101 Facts! รู้จัก แวนคูเวอร์ เมืองใสๆ ที่เด็กไทยใฝ่ฝันอยากไปเรียนต่อ

เปรียบเทียบ Vancouver กับ Toronto

1. รู้มั้ยว่าปัญหาโลกแตกสำหรับเด็กที่อยากมา เรียนต่อแคนาดา คืออะไร? คำถามคลาสสิก “แวนคูเวอร์ หรือ โตรอนโต ดีพี่?”

2. เป็นคำถามที่เชื่อว่าสถาบันให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อต้องเจอบ่อยมาก แต่ก็เข้าใจได้ เพราะแคนาดาไม่ใช่ประเทศใกล้ๆ ที่เราจะบินไปเที่ยวเล่นง่ายๆ เหมือนญี่ปุ่น เป็นใครก็ไม่อยากเสี่ยง อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง

3. อย่างงี้นะ อธิบายพื้นฐานของแคนาดาก่อนว่า เป็นประเทศที่ค่อนข้างสงบเมื่อเทียบกับอเมริกา ออสเตรเลีย และอังกฤษ (คหสต) หมายถึง อัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ คนชิวแบบไม่ค่อยมีประเด็นเรื่องการเหยียดหรือใจร้ายกับเรา และชีวิตประจำวันอาจไม่เร้าใจเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ (คหสต อีกเหมือนกัน)

4. ต้องเข้าใจอีกว่าประเทศแคนาดาใหญ่มาก แต่พื้นที่อยู่อาศัยน้อยมาก ที่เหลือเป็นป่าเป็นเขา คนแคนาดาที่แท้ไม่รู้ไปอยู่ตรงไหน ที่เห็นคือผสมผสานกันไปหมด ทั้งเอเชียหน้าออกโซนจีนเกาหลี คนอินเดีย คนขาวแบบยุโรป คนขาวแบบอเมริกัน คนดำแบบแอฟริกัน คือหลากหลายมาก

5. ทีนี้ ถ้าเราโฟกัสที่ 2 เมืองนี้ คนที่เชียร์แวนคูเวอร์ก็จะบอกว่าเป็นเมืองที่สงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ อากาศดี ส่วนคนที่เชียโตรอนโตก็จะบอกว่า เป็นเมืองที่สนุก ของกินเยอะกว่า และข้ามมานิวยอร์กแบบใช้เวลาแป๊บเดียว

6. แล้วทำไมควรเลือกเลย มาเที่ยวก่อนค่อยเลือกได้ไหม? คำตอบคือได้ ถ้ามีเวลาและเงินมากพอ ย้ำอีกทีว่าประเทศแคนาดานั้นใหญ่มหาศาล 2 เมืองนี้อยู่ห่างกันเหมือนคนละประเทศ จากเมืองนึงบินไปอีกเมือง ใช้เวลา 4.30 ชั่วโมง คือนานกว่าจากกรุงเทพบินไปใต้หวันอีก

7. เราเคยนำเสนอเมืองโตรอนโตไปแล้ว (ที่ลิงก์นี้จ้า 101 Facts Toronto) รอบนี้เลยขอมาเล่าเรื่องแวนคูเวอร์บ้าง เพราะเป็นเมืองที่เด็กไทยไปเรียนต่อเยอะ แล้วทุกคนที่ไปบอกว่าชอบเมืองนี้หมดเลย บางคนที่แพลนจะทำงานต่อด้วย มันจะอะไรขนาดนั้นอะ!

Photo Credit : Alex on Unsplash

เกี่ยวกับ เมือง Vancouver

8. ใครๆ ก็บอกว่าอาหารญี่ปุ่นที่แวนคูเวอร์อร่อยมาก ที่มันรสชาติดีเพราะเขาใช้วัตถุดิบที่หาได้จากเมืองนี้แหละ นั่นหมายถึงธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาแซลมอน ในทะเลก็มีซีฟู้ดอื่นๆ อีกมากมาย อากาศอุ่นพอให้สิ่งมีชีวิตเติบโตได้

9. แวนคูเวอร์อยู่ตรงไหน? จินตนาการแผนที่อเมริกาออกไหม? แคลิฟอร์เนียอยู่ซ้ายมือ นิวยอร์กอยู่ขวามือ แวนคูเวอร์จะอยู่ฝั่งซ้าย หรือ West อยู่ติดกับรัฐวอชิงตัน (ไม่มีดีซี) หรือที่รู้จักกันดีคือเมืองซีแอตเทิล

10.พออยู่ตรงเส้นนี้ ใครที่วางแผนมาเที่ยวด้วยเรียนด้วย และมีวีซ่าอเมริกา ก็อยากแนะนำให้ลองข้ามมาเที่ยวดู ทั้งซีแอตเทิล ซานฟราน แอลเอ หรือซานดิเอโกก็เก๋อยู่นะ เมืองชายทะเลสีสันสดใส ในขณะที่นิวยอร์กก็จะอีกฟีลนึง

