ประสบการณ์เรียนต่ออเมริกา Edmonds Community College
โดย : ซาซ่า
หลักสูตร : High School Completion
และ 2+2 University Transfer
Major : Business
โอนศึกษาต่อ : Washington State University
ใครที่เคยติดตาม ‘ก้อปันกัน’ มาอยู่บ้าง คงจะคุ้นๆ กับคำว่า ‘Community College’ หรือ ‘2+2’ มาอยู่บ้างใช้มั้ยคะ น้องๆ คนไหนกำลังวางแผนไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เราอยากให้จำคีย์เวิร์ด 2 คำนี้ไว้ให้ดี เพราะนี่ละจะเป็นตัวช่วยให้เรียนง่าย จบเร็ว แถมยังมีประสบการณ์ติดตัวอีกมาก! เหมือนอย่าง ‘น้องซาซ่า’ เด็กไทยตัวเล็กแต่ใจใหญ่ เรียนก็ดี กิจกรรมก็เด่น ที่วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ให้คนที่สนใจจะเรียนต่ออเมริกา บอกเลยว่าไปไม่ยากและจบเร็วมีอยู่จริง!
ซาซ่าช่วยอธิบายคำว่า ‘Community College’ กับ ‘2+2’ ให้ฟังหน่อยค่ะ
หนูอาจจะพูดงงๆ หน่อยนะคะ (หัวเราะ) Community Collge เป็นการศึกษาแบบหนึ่งในอเมริกาอ่ะค่ะ ไม่รู้ว่าภาษาไทยเรียกว่าอะไร อาจจะทำนองวิทยาลัยมั้งคะ มีอยู่ในหลายๆ เมือง เพื่อเป็นตัวเลือกทางการศึกษาของคนอเมริกัน ต่างจากโรงเรียนทั่วไปตรงที่เราสามารถเลือกเรียนในสายที่อยากเรียนได้เลย (น้องซาซ่าเลือกเรียนด้าน Business) ส่วน 2+2 เป็นหลักสูตรสำหรับเรียนต่อมหาวิทยาลัยค่ะ คือเรียนที่ Community College 2 ปี แล้วไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยอีก 2 ปี จะได้วุฒิปริญญาตรี ส่วนถ้าเรียนแค่ใน Community College อย่างเดียว จะได้เป็น อนุปริญญา หรือ ประกาศนียบัตร แล้วแต่หลักสูตรที่เลือกเรียนค่ะ
ทำไมซาซ่าถึงเลือกมาเรียนที่ Edmonds Community College ล่ะคะ?
ตอนแรกก็ดูไว้หลายๆ ที่แหละค่ะ มีในใจอยู่ 2-3 ที่ แต่ตัดสินใจเลือกที่หลักสูตร Community College แต่ละที่เขาก็จะมีมหาวิทยาลัยที่เป็นพันธมิตรไม่เท่ากัน ใช้เกณฑ์ไม่เหมือนกัน เช่น ดูเกรดหรือวิชาที่ลงเรียน ส่วนที่เลือก Edmonds เพราะลองหาข้อมูลแล้วรู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะกับเราดีค่ะ ชอบที่มีโปรแกรม High School Completion ทำให้สามารถเรียนจบได้เร็วกว่าหลักสูตรปกติ แล้วก็เพราะสถานที่ตั้งของวิทยาลัย อยู่ในเมืองที่ขนาดกำลังพอดีค่ะ ไม่วุ่นวายเกินไป แต่ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลซีแอตเทิลเกินไป
วีดีโอสัมภาษณ์ประสบการณ์ซาซ่า
แล้วสถานะของซาซ่าในตอนนี้เป็นยังไง?
กำลังจะจบจาก Edmonds Community College หลักสูตร Associate in Business (Direct Transfer Agreement) ค่ะ ตั้งใจที่จะเรียนต่อด้าน International Business ยื่นเรื่องไปแล้ว ได้การตอบรับมาจาก University of Washington (Seattle), Washington State University, Oregon State University ฯลฯ และได้ตัดสินใจว่าจะเข้าศึกษาต่อที่ Washington State University ค่ะ
เห็นว่าตอนเรียนที่ Community College ก็ทำงานไปด้วย แต่เป็นงานที่ไม่คิดว่าจะได้ทำ จริงมั้ยคะ
(หัวเราะ) ใช่ค่ะ ตอนนี้ทำงานอยู่ในคณะกรรมการบริหาร ด้านการเงินและงบประมาณกิจกรรมนักศึกษาค่ะ จริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้ทำงานนี้ พอดีเห็นป้ายประกาศรับสมัคร เลยลองสมัครไปดู แล้วเขาก็ประกาศว่าเราได้นะ ตอนนั้นก็งง แต่ก็ดีใจมาก เพราะเรามองว่าเป็นตำแหน่งที่น่าทำ หน้าที่ก็คือคอยตรวจสอบ และให้คำแนะนำสภานักเรียนเกี่ยวกับเรื่องการเงินค่ะ
ทำงานแบบนี้เครียดไหม ได้เงินหรือเปล่า?
