101 Facts! “Toronto” เมืองที่สร้างความหวัง และอนาคตให้กับทุกคน

เกี่ยวกับ เมือง Toronto

1. เคยกลัวการเดินทางไกลไหม? ไกลแบบนอนตั้งหลายตื่นยังไม่ถึงสักที เราจะไม่ค่อยเหมือนคนอื่นที่ไม่ชอบการเดินทางสักเท่าไหร่ ถ้าเลือกได้ก็อยากนอนอยู่บ้านเฉยๆ มากกว่า

2. แต่บางที่โลกก็บังคับให้เราทำในสิ่งที่ไม่ค่อยอยากทำสักเท่าไหร่ นั่นก็คือการไปเรียนต่อต่างประเทศ กับความรู้และอนาคตที่น่าจะดีกว่า ก็ต้องยอมที่จะเลือก

3. การไปอยู่เมืองนอกคนเดียวมันก็แอบเหงานะ ถึงแม้ตอนนี้เราจะโทรหาใครก็ได้ที่ต้องการ แต่มันก็ไม่เหมือนตลอดอยู่บ้านสักเท่าไหร่ เพื่อนสนิทก็ไม่มี หลายอย่างก็ต้องเริ่มใหม่หมด

4. ตอนที่ต้องเลือกว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน เราใช้เวลาค่อนข้างมากเลยล่ะ เพราะแอบกลัวว่าจะเลือกผิด และจะต้องซัฟเฟอร์กับสิ่งนั่นอีกนาน

5. เราเริ่มลดสโคปประเทศที่ไปให้เหลือแต่ที่แคนาดา จากนั้นก็ค่อยๆ เลือกว่าจะไปแลนดิ้งที่เมืองไหนดี สุดท้ายก็มาตกที่ “โตรอนโต” เดี๋ยวจะเล่าต่อว่าทำไมถึงเลือกที่นี่

6. จากเมืองไทย เราใช้เวลาประมาณ 30 ชั่วโมงเพื่อบินมาถึงนี่ – วันกว่าๆ – ไปเสียเวลากับตอนเปลี่ยนเครื่องนานหน่อย ถ้าใครอยากใช้เวลาน้อยกว่านี้ก็ต้องเลือกไฟลท์ดีๆ

7. เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าโตรอนโตเป็นเมืองหลวงของรัฐออนตาริโอ แรกๆ ก็จะจำชื่อสลับกันหน่อย อยู่ไปสักพักจะเริ่มโอเค

8. ออนตาริโอเป็นรัฐสำคัญของแคนาดาเลยนะ เพราะมีเมืองหลวงของประเทศอยู่ที่นี่ที่เมืองออตตาวา 

9. ออตตาวาเป็นเมืองหลวงของประเทศ โตรอนโตเป็นเมืองหลวงของรัฐ อย่าสับสนตรงนี้ แต่ความเจริญเราก็คิดว่าพอๆ กัน

10. ตอนที่ศึกษาเรื่องแคนาดา เราก็เพิ่งรู้ว่าประเทศนี้มันใหญ่กว่าที่คิดมากๆ คือจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งนี่นั่งรถหลายชั่วโมงเลย หรือไม่ก็ต้องนั่งเครื่องบินไป

11. โตรอนโตตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐออนตาริโอ ติดกับรัฐนิวยอร์กของอเมริกา แต่ไม่ใช่นิวยอร์กที่มี Time Square นะ อยู่ในรัฐนี้ละ แต่ต้องใช้เวลาบินไปประมาณ 1.30 ชั่วโมง

12. นี่ก็คิดว่าถ้าพอจะมีเวลาว่างจากการเรียน อเมริกาก็เป็นอีกประเทศที่อยากไป แต่ที่ไม่ได้เลือกเรียนต่อเพราะชอบ Vibes ของแคนาดามากกว่า

Toronto City Tour by KPG

การศึกษา

13. เราเป็นคนนึงที่มาเรียนต่อต่างประเทศทั้งที่บ้านไม่ได้รวยมาก แต่พ่อกับแม่เชื่อว่าการศึกษาคือการลงทุน 