11. เท่าที่ถามคนรอบตัวว่าทำไมถึงชอบแวนคูเวอร์ ส่วนใหญ่จะบอกว่าเพราะมันไม่หนาวมาก ซึ่งก็จริง เพราะหน้าหนาวที่แคนาดาคือหนาวจริง หนาวทุกพื้นที่ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเราอาศัยอยู่ที่ไหน

12. หน้าหนาวที่แวนคูเวอร์อุณหภูมิอยู่ที่ 1-5 องศา ติดลบบ้างนิดหน่อยแล้วแต่ปี มีหิมะประปราย แต่ไม่โหดเท่าโตรอนโต ที่นั่นหน้าหนาวคือหิมะสูง 2 เมตร บางวันติดลบแบบ -20 องศา ต้องเตรียมเครื่องแต่งกายไปแบบดีมากๆ

13. เวลาของแวนคูเวอร์ช้ากว่าไทยประมาณ 14 ชั่วโมง หมายถึงเมืองไทยจะเช้าก่อน เข้าวันใหม่ก่อน แวนคูเวอร์ถึงตามมา

ฤดูกาลและสภาพแวดล้อม

14. ที่นี่จะมี 4 ฤดู ขอไล่แบบตั้งแต่เดือนกันยาเลยละกันจะได้ตรงกับช่วงที่เปิดเรียน เดือนกันยาจะเริ่มเข้าฤดูใบไม่ร่วงละ อากาศกำลังดีแบบเย็นสบายเชียว ตอนเช้าประมาณ 20 องศา ตอนกลางคืนประมาณ 10 องศา เรียนไปเรียนมาซักแป๊บก็จะเข้าช่วงคริสต์มาสละ

15. บางคนนับหน้าหนาวตั้งแต่ธันวาคม แต่เราว่าพฤศจิกายนก็หนาวแล้ว ช่วงกลางวันประมาณ 10 องศา ส่วนกลางคืนก็เลขตัวเดียวเลย จะไปสิ้นสุดหน้าหนาวช่วงเดือนกุมภาพันธ์

16. อ้อ ฤดูหนาวบ้านเขาอาจมีฝนเล็กน้อย ไม่ต้องตกใจ อากาศหนาวๆ ชื้นๆ ระวังอย่างเดียวคือเรื่องไม่สบาย

17. อยากแนะนำเรื่องเสื้อผ้าในฤดูหนาวว่าไม่ต้องเตรียมไปมาก ไปซื้อที่นั่นจะถูกกว่า และทนกว่า เพราะเป็นสินค้าที่คนใช้เป็นประจำ ไม่หนักกระเป๋าด้วย อาจมีพวกฮีทเทคหรือสเวตเตอร์ที่เอาไปเผื่อได้ พวกโค้ทไปซื้อที่นั่นดีกว่า

18. ช่วงมีนาคม ถึงพฤษภาคมจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศดีมาก ส่วนหน้าร้อนจะเริ่มตั้งแต่มิถุนายน ถึงสิงหาคม ที่ว่าร้อนก็คืออุณหภูมิที่บ้านเราเปิดแอร์ แบบ 25-26 องศา แต่บางวันร้อนกว่านั้น ก็ร้อนแหละ แบบใส่เสื้อผ้าสบายๆ ได้ในช่วงนี้

19. หน้าร้อนจะเป็นช่วงปิดเรียน เด็กปิดเทอม กิจกรรมอีเว้นท์ต่างๆ ก็จะเยอะ พวกเทศกาลดนตรีนี่ต้องมีอยู่แล้ว มีทุกเมือง เพราะไม่หนาว คนไปจอยได้ในสวนสาธารณะ ฉะนั้นหลังจากที่วางแผนเรียนเสร็จแล้ว ควรวางแผนเที่ยวต่อเลย มาทั้งทีจะได้คุ้มๆ

20. ภาพรวมของแวนคูเวอร์คือเมืองสบายๆ บางคนถึงกับแซวว่าเป็น ‘เมืองบ้านนอก’ เลยล่ะ ฟีล Vampire Twilight คือถ้าหลุดจากโซนเมืองออกไปก็จะเป็นภูเขา เป็นป่า แต่เชื่อเถอะว่าใครๆ มาก็ต้องชอบ เพราะคนดี อากาศดี สิ่งอำนวยความสะดวกโอเค และรู้สึกปลอดภัยมากๆ

ประชากรและนักศึกษา

21. แล้วคนในแวนคูเวอร์ก็ไม่เยอะ มีราวๆ 7 แสนคน ประชากรในรัฐบริติช โคลัมเบียมีประมาณ 5 ล้านคน คือน้อยกว่าประชากรกรุงเทพครึ่งนึง

22. แล้วถ้าเดินเจอแต่คนหน้าโซนเอเชียก็ไม่ต้องงง เพราะญี่ปุ่น จีน เกาหลี ฟิลิปปินส์ อินเดียแอบเยอะ ในบางประเทศอย่างเกาหลีนี่เขานิยมมาคลอดลูก และให้เรียนต่อที่นี่เลย คุณภาพชีวิตดีกว่า ชิวกว่า ฉะนั้นหน้าตี๋ๆ บางที่พูดอังกฤษไฟแล่บ