ได้ค่าตอบแทนเป็นค่าแรงขั้นต่ำค่ะ ส่วนเรื่องความเครียดก็มีบ้าง เพราะบรรยากาศในการทำงานค่อนข้างจริงจังค่ะ ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่าเงินที่เอามาสนับสนุนกิจกรรมของนักเรียนในวิทยาลัย เป็นเงินส่วนกลางจากรัฐค่ะ มีกฎและระเบียบที่เราต้องปฏิบัติตาม เราต้องดูแลงบประมาณประมาณ $115,000 USD (~ 3.6 ล้านบาท) และตัดสินใจเกี่ยวกับโปรเจ็คท์ที่จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของนักเรียนในวิทยาลัยโดยตรง
ฉะนั้นก่อนจะเอาเงินไปใช้ คณะกรรมการต้องรับทราบทุกอย่าง ต้องปิดประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะมีการประชุมวาระนี้ ว่าด้วยเรื่องนี้ จะเอาเงินไปใช้ทำอะไร คนที่มายื่นเรื่องขอเงินก็ต้องนำเสนอโปรเจ็คท์ของตัวเอง ว่าจะเกิดประโยชน์กับนักเรียนแค่ไหน ส่วนเราก็ต้องเตรียมตัวไปแสดงความคิดเห็นตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
เราได้ทำอะไรบ้างในตำแหน่งนี้?
งานที่หนูได้ทำ เช่น การเป็นประธานอำนวยการทำงานของคณะกรรมการงบประมาณกิจกรรมนักเรียน (S&A Fee Budget Committee) ที่พิจารณาจ่ายงบประมาณให้ชมรม กิจกรรม และบริการต่างๆ ของนักเรียน การนำเสนอค่าธรรมเนียมและงบประมาณกับคณะกรรมาธิการที่รัฐบาลแต่งตั้งมาให้กำกับการบริหารวิทยาลัย มีส่วนร่วมกับคณะกรรมการในด้าน Textbook Affordability ที่สนับสนุนการลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับหนังสือเรียน และมีส่วนร่วมกับคณะกรรมการด้าน Student Engagement เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักเรียนในวิทยาลัย เป็นต้นค่ะ
กดดันมั้ย?
มีกดดันบ้างเหมือนกันค่ะ เพราะบางครั้งก็มีโปรเจ็คท์ใหญ่ที่ขอทุนในปริมาณมากถึง $800,000 USD (~ 25 ล้านบาท) ทางสภาก็ต้องคำนึงถึงหลายๆ อย่าง ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วก็ต้องนึกถึงผลกระทบต่อโปรเจ็คท์ของนักเรียนเป็นหลักค่ะ ความยากอีกอย่างนึงคือการนัดประชุม เพราะนักเรียนที่นี่มีตารางเรียนที่ต่างกัน อีกทั้งยังมีความหลากหลายในเรื่องของอายุ บางคนก็มีงานที่ต้องทำนอกเหนือจากงานในสภา บางคนก็มีลูกที่ต้องดูแล กว่าจะนัดกันได้ก็ต้องใช้เวลา
เราเรียนได้รู้อะไรจากการทำงานนี้?
โห ได้เรียนรู้หลายอย่างมากๆ เลยค่ะ ทั้งการบริหารเวลา วางแผนล่วงหน้า การทำงานร่วมกับผู้อื่นซึ่งมีภูมิหลังที่แตกต่างกัน และมีความเห็นที่แตกต่างจากเรา การทำตามกฏกติกาต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาทักษะการสื่อสาร โดยรวมแล้วเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยค่ะ
แล้วชอบบรรยากาศแบบนี้ในวิทยาลัยมั้ย?
