผัดพอดี พอไปลองเทรนดูแล้วเขาก็ชอบ ผมก็เลยได้ทำเลย ส่วนที่ทำงานที่สองเป็นร้านรองเท้า ทำตำแหน่ง Sales และช่วยเรื่องสต็อกสินค้าข้างหลังด้วยครับ ทำมา 
2 เดือนแล้ว

ถ้าเปรียบเทียบสองงานนี้แน่นอนว่างานนึงเป็นแบบสังคมไทย อีกแบบเป็นสังคมแบบ Mix Nationality ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มันต่างกันพอสมควรครับผม อย่างภาพรวมเรื่องระบบ สำหรับร้านไทย ถ้าเรามีหน้าที่ 1 2 3 แล้วเราว่าง เราต้องไปทำ 4 5 6 ต่อ จะไม่ใช่ว่าทำ 1 2 3 เสร็จแล้วจะอยู่ว่าง ๆ ได้ กลับกันในอีกสังคมนึงก็คือ ถ้าเราทำหน้าที่เราเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ซึ่งก็ไม่มีใครมองว่ามันแปลก ซึ่งเข้าใจได้ทางฝั่งของร้านไทย เราเข้าใจในมุมมองของนายจ้าง เข้าใจได้ทั้งคู่ ความต่างกันหลัก ๆ อาจจะเป็นเรื่องของระบบ วัฒนธรรม และการมองลูกจ้างครับ เพื่อนร่วมงานของทั้งสองที่ อยู่ด้วยแล้วสนุกครับ ทำงานไปด้วย เฮฮาไปด้วย ก็ไม่เครียดครับ

คุณเฟิร์สมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่นี่ยังไงคะ?

ไลฟ์สไตล์ของผมจะเป็นการออกกำลังกายมากกว่า ก็ไปฟิตเนสช่วงเช้าที่ BCIT เพราะฟิตเนสฟรีและค่อนข้างดีด้วย ก็จะไปเรียนก่อนแล้วค่อยไปฟิตเนสและก็ไปทำงานต่อ จะแบ่งประมาณนี้ ส่วนเวลาเที่ยวก็จะมีบ้าง อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง แต่ไม่ได้ไปไกลครับ เพราะแอบเหนื่อย ก็จะเที่ยวดาวน์ทาวน์ อิงลิชเบย์เดินเล่นชมวิวตามธรรมชาติอะไรงี้ครับ แต่หลัก ๆ ไลฟ์สไตล์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร เพราะว่าเป็นคนชอบออกกำลังกาย เราแบ่งเวลาเล่นอยู่แล้ว

คุณเฟิร์สมีวิธีการหาที่พักที่แคนาดาอย่างไรคะ?

เอาตรง ๆ เลยผมเริ่มหาจากที่ไทยมา หาค่อนข้างยาก ไม่ว่าจะเป็นตามเว็บไซต์หรือตาม Facebook Market Place แต่เขาไม่ค่อยตอบคนจากต่างประเทศเท่าไหร่ เลยไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยปรึกษาคนที่เขาอยู่ที่แคนาดาอยู่แล้ว ให้เขาช่วยลองหาดู เขาก็จะมีคนที่รับช่วยหาที่พัก และเขาก็จะคิดค่าแรงหรือค่านายหน้า แต่ว่าเดินเรื่องค่อนข้างง่ายกว่าเยอะ ผมได้ที่พักอยู่ค่อนข้างใกล้กับที่เรียนเลยครับ ผมหาที่พักเป็นสองห้องนอน สองห้องน้ำ ราคาที่ผมหาได้อันนี้ค่อนข้างต่ำแล้วนะครับ ค่าเช่าอยู่ที่ 2,700 CAD ต่อเดือน

มีข้อคิด คำแนะนำอะไรสำหรับ คนที่กำลังตัดสินใจอยากมาเรียนต่อหรือมาอยู่แคนาดาบ้างไหม?