23. ข้อดีคือ เวลาเราพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยๆ ทุกคนเขาโอเคมากและพยายามเข้าใจ เพราะที่นี่สำเนียงหลากหลายเว่อร์ ส่วนเราก็ตั้งใจพูด ไม่ต้องไปดัดลิ้นให้พันกันจนเกินไป ใครเพิ่งถึงก็ค่อยๆ ฝึกไป คนเขาเข้าใจดี

24. แต่ถ้าใครเคยเรียนภาษาจีนไปจากเมืองไทย ก็จะเริ่ดเกิน ที่นี่คนจีนเยอะ อย่าตกใจถ้าเวลาไปกินร้านอาหารจีนแล้วเขาจะคุยกับเราเป็นจีน ส่วนใครพอสื่อสารภาษาจีนได้ อาจจะใช้เพื่อเอาตัวรอดในบ้างสถานการณ์

25. ประชากรนักเรียน และนักศึกษามีประมาณ 50,000 คน ส่วนใหญ่เด็กนอกที่มาเรียนต่อจะอยู่ตามวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย

26. คนไทยจะไม่ค่อยเยอะถ้าเทียบกับโตรอนโต เด็กเอเชียจะมีญี่ปุ่น จีน เกาหลี ที่เยอะ แต่ส่วนใหญ่เป็นเอเชียที่ดี ใจเย็น และน่ารัก

27. เคล็ดลับคือ เพื่อนต่างชาติเหล่านี้จะช่วยให้เราเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น อย่างน้อยก็ต้องเริ่มพูด คำสองคำก็ได้พูด แต่เชื่อเถอะว่าเด็กไทยค่อนข้างครบเครื่อง เราเรียนรู้ได้เร็ว แกรมม่าเราก็โอเคอยู่ แค่เพิ่มความมั่นใจไปหน่อย เพราะเด็กเกาหลีเขามั่นใจสูงมาก ต้องกล้าพูดเหมือนเขา

Photo Credit : Alf Palacios on Unsplash

การเตรียมความพร้อมสำหรับไปศึกษาต่อ

28. บอกไปแล้วว่าที่แวนคูเวอร์จะเปิดภาคเรียนปกติในช่วงกันยายน แต่บางคนอาจจะเริ่มเรียนตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์เลย หรือเข้ามากลางเทอม แล้วแต่ละกรณี

29. ทีนี้ ถ้าจะเริ่มเรียนกันยานี้ก็ต้องวางแผนจัดการเรื่องเอกสาร และการสอบต่างๆ สมมติว่าเลือกแล้วว่าจะมาเรียนที่นี่ เลือกโรงเรียนและสาขาวิชาที่ต้องการแล้ว ควรเดินเรื่องตั้งแต่เนิ่นๆ ประมาณเดือนเมษายน หลังจากที่ปิดภาคเรียนทั้งโรงเรียน และมหาวิทยาลัย

30. จริงๆ ตั้งแต่ช่วงที่เข้ามาคอลซัลท์ เราก็จะบอกเสมอว่าวิทยาลัยไหนต้องการเอกสารตัวไหนบ้าง เช่น หนังสือรับรองการศึกษา ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ หรือบางแห่งก็ดูแค่เกรดเฉลี่ยอย่างเดียว

31. จากนั้นก็ต้องดูเรื่องที่พัก ว่าอยากพักแบบไหน อันนี้แล้วแต่ความชอบนะ ไม่มีอะไรดีกว่าหรือแย่กว่า บางครอบครัวอยากให้อยู่กับโฮสต์ เพราะมีคนช่วยดูแล และอาจมีเพื่อนจากต่างประเทศมาอยู่ด้วยกัน ช่วยฝึกภาษา แต่ถ้าใครโตแล้วอยากเช่าห้องอยู่เองก็ต้องรีบหาหน่อย เพราะถ้าช้าอาจเหลือตัวเลือกน้อยและมีแต่ห้องที่ราคาสูง

32. ยอมรับว่าค่าที่อยู่อาศัยที่นี่แพง ถ้าใครเคยเข้ากลุ่ม Facebook นักเรียนไทยในแคนาดา หรือนักเรียนไทยในแวนคูเวอร์ ก็จะเห็นคนประกาศหาเพื่อนร่วมห้องอยู่บ่อยๆ หาคนหาร เพราะการจ่ายคนเดียวเดือนละหลายหมื่นนี่หนักจริง

33. ยังมีเรื่องวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน วันปฐมนิเทศ และสิ่งที่ต้องทำอีกมากมายเมื่อมาถึง เช่น การขอ Sin No หรือหมายเลขประกันสังคมเพื่อทำงานในแคนาดา

34. เราจะขอ Sin No ได้ก็ต่อเมื่อได้ประทับตรานักเรียนต่างชาติที่สนามบินตอนเข้าประเทศก่อน ฉะนั้นถ้าไม่อยากทำทุกอย่างแบบรีบๆ แนะนำว่ามาก่อนเปิดเทอมสัก 2 อาทิตย์