ชอบนะคะ จริงๆ หนูเคยไปแลกเปลี่ยนมาแล้วรอบนึงที่รัฐ Missouri ตอนนั้นเมืองที่อยู่เล็กมากๆ มีร้านขายของชำอยู่ประมาณ 1-2 ร้าน นักเรียนส่วนใหญ่มีแต่คนขาว ค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟค่ะ รวมไปถึงอาหารด้วยที่มีแต่อเมริกันฟู้ด แต่พอมาอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่กว่า นักเรียนค่อนข้างหลากหลายทั้งเชื้อชาติและก็อายุค่ะ มีการเปิดรับค่อนข้างกว้าง อีกทั้งด้วยความที่เป็นสภาพแวดล้อมแบบมหาวิทยาลัย นักเรียนส่วนใหญ่มีความเป็นผู้ใหญ่ และมีการยอมรับในความแตกต่างของคนอื่นค่ะ “very diverse and liberal community”
งั้นขอ 3 คำให้กับ Edmonds Community College หน่อยซิ
เอาตามพันธกิจของวิทยาลัยเลยละกันค่ะ Teaching – Learning – Community (หัวเราะ)
ดูซาซ่าแฮปปี้กับที่นี่มากเลย มีอะไรจะแนะนำกับเพื่อนๆ คนไทยที่อยากมา หรือกำลังตัดสินใจอยู่ไหม?
หนูมองว่าการมาเรียน community college ก่อน ทำให้เราสามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้น เพราะได้อยู่ในสังคมที่เล็กกว่า สมมติว่าอยู่ดีๆ เราบินมาจากไทยแล้วเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยคลาสละ 100 คน+ เลย อาจจะเกิดอาการช็อก (overwhelmed) หรือตามไม่ทันก็ได้ หนูว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ทำให้เราได้ปรับตัว ปรับพื้นฐาน สร้างคอมมูนิตี้ของตัวเอง
จริงอยู่ที่ว่า community college อาจจะไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่คนไทย ก่อนมาที่นี่ หนูก็มีผู้ใหญ่ทักอยู่บ้างค่ะ เหมือนมีข้อกังวลว่าจะดีเท่ามหาวิทยาลัยไหม แต่จากประสบการณ์สองปีที่วิทยาลัย หนูคิดว่าคุณภาพการศึกษามันเทียบเท่ากับมหาวิทยาลัย และได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยในอเมริกาอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในโซนฝั่งทะเลด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา (west coast)
หนูมั่นใจที่จะพูดได้เต็มปาก ว่าหนูได้มีประสบการณ์ที่คุ้มค่า และหวังว่าคนที่สนใจหรือกำลังจะมาก็จะได้รับสิ่งเดียวกันค่ะ
ถ้ายังงั้นต้องเตรียมตัวยังไง?
หนูเคยมาอเมริกาครั้งหนึ่งแล้ว เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากค่ะ แต่ใครที่จะมาเรียนต่อ หนูว่าควรจะวางแผนการเรียนมาให้ดี คือไม่จำเป็นต้องมีแผนแบบแน่นอนว่าอยากทำอะไร เพราะสามารถค้นหาตนเองไปเรื่อยๆ ได้ ที่นี่เราจะมีอิสระให้เลือกคลาสที่จะลงได้เอง ดังนั้นถ้าพอรู้คร่าวๆ ว่าจะไปทางไหน ก็จะทำให้หาคลาสลงได้ง่ายขึ้นค่ะ แนะนำว่าให้หาว่า เป้าหมายของเราคืออะไร แล้วเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และเดินตามเป้าหมายนั้น โดยอาจจะเป็นอะไรสั้นๆ ง่ายๆ ก่อนก็ได้ค่ะ
เรื่องหลักสูตรการเรียน คลาสที่ต้องใช้ หรือการ transfer จะมี advisor คอยช่วยให้คำปรึกษา เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปค่ะ
มีอะไรจะบอกพี่ๆ ‘ก้อปันกัน’ ไหมคะ?
พี่ๆ ก็ดีค่ะ (หัวเราะ) คือมีข้อมูลให้เยอะดี ถ้ามีสิ่งที่อยากแนะนำ หนูอยากให้สร้างกลุ่มเด็กไทยที่มาเรียนต่อด้วยกัน หรือมีรุ่นพี่ที่เคยเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วมาให้ข้อมูล คือหนูชอบช่วงปฐมนิเทศมาก ที่มีพี่ๆ มาแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง แต่ถ้าพี่ๆ จาก ‘ก้อปันกัน’ เป็นโฮสท์ในการสร้างกลุ่มเพื่อนๆ เด็กไทยเอาไว้ไปแฮงเอ๊าท์ในวันหยุด หรือมีอีเว้นท์พบปะรุ่นพี่ก็จะดีมั้งคะ
เรียนต่ออเมริกากับ
Edmonds Community College คลิก