14. ที่ออกตัวก่อนเพราะค่าใช้จ่ายในโตรอนโตอาจจะสูงกว่าเมืองอื่นถ้าเปรียบเทียบกัน

15. แต่เราว่าความแพงมันมาพร้อมกับความเจริญ เราเป็นคนกลัวเหงาและอยากหาอะไรทำทั้งเที่ยวหรือไม่ก็งานพิเศษ (ถ้าทำได้)

16. สำหรับค่าเทอม วัดจากคอลเลจที่เรามาเรียนคือประมาณปีละ 400,000 – 500,000 บาท/2 เทอม ก็ดูแพงแหละเพราะกว่าจะจบอาจจะต้องใช้เงินหลายล้าน แต่เคยลองดูค่าเทอมมหาวิทยาลัยอินเตอร์ในไทย บางแห่งที่ดีๆ ก็ถูกกว่านี้ไม่มาก

17. นอกจากค่าเทอมแล้ว ตอนที่คุยกับพี่กัน KPG ก็ยังต้องเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับอีกหลายอย่าง เช่น ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ประกัน ค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมทั้งค่าอาหาร และของใช้จิปาถะในชีวิตประจำวัน

18. ค่าใช้จ่ายต่อเดือนนอกเหนือจากค่าเทอมจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 CAD หรือ 50,000 บาท

19. แพงนะ ถ้าคิดเป็นเงินไทยน่ะ กลัยมาทำงานที่นี่ ไม่รู้เลยว่าจะได้เงินเดือนสตาร์ทเท่าไหร่

20. แต่ถ้าเทียบกับรายได้ขั้นต่ำของเขาก็คือ ธรรมดามาก เพราะเงินเดือนสตาร์ทของเขาอยู่ที่ประมาณ 2,762 CAD หรือ 73,000 บาท 

การเงิน

21. และถึงแม้ว่ากฎหมายล่าสุดจะปรับค่าแรงขึ้นต่ำขึ้นให้เป็นชั่วโมงละ 15 CAD แล้ว แต่โดยเฉลี่ยคนที่นี่เขาได้กันชั่วโมงละ 18 CAD กัน

22. เราเพิ่งเปิดเทอมมาได้สักพัก ยังอยู่ในช่วงปรับตัวกับการเรียนและการใช้ชีวิตอยู่ ก็เลยยังไม่ได้ไปหางานทำ 

23. แต่ก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าอยากหาประสบการณ์แบบงานพาร์ทไทม์บ้าง ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งการฝึกภาษา อะไรที่ไม่เคยลองก็ต้องลองดู

24. ที่นี่เขาให้นักศึกษาทำงานได้ทั้งในมหาวิทยาลัย และข้างนอก เข้าใจว่ารัฐอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้ แต่กฎหมายเขาอนุญาตให้ทำได้สัปดาห์ละไม่เกิน 20 ชั่วโมง

25. ถ้าทำได้เดือนละ 80 ชั่วโมง ก็น่าจะพอมีค่าขนมอยู่บ้าง เก็บเงินเอาไว้ไปเที่ยวด้วย

26. จริงๆ วางแผนไว้ว่า ถ้าเที่ยวในแคนาดาครบที่ตั้งใจไว้แล้ว ก็จะบินไปนิวยอร์ก เช็คค่าเครื่องบินล่าสุดประมาณ 250 CAD ที่เหลือก็จะเป็นพวกค่าที่พัก ค่าอาหาร กับค่าเข้าสถานที่ต่างๆ

27. แต่กว่าจะเที่ยวในแคนาดาครบก็คงจะใช้เวลาเป็นปีนั่นแหละ แวนคูเวอร์ก็อยากไป ใช้เวลาบินนานกว่าไปนิวยอร์กอีกเพราะอยู่อีกฝั่งนึงของประเทศ แต่ราคาถูกกว่า น่าจะเพราะเป็นไฟลท์ในประเทศ