35. เคยเขียนเรื่องการเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมไว้แล้วตอนรีวิวเมืองโตรอนโต ไปอ่านเพิ่มได้ที่ลิงก์นี้เลย 101 Facts Toronto ย้ำว่ามาถึงอย่าเพิ่งเที่ยว จัดการเรื่องเอกสารดีๆ เวลาเปิดเทอมจะได้ไม่มีปัญหา และไม่เสียเวลาด้วย

36. ส่วนเรื่องเรียนขอไม่ลงลึกนะ อันนี้ไปปรึกษากับพี่กันต์ได้เลยว่าโรงเรียนไหนโดดเด่นเรื่องอะไร แต่อยากบอกว่าแวนคูเวอร์เป็นอีกหนึ่งเมืองที่คุณภาพการศึกษาสูง

37. University of British Columbia เป็นมหาวิทยาลัยระดับท้อป 3 ของแคนาดา และอยู่ในลำดับที่ 34 ของโลก ยังมีวิทยาลัยเอกชน และโรงเรียนสอนภาษา เป็นจุดหมายปลายทางของนักเรียนทั่วโลกเลยล่ะ

การทำงานระหว่างเรียน

38. สำหรับใครที่แพลนมาระยะสั้นประมาณปีเดียว วางแผนให้ดีนะ เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เลย เพราะเวลาจะผ่านไปเร็วมาก ข้อมูลเดี๋ยวนี้หาในอินเตอร์เน็ตได้เพียบ

39. กิจกรรมหลัก 3 อย่างที่เด็กไทยทำเมื่อมาแวนคูเวอร์คือ เรียน ทำงาน เที่ยว เราเรียนเอาความรู้ ทำงานหาเงินจ่ายค่าที่พักและค่าข้าว และเราเที่ยวหาประสบการณ์

40. เมื่อก่อนกฎหมายที่นี่เขาจะให้นักเรียนต่างชาติทำงานแค่สัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง แต่ประกาศล่าสุดคือเขาอนุญาตให้ทำมากกว่า 20 ชั่วโมงได้แล้ว ครอบคลุมถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 คิดว่าเป็นการทดลองใช้กฎหมายใหม่ หลังปีนี้ต้องเช็คดูอีกทีนึงว่าเขาจะยังไงต่อ (อ้างอิงจาก : https://www.canadavisa.com/ircc.html)

41. โดยค่าแรงตามกฎหมายที่สมควรได้รับคือ 16.75 CAD ต่อชั่วโมง = 435 บาท โดยประมาณ ก็เยอะอยู่แต่อย่าเพิ่งตาลุกวาว เพราะค่าใช้จ่ายรายวันก็ไม่เบา คิดว่าเป็นค่าอาหาร หรือเก็บไว้จ่ายค่าเช่าบ้านก็แบบ ช่วยครอบครัวประหยัดด้วย

42. งานที่ทำเนี่ย มีทั้งในโรงเรียน และนอกโรงเรียนนะ ในโรงเรียนก็เป็นพวกเจ้าหน้าที่ในห้องสมุด พนักงานในโรงอาหาร พนักงานธุรการใน Student Office

43. ส่วนนอกโรงเรียน ส่วนใหญ่เด็กไทยทำงานในร้านอาหารจะง่ายที่สุด ทั้งร้านอาหารไทยและร้านอาหารเอเชีย

44. แต่บางคนเก่งหน่อยก็ไปเป็นพนักงานขาย หรือทำงานในคาเฟ่ ต้องเทรนนิดนึงแต่ถือว่าได้ฝึกภาษาไปในตัวได้ดีเชียว

45. ย้ำว่า งานที่ทำจะเริ่มได้หลังจากเปิดเทอมไปแล้วนะ จะบินมาทำก่อนไม่ได้ ผิดกฎหมาย และจัดเวลาตัวเองให้ดี เพราะถ้าไม่ได้มาเรียนแค่ภาษา ก็ต้องบอกว่าเรียนหนักอยู่ ต้องส่งเปเปอร์ มีงานกลุ่ม การนำเสนอ และต้องอ่านหนังสือเพื่อไป Discuss ด้วยในบางคลาส อย่าทำแต่งาน หาแต่เงิน จนการเรียนแย่

ค่าครองชีพ ระบบขนส่งสาธารณะ

46. เรื่องค่าใช้จ่ายสูงนี่เข้าใจมาก แบบเข้าใจจริงๆ นะ พี่กันต์จะบอกเสมอว่าควรมีเงินสำรองเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายที่สำคัญมีอะไรบ้าง ค่าครองชีพที่นี่พอๆ กับเมืองใหญ่ที่อื่นนั่นล่ะ ลอนดอน ซิดนีย์ โอรีกอน คิดว่าแลกมากับคุณภาพชีวิตที่ดี และอัตราการเกิดอาชญากรรมที่ต่ำกว่า

47. ถ้ากลัวเปลือง อย่ากินข้าวนอกบ้านบ่อย กินให้อิ่มจากแคนทีน หรือทำอาหารกินเอง หรือซื้อพิซซ่าในวันที่ซื้อ 1 แถม 1 ไปแช่ตู้เย็นไว้แล้วเวฟเอา กินข้าวที่ร้านคนที่นี่เขาให้ทิปส์ 15% ด้วยนะ ส่วนร้านอาหารจีนรับแต่เงินสด คิดคำนวณกันดูดีๆ