อยากให้ทำการบ้านดี ๆ ครับ เพราะทุก ๆ คอร์สที่มาเรียนไม่ว่าจะได้ PGWP หรือไม่ หลังเรียนจบ อยากให้ศึกษาก่อนว่า จบมามีงานรองรับรึเปล่า นี่คือปัจจัยหลัก ๆ ที่ผมใช้เลย ตอนนั้นค้นหาเลยว่าถ้าจบวิศวะภายใน 10 ปีนี้ มันมีงานรองรับมากกว่าคนจบไหม ซึ่งข้อมูลพวกนี้หาได้ตามเว็บไซต์รัฐบาลแคนาดาได้เลย เขาจะมีวิเคราะห์ไว้ให้เลย ไม่ใช่ว่าอยากเรียนอันนี้แต่จบมาไม่มีงานทำเลยหรือมันหางานได้ค่อนข้างยาก ก็ยังไม่แนะนำให้มา ให้ศึกษาเรื่องอากาศ อากาศเป็นยังไง มาช่วงไหน จะได้เตรียมตัวถูก เพราะอย่างผมมาช่วงหน้าหนาว ตอนแรกไม่คิดว่าจะหนาวมาก แต่ว่ามาถึงปุ๊บ -10 ถึง -15 องศาเลย ก็ช็อกและปรับตัวยากมากครับผม เรื่องภาษาที่นี่ไม่น่าเป็นห่วงครับ เพราะว่าเขาค่อนข้างเข้าใจเรา ว่าเราจะสื่อสารอะไร เขาค่อนข้างอยากคุยกับเรามากกว่า ไม่ต้องกลัว แต่ก็เตรียมไว้ก็ดีครับ มันก็หนักนะแต่ก็คุ้มค่าในการมาครับผม

รีวิวก้อปันกันให้ฟังได้ไหมคะ อะไรทำให้เลือกใช้บริการของก้อปันกัน?

ตอนก่อนมา ตอนที่ศึกษาข้อมูลเรียนต่ออ่าครับ ไปศึกษาหลายเว็บ หลายเอเจนซี่อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ทักไปคุยนะครับ ก็ไล่อ่านตามเว็บไซต์ปกติทั่วไป แต่การให้ข้อมูลของที่อื่น ๆ เขาจะให้มาประมาณนึง ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเยอะมากพอ เราต้องทัก Inbox ไปเพื่อถามเพิ่มเติม เทียบกับก้อปันกัน พอเข้าไปดูในเว็บไซต์เขาที่ไม่รวมคลิปวีดีโอ ก็มีข้อมูลที่ค่อนข้างครบอยู่แล้ว และยิ่งมีคลิปที่เขาอธิบายเพิ่มเติมอีก พอฟังแล้วก็ได้ข้อมูลค่อนข้างครบมากกว่า ก็เลยรู้สึกดีมากกว่าเอเจนซี่อื่น ๆ ครับ หลังจากที่ได้ใช้บริการของก้อปันกัน ส่วนตัวรู้สึกประทับใจมากครับ ผมเป็นคนขี้กังวลนิดนึงครับ คำถามจะเยอะมากเวลาที่ผมมีคำถามจริง ๆ เวลาติดต่อทางไลน์ แชทจะหนักขวามากครับ 5555 แล้วพี่เขาก็จะมาตอบ ตอบครบทุกคำถามที่ถามไปเลย ซึ่งก็ทำให้เราสบายใจดีครับ แล้วก็ระบบ Portal ที่เราต้องเตรียมเอกสาร ชัดเจนดี ระบุ 1 2 3 ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เตรียมเอกสารอะไรบ้างและต้องรวมรวมไฟล์ให้ยังไงบ้าง รู้สึกว่าเป็นระบบระเบียบดีครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเขามีระบบวิดีโอคอลไหมนะครับ เท่าที่ผมติดต่อมาไม่ได้วิดีโอคอลกับพี่กันต์เลย กว่าจะได้เจอ ก็มาเจอที่นี่แล้วครับ แต่ว่าข้อมูลที่ให้ผ่านไลน์ก็มากพอแล้วนะครับ แต่สำหรับบางคนที่เขาไม่สบายใจ กระวนกระวายใจ หรืออยากเจอตัวกันจริง ๆ ถ้ามีระบบวิดีโอคอลก็น่าจะยิ่งดีครับ

(ปัจจุบัน KPG มีให้นัดหมาย video call ผ่าน zoom ได้ที่ https://booking.korpungun.com/ แล้วนะครับ)

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ British Columbia Institute of Technology (BCIT)

Photo Credits : คุณเฟิร์ส
# รีวิว เรียน Diploma Electrical and Computer Engineering Technology สถาบัน British Columbia Institute of Technology (BCIT) โดย คุณเฟิร์ส

ขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778

นัดหมายพูดคุยผ่าน