Photo Credit : Céline Chamiot-Poncet on Pexels

ก่อนไป Toronto

28. ที่โตรอนโตเที่ยวง่ายนะ ถ้าผ่านกรุงเทพมาได้ ที่นี่ก็ชิลล์ไปเลย

29. อีกเรื่องที่กังวลมากในตอนแรกก็คือคน กลัวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง กลัวจะโดนเหยียดต่างๆ นานาเหมือนที่เคยเห็นในข่าว

30. แต่ก็เพิ่งจะมารู้ทีหลังช่วงก่อนบินเองว่า โตรอนโตปลอดภัยจากเรื่องนี้มาก เพราะประชากรครึ่งหนึ่งของเขาไม่ได้มีรากเหง้ามาจากแคนาดาตั้งแต่ดั้งเดิม

31. พูดง่ายๆ ก็คือทุกคนก็อพยพมาเริ่มต้นใหม่ในประเทศนี้เหมือนกัน โรแมนติกมากเลยนะ แบบเมืองนี้มันก่อสร้างขึ้นจากความหวังของทุกคนอะ

32. แล้วบรรยากาศก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คนเอเชียก็เยอะ คือพูดไม่ได้คล่องมาก แค่พอสื่อสารได้ก็ใช้ชีวิตได้แล้ว ไปนั่นมานี่ได้สบายเลย 

33. มาถึงแล้วอย่าเพิ่งรีบเที่ยว แนะนำให้จัดการชีวิตตัวเองให้เรียบร้อยก่อน เช่น เช็ค Study Permit ให้เรียบร้อยว่าสามารถทำงานได้ เพราะบางทีมาเรียนแค่ภาษา เขาก็ไม่อนุญาตให้ทำงาน

34. เวลาเช็ค Study Permit ให้ดูตั้งแต่ในสนามบินเลย ตรงตรวจคนเข้าเมือง เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดจะแก้ตรงนั้นได้ง่ายและเร็วกว่า มาแก้ทีหลังบางทีรอเป็นเดือน

35. จากนั้นดูเรื่องที่พักให้เรียบร้อยว่าตรงกับความต้องการของเราไหม ศึกษาดูว่ารอบข้างมีอะไรบ้าง และเดินทางไปแต่ละที่ใช้เวลานานเท่าไหร่

36. พยายายามของเลขประกันสังคมหรือ Sin Number ภายในเดือนแรกที่เดินทางไปถึง ยิ่งเร็วยิ่งนี้ อันนี้เอาไว้ใช้ยื่นตอนทำงาน ที่ร้านจะขอดูเอกสารนี้ถึงจะรับ

37. สำหรับเรื่องรายละเอียดเรื่อง Sin ถ้างงหรือสงสัยตรงไหนลองถามพี่กันดูได้ น่าจะให้ข้อมูลที่ละเอียดได้มากกว่า

38. ต่อมาคือเรื่องโทรศัพท์มือถือ ต้องบอกก่อนว่าค่าโทรศัพท์ที่แคนาดาแพงกว่าไทยมาก ถือว่าดีอย่างเสียอย่าง แลกกับคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในประเทศอื่น

39. เมื่อมาถึงและจัดการตัวเองเสร็จแล้ว ช่วงแรกอาจจะใช้ซิมที่เป็นโรมมิ่งหรือไวไฟจากห้องพักไปก่อน แต่ถ้าจะเปิดเบอร์ต้องไปซื้อซิมตามห้าง

40. จากนั้นต้องมาลงทะเบียนในเว็บไซท์เพื่อเลือกเบอร์และเปิดใช้บริการอีกที

41. ค่าบริการที่ใช้จะเป็นแบบเติมเงิน เพราะการสมัครโทรศัพท์รายเดือนยุ่งยากมาก ต้องมีพวกเครดิตการ์ดหรือสมุดบัญชีไปยืนยัน

42. แพ็คเก็จก็มีให้เลือกเยอะ อันนี้ลองปรึกษาพี่กันหรือเข้ากลุ่มนักเรียนแคนาดาไปขอความคิดเห็นก็ได้ เราเลือกใช้เดือนละประมาณ 50 CAD หรือประมาณ 1,350 ค่าโทรกับเน็ตไม่ได้เยอะเลย อาศัยใช้ไวไปที่โรงเรียนกับที่พักเอา