48. อีกอย่างที่ช่วยประหยัดเงินได้คืออย่าซื้อกาแฟที่ร้าน ถ้าติดกาแฟแนะนำให้ซื้อเครื่องทำกาแฟเล็กๆ ไว้เลย หรือซื้อแบบสำเร็จรูปเอาไว้ เพราะกาแฟร้อนธรรมดาแก้วนึงตกแก้วละ 100 บาท เก็บไว้ซื้อตั๋วรถโดยสารดีกว่า

49. แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ถูก และสมเหตุสมผลมาก คือค่าโดยสารรถประจำทาง คนที่นี่นั่งทั้งบัส รถไฟฟ้า และเรือ

50. ควรใช้เวลาในสัปดาห์แรกๆ ศึกษาทั้งเรื่องเส้นทาง และค่าเดินทาง เพราะบางทีขึ้นคนละเวลา ก็จ่ายคนละราคา โดยเฉพาะในวันจันทร์ – ศุกร์ ก่อนและหลังเวลา 18:30 อ้อ ทางขึ้นทางลง และวิธีเปิดประตูบัสก็ควรรู้ไว้ด้วยน้า

51. ระบบขนส่งสาธารณะที่แวนคูเวอร์จะแบ่งออกเป็น 3 Zone ได้แก่ Zone 1 (Vancouver), Zone 2 (North Vancouver, West Vancouver, Richmond, Burnaby, New Westminster) และ Zone 3 (Coquitlam, Surrey, White Rock, Delta, Langley)

52. ชาวบ้านชาวเมืองเขามีบัตรรายเดือน เหมือน Rabbit Card ที่บ้านเรา ที่นี่เขาเรียกว่า ‘Go Card’ มีหลายราคา ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ

53. ราคาก็จะแยกไปอีกว่าอยากให้บัตรครอบคลุมกี่โซน ถ้าไม่คิดมากก็ซื้อไปเลย 3 โซน ราคา 189.45 CAD หรือประมาณ 5,000 บาท คิดว่าแพงไหม? ลองคำนวณค่าบีทีเอส ค่าแกร็บ ค่ามอเตอร์ไซค์ หรือค่าน้ำมันรายเดือนตอนอยู่ที่เมืองไทยก่อน หึหึ

54. แต่ๆๆ นักศึกษาบางสถาบันการศึกษาจะมี U-Pass BC ด้วยล่ะ เป็นบัตรโดยสารขนส่งสาธารณะราคาถูกสำหรับนักเรียน จ่ายเป็นรายเทอม ถ้ามีแพลนมาเรียนมหาวิทยาลัย หรือสถาบันอันดับต้นๆ ของแวนคูเวอร์ ครอบคลุมแน่นอน

สถานที่ท่องเที่ยว

55. ไหนๆ ก็ถือบัตรโดยสารรายเดือนแล้ว อย่าลืมใช้ให้คุ้ม โดยเฉพาะการเที่ยว โซนที่ควรมาก่อนเป็นลำดับแรกคือย่านดาวน์ทาวน์ มาเดินให้ชินทาง ให้พอจินตนาการออกว่าขึ้น-ลงบัสตรงไหน

56. เรื่องแอบติดตลกคือ เด็กไทยจะงงๆ หน่อยว่าวันหยุดไปเที่ยวไหนดี เพราะปกติอยู่กรุงเทพก็เดินห้าง แต่ห้างที่นี่ปิดเร็วเชียว บางที่ปิดวันอาทิตย์ด้วย

57. และไม่ต้องแปลกใจถ้าเห็นคนแวนคูเวอร์ดีใจที่มีแสงแดด คนจะตื่นเต้นแห่พากันข้างนอก ตามสวนสาธารณะ ออกมาเดินเล่นกันพรึบ เพราะปกติอากาศจะขมุกขมัว แถมมีฝนอยู่เรื่อยๆ ตามภูมิอากาศของชายฝั่งตะวันตก

58. ที่ควรเช็คอินคือ Stanley Park หนึ่งในสวนสาธารณะกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ อากาศดี ต้นไม้เยอะ ติดทะเล

59. ช่วงกันยายนที่เปิดเทอมนี่กำลังจะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ใบไม้บางต้นในสวนแห่งนี้จะเปลี่ยนสีเป็นเหลืองบ้าง น้ำตาลบ้าง ต้องมาเห็นให้ได้เลยนะ

60. ทำอะไรดีที่สวนสาธารณะ? เดินเล่น นั่งเล่น ออกกำลังกาย ถ่ายรูป อ่านหนังสือ ซื้อขนมมากินกรุบกริบ แต่ “ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในสวนสาธารณะ” เลยนะ แอบผิดกฎหมายบ้านเค้า ยกเว้นแต่ว่า ช่วงซัมเมอร์ที่บางสวนจะมีงานพวกคราฟท์เบียร์ หรืองานแสดงดนตรี แต่เช็คดีๆ ก่อน อย่าวู่วาม

61. แล้วถ้าแพลนจะจิบ จะดื่มตามร้าน หรือซื้อในร้านสะดวกซื้อ พกพาสปอร์ตไปด้วย เพราะคนเอเชีย always เป็นเด็กเสมอ ยิ่งถ้าคนขายเป็นฝรั่งคือ “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธออายุ 23 แล้ว ขอดูพาสปอร์ตหน่อย” ที่นี่เขาขายเหล้าให้กับคนอายุ 19 ขึ้นไป

62. FYI ว่าบ้านเขาก็มีช่วงเวลาขายเหล้านะ คือตั้งแต่ 7 โมงเช้า – 5 ทุ่ม เวลาค่อนข้าง make sense กว่าบ้านเรา แต่ก็ไม่ได้อิสระเสรีดื่มไม่อั้นตลอด 24 ชั่วโมง

63. Granville Island หรือ เกาะแกรนวิลล์ เป็นตลาดยอดนิยมใกล้ตัวเมืองแวนคูเวอร์ แหล่งรวบรวมงานฝีมือ และศิลปะจากทั่วโลก ช่วงมิถุนายนจนถึงตุลาคม จะมีตลาด Farmer Market ที่เกษตรกรจะเอาสินค้าของตนเองมาวางขาย ที่นี่คนเยอะตลอดเวลา เดินสนุก

64. Capilano Suspension Bridge Park หนึ่งในภาพโปรโมทเมืองแวนคูเวอร์ที่หลายคนต้องเคยเห็นแน่ๆ กับกิจกรรมสำรวจธรรมชาติ และชมวิวจากบนยอดต้นไม้ เดินสะพานแขวนไม้เก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1889 เพื่อข้ามแม่น้ำคาพิลาโน ความยาวถึง 137 เมตร และสูง70 เมตรจากพื้นดิน

65. ว่ากันว่าสะพานที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสะพานที่น่าหวาดเสียวที่สุดในโลก แต่จริงๆ แล้วโครงสร้างออกแบบมาดีมาก ทำจากสายเคเบิล สะพานนี้เลยแข็งแรงมาก เขาว่ารับน้ำหนักเครื่องบินได้ทั้งลำเลยนะ

66. รู้ไหมว่าอะไรทำให้คนชอบแวนคูเวอร์มาก แบบกลับไปแล้วก็ยังคิดถึงตลอดเวลา คำตอบก็คือ ‘ต้นไม้’ คนที่นี่อยู่กับธรรมชาติที่แท้จริง ออกมาจากบ้านก็เห็นภูเขาแล้ว ต้นไม้เยอะ สวนเยอะ มันทำให้เราใจเย็นลงได้จริงๆ นะ

67. สิ่งที่ได้แน่ๆ นอกจากความรู้ในโรงเรียนแล้ว คือเราจะรักธรรมชาติมากขึ้นเยอะเลย แบบเดินไปแตะๆ หรือสัมผัสต้นไม้ก็รู้สึกได้รับพลังแล้วอะ ไม่ได้เว่อร์ ไม่เชื่อถ้าใครได้มาเรียนต่อที่นี่ลองทำดูได้เลย

68. พอผ่านฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว อย่าลืมไปที่ Grouse Mountain นะ ภูเขาเกราส์ เป็นจุดที่คนแวนคูเวอร์มาเล่นสกี มาปีนเขา กิจกรรมแอดเวนเจอร์มาก อยู่ห่างจากดาวน์ทาวน์แค่ 15 นาทีเอง มีกระเช้านั่งขึ้นไปด้วยนะ เป็นกระเช้าขึ้นเขาแห่งแรกของโลกเลย

69. Vancouver Art Gallery หรือ หอศิลป์แวนคูเวอร์ แหล่งรวบรวมผลงานศิลปะที่จัดแสดงมากกว่า 10,000 ชิ้นในอาคารทรงทรงอาร์คเดโค มีทั้งงานที่ตั้งอยู่ถาวร และนิทรรศการหมุนเวียน ค่อยๆ เที่ยว เข้ามาในนี้อยู่ได้เป็นครึ่งวันเลยนะ

70. Vancouver Science World อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมือง ฟีลเหมือน อพวช บ้านเรา แต่ดีไซน์เก๋กว่ามาก เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ปิดตอน 5 โมงเย็นก็จริง แต่ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยเก๋ดีนะ อยู่ในเมืองเลย วางแผนดีๆ เที่ยวได้หลายที่อยู่

71. ที่ยังไงก็ต้องมาเพราะของกินเยอะมากคือไชน่าทาวน์ แหล่งรวมความอร่อยจากอาหารจีน และร้านสะดวกซื้อที่มีวัตถุดิบแบบเอเชียขาย

72. โดยรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่แวนคูเวอร์จะประมาณนี้แหละ เน้นธรรมชาติ ดูคน ดูเมือง กินอาหารที่หลากหลายเพราะมีคนต่างวัฒนธรรมอยู่เยอะ ส่วนเทศกาลที่จัดทุกปี ก็ควรรู้หน่อยว่างานอะไร จัดเดือนไหน