การเดินทาง

43. อ้อ แล้วก็เรื่องการเดินทาง คนที่นี่ส่วนใหญ่เดินทางด้วยรถสาธารณะ มีทั้งรถไฟใต้ดิน บัส รถราง แล้วก็ปั่นจักรยาน

44. คนที่นี่ไม่ได้ปั่นจักรยานกันจริงจังเหมือนในยุโรป คิดเป็นตัวเลือกการเดินทางแบบหนึ่ง แต่เด็กต่างชาติอย่างควรทำความรู้จักกับแผนผังของเมืองให้ดีก่อน

45. เว็บไซต์อันนี้ https://www.ttc.ca/routes-and-schedules#/ จะบอกแผนที่การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะที่อยู่ในโตรอนโต

46. บริษัทที่ให้บริการชื่อว่า TCC ปกติเขามีบัตรรายเดือนสำหรับนักเรียน/นักศึกษาด้วย ราคาอยู่ที่ 28 CAD หรือ 3,500 บาท 

47.TCC ประกอบด้วยรถไฟใต้ดิน 4 สาย สีเขียวกับสีเหลืองจะเป็น 2 สายหลักที่คนใช้เยอะ ส่วนอีก 2 สายจะเป็นส่วนต่อขยายสั้นๆ ออกไปนอกเมือง

48. รถบัสวิ่งมากกว่า 150 เส้นทาง มองหาง่าย และมาทุก 10 นาที 

49. ส่วนรถรางจะเป็นคันยาวๆ จุได้หลายคน ส่วนใหญ่จะวิ่งเชื่อมจากจุดสำคัญที่นึงไปอีกทีนึง

50. สำหรับใครที่มาถึงแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดเทอม พอจัดการเรื่องเอกสารและที่พักเสร็จเรียบร้อย เราแนะนำให้ลองมานั่งรถเล่นๆ แบบไม่ต้องแพลนอะไรมาก นั่งให้คุ้นเคยกับวิธีโดยสารรถเขาก่อน

51. การนั่งรถทั่วเมืองเป็นการเที่ยวเร็วๆ อีกแบบที่เราชอบนะ ได้เห็นวิถีชีวิตของคนจริงๆ ผ่านอันไหนแล้วสนใจวันหลังค่อยมาซ้ำ

52. เวลานั่งรถผ่านย่านต่างๆ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นย่านวัฒนธรรมของคนแต่ละกลุ่มด้วยนะ เหมือนคนจีนในเยาวราช คนอินเดียในพาหุรัด

ย่านนานาชาติใน Toronto

53. ปกติประเทศอื่นๆ ที่ไปอย่างน้อยต้องมี Chinatown ส่วนใหญ่เป็นถนนเอาไว้ขายอาหารราคาไม่แพง วัตถุดิบจากเอเชีย แล้วก็มีคอมมูนิตี้ของคนจีน อย่างแอลเอก็มีไทยทาวน์ ก็รวมคนไทยไว้ด้วยกัน

54. แต่โตรอนโตมีมากกว่านั้น ที่นี่มี Little Italy / Litlle Portugal / Koreantown / Greektown ส่วน Thaitown ยังไม่เห็นนะ เดาว่าไม่มี คนไทยอาจนัดกันทำกิจกรรมที่อื่น

55. มีคนไทยอยู่ในโตรอนโตประมาณ 20,000 คน ไม่มากไม่น้อย ยังไม่เคยบังเอิญเจอที่ไหนนอกจากร้านอาหารไทย

56. ที่นี่มีร้านอาหารไทยเยอะ แต่ราคาก็ค่อนข้างว้าว แนะนำให้ทำอาหารกินเองจะถูกกว่ามาก

57. ถ้าเข้าใจไม่ผิดน่าจะเป็นเมืองที่มีย่านนานาชาติเยอะที่สุดในโลกแล้วมั้ง ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ไม่ได้พูดถึง

58. อีกที่ที่ต้องผ่านแน่ๆ คือพวกตึกสูงในย่านธุรกิจ แล้วก็ CN Tower เป็นหอคอยที่สุดที่สุดในโลก สัญลักษณ์ของโตรอนโต และประเทศแคนาดาเลย

สถานที่ท่องเที่ยว

59. พวกสถานที่ท่องเที่ยวในโตรอนโตก็มีตามมาตรฐานของเมืองทั่วๆ ไป อย่างที่บอกว่าเราว้าวกับพวกเมืองต่างชาติเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในโตรอนโตมากกว่า อื่นๆ ก็แล้วแต่คนจะชอบ

60. ที่นี่มีสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เราว่าอันนี้ก็น่าสนใจ เพราะปกติเวลาไปสวนสัตว์ในไทยนี่ค่อนข้างร้อนเลย แต่พอมาเดินที่นี่รู้สึกว่าเราอยู่กับมันได้นานขึ้นมาก

61. ในบรรดามิวเซียม เราชอบ Royal Ontario Museum มากที่สุด ตึกข้างนอกดูประหลาดแปลกตามาก ส่วนข้างในจัดแสดงพวกของโบราณ กระดูกไดโนเสาร์ คือเราว่ามันไม่น่าเบื่อเลย ถ้าเทียบกับมิวเซียมในไทยคือดีกว่าล้านเท่า

62. อีกอันที่ชอบคือ Casa Loma อันนี้ไปดูแค่ข้างนอกนะ เป็นปราสาทสไตล์ยุโรป เข้าใจว่ามีแห่งเดียวในโตรอนโตด้วย ถ้าใครชอบแนวๆ เจ้าหญิงไปหน้าหนาวก็สวย มีหิมะปกคลุมปราสาท เหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์ด้วย

63. ที่ว้าวอีกอันคือห้างใต้ดินชื่อ Path ที่ใหญ่มากๆ เหมือนเขาสร้างให้เราเดินไปได้เรื่อยๆ มีทางเข้าออกหลายประตู ถ้าเอาสนุกก็เดินไปเรื่อยๆ 

64. แต่ถ้าตั้งใจไปซื้อของให้หาก่อนว่าร้านที่อยากไป เข้าตรงไหนใกล้สุด เปิดในอินเตอร์เน็ตได้เลย

65. อ้อ ห้าง Eaton ก็ใหญ่และสวยเหมือนกัน ตั้งอยู่กลางเมืองเลย เหมือนเป็นตึกแบบรวมทั้งห้างและพวกออฟฟิศเอาไว้ด้วย 

66. ตอนที่หาข้อมูลเรื่องเมือง รู้อยู่แล้วว่าโตรอนโตจะมีสไตล์แบบซิตี้มากกว่า ไม่เหมือนพวกแวนคูเวอร์ที่ป่าๆ เขียวๆ เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติ

67. เราลองถามพี่กันดูว่าแล้วที่นี่มันจะมีพวกต้นไม้บ้างไหม ถามแบบตรงๆ เลยเพราะรู้สึกว่าก็อยากได้บรรยากาศแบบสวนสาธรณะบ้าง

68. คำตอบที่สิ่งที่มาเห็นแล้ว โตรอนโตมีสวนสาธารณะมากกว่า 1,000 แห่ง มีสวนใหญ่ๆ กลางเมืองแบบไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีที่ให้นั่งเล่นเลย

69. ที่ดังและคนเยอะสุดคือ Edlinton Park คนชอบมาทำกิจกรรมกลางแจ้งที่นี่ เหมือนสนามหลวงสมัยที่ยังมีหญ้า อ้อ เหมือนอ่างแก้ว มช ที่คนชอบไปนั่งเล่นกันตอนเย็นๆ

70.ที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ St. James Park อยู่ทางทิศใต้ของเมืองเลย แต่ไม่ไกลจากดาวทาวน์เท่าไหร่ บรรยากาศสวนนี้น่ารักมาก มีโบสถ์เล็กๆ ตั้งอยู่ด้วย เดินทางง่าย รถรางวิ่งผ่าน

71. ทางตอนใต้ของโตรอนโตมีทะเล มีชายหาด มีเกาะ ส่วนตัวแล้วเราไม่ได้ชอบกิจกรรมเอ๊าดอร์ซักเท่าไหร่ แต่ก็พยายามลองทำนู่นทำนี่เยอะขึ้นมากถ้าเทียบกับอยู่ไทย