เทศกาลต่างๆ

73. ช่วงเดือนกันยายนที่ตรงกับเวลาเปิดเทอม เขามักจะจัดงาน The Vancouver International Film Festival เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ฉายหนังกว่า 300 เรื่องจาก 70 กว่าประเทศ แล้วพอเป็นแคนาดาคนเขาอินจริงๆ มันมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้เห็นจริงๆ

74. กันยายนยังมี Vancouver Fringe Festival เป็นเทศกาลละครเวทีประจำปี จัดที่ Granville Island โชว์ก็มีหลากหลาย ใครไม่ถนัดดูการแสดงแบบนี้ ไปเอาบรรยากาศก็ได้

75. ตุลาคมจะเป็นเดือนที่คนแคนาดาจัดงาน Thanksgiving หรือวันขอบคุณพระเจ้า จะจัดทุกวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม เป็นวันหยุดประจำปีของคนที่นี่เลยนะ

76. ถ้าใครอยู่บ้านกับโฮสต์ก็อาจจะได้กินข้าวมื้อเย็นฉลองในวันนี้กัน เมนูคลาสสิกของเทศกาลนี้คือไก่งวงอบราดซอสแครนเบอร์รี่ กินคู่กับพายฟักทอง

77. ส่วนสิ้นเดือนตุลาคมก็จะเป็นเทศกาลฮัลโลวีน อันนี้เด็กไทยรู้จักดี ใครที่เพิ่งมาโซนทวีปอเมริกาก็จะได้เห็นเขาตกแต่งบ้าน และร้านค้าแบบจริงจัง มีฟักทอง มีเทียน มีคนแต่งตัวออกมาเดินกันในตอนกลางคืน

78. พอเข้าพฤศจิกายน กลิ่นคริสต์มาสก็เริ่มมาละ อากาศเปลี่ยน เริ่มมีการประดับประดาไฟ และต้นคริสต์มาสในสถานที่ต่างๆ คริสต์มาสแบบหน้าหนาวจริงๆ มีตลาดขายของในเทศกาล

79. ธันวาคมจะเป็นเดือนแห่งเทศกาล และความคึกคัก เหมือนคนจะเตรียมตัวหยุดกันแล้ว ในดาวน์ทาวน์จะมีวันที่เดินพาเหรดด้วย

80. อย่าลืมไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง กิจกรรมที่ทำได้แค่ช่วงหน้าหนาว วันรุ่นจะเยอะเชียว เป็นอีกช่วงเวลาที่คนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน

81. ช่วงตั้งแต่คริสต์มาสถึงปีใหม่ ก็จะเป็นเบรกยาวเลย หลายๆ ที่จะปิดจะ สถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า ห้าง มีบางแห่งเปิดแต่ต้องเช็คว่าเปิดถึงกี่โมง

82. ส่วนอีเว้นท์เค้าท์ดาวน์เขาก็มี จัดตรง False Creek อยู่ใกล้ๆ กับ Science World แต่ปีที่แล้วไม่มีพลุนะ ไม่รู้ว่าทำไม ซึ่งเขาบอกว่าปีนี้จะมีเหมือนเดิม ยังไงใครมาปีนี้ แล้วอยากไปเค้าท์ดาวน์ที่นี่ เช็คอีกทีละกันนะ

83. ช่วงต้นปีจะมีงานตรุษจีน สเกลเล็กกว่าบ้านเรามาก แต่ก็เป็นอีกสีสันนะ เผื่อใครอยากมีโมเม้นต์ หรือส่งรูปไปขอแต๊ะเอียกับผู้ใหญ่ที่บ้าน

84. มีนาคม-เมษายน จะมีเทศกาลอีสเตอร์ กับเนื้อหาคนไทยไม่ค่อยอินเท่าไหร่หรอก แต่ที่เฝ้ารอคือช็อกโกแลตลดราคาหลังเทศกาล มีให้เลือกช้อปปิ้งกันมากมายอย่างจุใจ

85. แล้วก็สิ่งที่พลาดไม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิคือ ซากุระออกดอกบานสะพรั่ง สวนสาธารณะ หรือตรงไหนที่มีต้นซากุระมากๆ เขาจัดกันเป็นงานเลยนะ งานชมดอกไม้ งานปิกนิก แล้วเมืองมันสวยจริงๆ จากช่วงใบไม้ร่วงที่สีออกโทนอุ่นๆ ตอนนี้เป็นอมชมพูกันไปหมดเลย

86. พอถึงมิถุนายนก็จะเข้าหน้าร้อนอย่างจริงจังละ ช่วงนี้งานเทศกาลเยอะไปหมด ทั้งดนตรี ศิลปะ และกีฬา เป็นช่วงปิดเทอมด้วย ประมาณ 2 เดือน (บางที่เริ่มหยุดตอนกรกฎาคม)

87. พวกเทศกาลดนตรีนี่จัดกันฉ่ำ ยิงยาวตั้งแต่มิถุนายน กรกฎาคม มีหลากหลายแนวเลย ทั้งแจ๊ส คลาสสิก โฟล์ค ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี เรียนเสร็จแล้วถ้ายังไม่อยากกลับก็อยู่เที่ยวก่อน อย่างน้อยอยู่ในถึงเดือนสิงหาคม

88. เพราะสิงหาเขามี Pride Parade เป็นหนึ่งในเมืองที่จัดงานไพรด์ได้ใหญ่มาก มีคนมาร่วมงานเป็นแสน พาเหรดยาวเหยียดเป็นกิโล

89. สิงหาคมยังมี BC Day ซึ่งเป็นวันหยุดยาว คล้ายๆ วันชาตินั่นแหละ แต่ฉลองกันเฉพาะในรัฐบริติช โคลัมเบียเท่านั้น คนจะก็ไปกองกันที่ Playland บ้าง ไปพายเรือเล่น ไปฟังเพลง

โอกาสในการทำงานหลังเรียนจบ

90. เที่ยวในแวนคูเวอร์ครบแล้ว ถ้ามีเวลา มีเงิน ชอบเดินทาง ลองหาข้อมูลไปเมืองอื่นดู ข้ามมาอเมริกาจะใกล้กว่าไปโตรอนโตอีก แต่เข้าอเมริกาต้องมีวีซ่า ขอไปเผื่อด้วย บินไปลงซานฟราน แอลเอ ค่าเครื่องจะถูกกว่าลงซีแอตเทิล หาเก่งๆ ตั๋วไปกลับ 5 แบงค์เทาเอาอยู่

91. ส่วนโตรอนโตนี่นั่งรถไฟไปได้นะ ชิวกว่า แต่ราคาก็แรงกว่าเครื่องบิน ค่าเครื่องประมาณ 4-5 พันเหมือนกันสำหรับสายการบินโลว์คอสท์ ราคานี้ไปมอนทรีอัลก็มี แต่วางแผนดีๆ ทั้งเรื่องการเดินทางและเรื่องที่พัก ยิ่งจองเร็วก็ยิ่งเซฟ

92. แล้วถ้าอยากหางานทำต่อเลยที่แวนคูเวอร์ เป็นไปได้ไหม? คำตอบคือเป็นไปได้ แต่ต้องพูดตรงๆ ว่าไม่ได้ง่าย อย่างแรกเลยต้องมีใบอนุญาตทำงานหลังจบการศึกษา หรือ PGWP ก่อน อ่านต่อได้ที่นี่เลย พี่กันเคยเขียนไว้แล้ว เกี่ยวกับ PGWP

93.เรียนจบสาขาไหนก็มีงานรองรับเหรอ ไม่จริง ความจริงก็คือสาขาที่ยังเป็นที่ต้องการของแวนคูเวอร์คือสาย Tech สาย IT ไม่อย่างนั้นก็เป็นงานช่าง งานฝีมือไปเลย ซึ่งน่าจะไม่เหมาะกับนักศึกษาที่ไปเรียนต่อ

94. ทีนี้กลับไปตั้งแต่วางแผนจะเรียนต่อในตอนต้นเลย เข้าใจว่าบางคนแค่อยากจะฝึกภาษา และต่อยอดความรู้ของตัวเองที่มี แต่ถ้ามองอนาคตในระยะยาว เช่น รู้ว่าเมืองนี้เขาต้องการคนเขียนโค้ดได้ หรือมีตำแหน่งที่สามารถต่อยอดไปกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้ ก็อาจจะเลือกเรียนให้ตรงสาขา และมีโอกาสได้งานมากขึ้น

95. ก่อนกลับอย่าลืมหาโอกาสกิน Bannock Bread ขนมปังทอดของชาวพื้นเมืองแคนาดา

96. ในแวนคูเวอร์มีร้าน Salmon n’ Bannock ที่ถ้ามีเวลาก็ควรไปลอง อาหารที่ขึ้นชื่อก็ตามชื่อร้านเลย แซลมอน กับ Bannock Bread

97. มี Japadog หรือฮอทดอกสไตล์ญี่ปุ่น ราดซอสเทอริยากิ โรยสาหร่าย

98. อีกเมนูที่แปลกๆ งงๆ แต่อร่อยก็ได้คือ Poutine ของดีของเด่นจากฝั่งมอนเทรอัล คือเฟร้นช์ฟรายส์ทอด ราดซอสรสชาติต่างๆ มาถึงแล้วลองกินดู ในเมืองไทยยังไม่มีใครขายนอกจากทำเอง

99. อ้อ เวลามีงานเปิดท้ายขายของ หรืองานเทศกาลต่างๆ ลองไปส่องของกินดูนะ ราคาถูกกว่ากินในร้าน ไม่ต้องให้ทิปส์ และหลากหลายมาก

100. ถ้าอยากอาหารไทย แนะนำให้ทำเอง ไม่งั้นต้องไปวัดไทยเวลาเขาทำบุญในวันพระ ก็จะได้เห็นอาหารไทยหลากหลายจากคนไทยที่อยู่ในแวนคูเวอร์

101. ยังมีเรื่องอีกเยอะที่ไม่ได้เขียน แค่คิดว่าทั้ง 101 นี่ก็ครอบคลุมพื้นฐาน และสร้าง Check List ได้แล้วนะ อยากรู้อะไรเพิ่มลองถาม KPG ได้เลย เขาตอบคำถามเก่ง ตอบได้ทุกสิ่งที่อยากรู้!