Photo Credit : Sahil on Pexels

สภาพอากาศ

72. คนที่นี่เขาชอบออกไปทำกิจกรรมข้างนอกทุกฤดู ถึงแม้ว่าตอนหนาวจะหนาวมากก็ตาม 

73. ก่อนมาเคยมีเพื่อนบอกว่าโตรอนโตหิมะตกสูง 2 ฟุต ได้ยินแค่นั้นก็ตกใจแล้ว 

74. แต่พอมาจริงๆ หิมะหน้าหนาวที่นี่คือสูง 2 เมตรไปเลย แต่ที่สูงๆ จะอยู่ตามบ้าน เพราะตามถนนเขามีคนจัดการอยู่แล้ว

75. หน้าหนาวที่นี่คือหนาวมากนะ เริ่มหนาวตั้งแต่พฤศจิกายน หนาวสุดประมาณเดินกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นก็จะเริ่มอุ่นขึ้นรับฤดูใบไม้ผลิ

76. อากศก่อนเข้าหน้าร้อนก็อยู่ที่ 10 กว่าองศา เช่นเดียวกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงเลย

77. ส่วนหน้าร้อนอากาศกำลังดี อยู่ที่ 25 องศา มีบางวันที่ร้อนมาก 29 องศาก็มี แต่คนไทยอย่างเราอยู่ได้สบายมาก 

เทศกาลต่างๆ

78. ช่วงหน้าร้อนจะมีอีเว้นท์เยอะ ซึ่งน่าจะเหมือนกับเมืองอื่นๆ ที่กิจกรรมจะจัดในหน้าร้อน พวกเทศกาลดนตรี เทศกาลอาหารต่างๆ

79. ส่วนตัวเราอินกับของกินมากกว่า แต่เคยผ่านไปพวกงานดนตรีก็ดูคึกคักดี ใครสนใจลองเช็คตารางอีเว้นท์กับเว็บของเมืองได้

80.เทศกาลอาหารที่นี่มีหลากหลายพอๆ กับเมืองนานาชาติของเขาเลย ที่ดังๆ ก็มี Taste of the Danforth เป็นแนวสตรีทฟู้ดรถเข็น คนก็มหึมามหาศาล เดินกันเต็มถนนเลย

81. อีกอันที่คนที่นี่ชอบคือ Taco Fest อาหารสไตล์เม็กซิกันแบบ Fingerfood จัดที่ Ontario Place เป็นอีกเกาะที่ยื่นออกมาแถวดาวทาวน์ คนเยอะมากเช่นกัน

82. มีอีกงานที่คึกคักมากคือ Caribana แนวๆ คาร์นิวาลของลราซิลที่เคยเห็น เฉลิมฉลองวัฒนธรรมแบบคาริบเบียน ถ้าให้เทียบกันคือคล้ายๆ สงกรานต์บ้านเรา

83. พอเมืองมันมีความหลากหลายสูง เทศกาลก็มีเยอะตามไปด้วย ใครชอบความบันเทิงหรือแสงสีเสียงนี่น่าจะชอบเลย ข้อมูลก็หาได้ง่ายๆ ในเว็บไซต์

การศึกษา

84. ขอวกกลับมาเรื่องเรียนหน่อยนึงเผื่อมีคนอยากรู้ เราวางแผนที่จะมา เรียนต่อแคนาดา และหางานทำที่นี่เลย คิดว่าถ้าไม่ชอบค่อยกลับไปทำที่เมืองไทย

85. ปัจจัยอีกอย่างที่เราชอบโตรอนโตคือเป็นเมืองของสตาร์ทอัพต่างๆ เท่าที่ศึกษามาคือมีหลายร้อยบริษัทเลย แต่ยังไม่มีในใจว่าอยากร่วมงานกับที่ไหน

86. ข้อมูลที่หามาก็คือ มูลค่าการจ้างงานของบริษัทสตาร์ทอัพทั่วโตรอนโตอยูที่ประมาณ 7 พันล้านเหรียญแคนาดา หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท

87. เราสนใจเกี่ยวกับเรื่อง Data Science เพราะคิดว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมา และน่าจะมีตลาดรองรับด้วยหลังเรียนจบ

88. เรื่องนี้เราปรึกษากับพี่กันตั้งแต่ก่อนมาแล้ว เขาบอกว่าที่แคนาดาค่อนข้างรับคนทำงานตรงสายมากๆ คือคณะหรือวิชาในมหาวิทยาลัยจะเป็นตัวกำหนดงานในอนาคตได้เลย

89. ส่วนสายอื่นๆ ที่กำลังมาแรงคือพวกสุขภาพ

90. เรามาเรียนที่ Seneca College ไม่ได้ใช้คำว่า University แต่ก็มีให้เรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย

91. ที่นี่มีตัวเลือกให้เรียนเยอะมาก มีหลายแคมปัสด้วย ส่วนแคมปัสของเราอยู่ที่ Newnham ออกมาจากดาวทาวน์ค่อนข้างไกลหน่อย แต่เราว่าบรรยากาศดี

92. โปรแกรมด้าน IT ของเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในแคนาดา ปีนึงมีนักศึกษาประมาณ 30,000 คน

93. ส่วนเรื่องเอกสาร แบบทดสอบภาษาอังกฤษ หรือขั้นตอนการสมัครแนะนำว่าให้ปรึกษากับ KPG ไปเลย เราว่าเรื่องนี้มันละเอียดอ่อน แล้วเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายด้วย

94. แต่เอาจริงที่โตรอนโตมีสถานศึกษาอีกหลายแห่งให้เลือก คนที่สนใจควรหาข้อมูลศึกษาอยู่เรื่อยๆ ว่านอกจากจะเหมาะกับมหาวิทยาลัยแล้ว ยังชอบบรรยากาศของเมืองด้วยมั้ย

95. เพราะเราว่าทุกเมืองมันมีทั้งข้อดีและแค่เสีย อย่างที่เราไม่ได้สนใจอเมริกาเพราะรู้สึกว่าคนเยอะเกินไป และคนดูเร่งรีบกว่าที่นี่มาก

ทำไมเลือก Toronto?

96. ส่วนบางคนที่ไม่ชอบโตรอนโตก็เพราะอาจจะรู้สึกว่าเมืองใหญ่เกินไป ค่าครองชีพสูง หรือไม่ชอบอากาศที่หนาวมากๆ ในหน้าหนาว

97. แต่ส่วนตัวเราว่าบรรยากาศในเมืองนี้ทำให้แอคทีฟขึ้นเยอะเลย มีอะไรแปลกหูแปลกตาให้เห็นอยู่เป็นประจำ คนก็โอเคเลย นิสัยดี เฟรนด์ลี่มาก

98. โตรอนโตมันเป็นเมืองที่หาอะไรก็เจอ เรารู้สึกสบายใจกับตัวเลือกที่มีในแต่ละวัน เช่น อยากอยู่เงียบๆ ก็อยู่ที่ห้อง อยากไปนั่งอ่านหนังสือที่สวนสาธารณะ อยากช้อปปิ้ง หรือหากิจกรรมทำกับเพื่อนใหม่ๆ ก็มีตัวเลือกเยอะ

99. เช่นเดียวกับโอกาสในการทำงานอะ อย่างที่เราบอกเลยว่าโตรอนโตเป็นเมืองของโอกาสและการตามความฝัน เราว่าคนที่นี่ใจดีและให้โอกาสคนมาใหม่เสมอนะ

100. ยังไงก็ถ้าอยากเรียนต่อแคนาดา ลองพิจารณาโตรอนโตไว้เป็นตัวเลือกด้วยละกัน 🙂

101. ถ้ามีโอกาสได้ใช้บริการ KPG ก็ถามเยอะๆ เลย ให้คำปรึกษาได้ทั้งก่อนไปและตอนที่ไปถึงแล้ว เชื่อเถอะว่าการไปผจญภัยในต่างประเทศคนเดียวแบบไม่รู้อะไรเลยมันไม่สนุกเท่าไหร่หรอก!