รีวิว เรียนหลักสูตร Work & Study Co-op ที่แคนาดา
สาขา Hospitality & Tourism กับสถาบัน Tamwood โดย หยก
จริง ๆ เป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษมาก มีความฝันตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ ช่วง ม.สาม เคยสอบทุนแลกเปลี่ยนโครงการ AFS ติด แต่พ่อแม่ไม่ให้ไป เพราะมองว่ายังเด็กไป บอกว่าจบป.ตรีเมื่อไหร่ค่อยไป พอช่วงใกล้เรียนจบป.ตรี เราก็เตรียมหาข้อมูลไปเรียนภาษาต่อที่อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย เลยดูไว้ 3 ประเทศนี้ เพราะญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ที่เคยไป แนะนำมา ปรากฏว่า COVID-19 ระบาด ปิดประเทศกันยาวๆ สองปีไปเลยจ่ะ
ช่วงระหว่างนั้นก็หาไรทำไปเรื่อย ทั้งไปทำงานประจำ ทำธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง หรือ ทำฟรีแลนซ์รอสถานการณ์ดีขึ้น จนกระแส “ย้ายประเทศกันเถอะ” มาแรงมาก เราก็เข้าไปอ่านสิ่งที่คนเขามาแชร์ประสบการณ์เรียนต่อ ทำงาน หรือ ย้ายประเทศของแต่ละประเทศ อยู่เรื่อย ๆ มันรู้สึกมีความหวังและแรงบันดาลใจที่จะทำตามฝันของตัวเองอีกรอบอ่ะ ซึ่งรอบนี้ที่มาแคนาดาไม่ได้กะจะย้ายประเทศนะ แค่ขอมาชิมลางเปิดหูเปิดตาดูก่อนว่า ประเทศโลกที่หนึ่งเขาไปถึงไหนกันแล้ว และประเทศที่เขาอวยกันจนแทบไม่มีข้อเสียเนี่ย เมื่อเรามาลองใช้ชีวิตอยู่จริง มันจะดีจริงอย่างที่เขาพูดกันไหม
ทำไมต้องเป็นแคนาดา?
อย่างที่บอกว่าตอนแรกไม่เคยนึกถึงแคนาดาเลย แต่พอได้ศึกษาข้อมูล ประเทศนี้คือ 1 ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ และยังมีภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการอีก ซึ่งตัวหยกเอง เรียนจบเอกภาษาฝรั่งเศสที่ธรรมศาสตร์มา ก็เลยคิดว่า นี่คือโอกาสที่ดีที่จะได้มาพัฒนาการสื่อสารทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสไปพร้อม ๆ กัน
รวมถึงแคนาดายังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยอันดับต้น ๆ ของโลก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เชื้อชาติ ผู้คนเป็นมิตร ธรรมชาติสวยงามมาก (มาเถอะ เกินต้านของจริง) ก็เลยเริ่มศึกษาคอร์สเรียน เปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ จนตัด choice เหลือแค่ 2 ประเทศ คือ แคนาดา กับ ออสเตรเลีย แต่ตอนนั้นออสเตรเลียยังปิดประเทศอยู่ และยังไม่มีกำหนดการเปิดพรมแดนที่ชัดเจนเลยไม่อยากเสียเวลารอ ก็เลยมาจบที่แคนาดา
ทำไมถึงตัดสินใจเลือก Tamwood
หลังจากเลือกประเทศที่จะไปได้แล้ว ก็ศึกษาข้อมูลคอร์สเรียนที่เหมาะกับตัวเองต่อ จนไปเจอโปรแกรมนึง คือ Co-op program 1 year เรียน 6 เดือน ทำงาน 6 เดือน แบบได้เงิน แล้วราคาคอร์สเรียนไม่แพงเกินไป ซึ่งหลาย college มีโปรแกรมนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เลือก Tamwood คือ คอร์สเรียน ตัวเนื้อหาในแต่ละหลักสูตรมีความน่าสนใจ โรงเรียนไม่ใหญ่มากดูแลทั่วถึง และมีหลายหลักสูตรให้เลือก เนื่องจากเราจะมาเรียนพร้อมกับแฟน แล้วสนใจคนละหลักสูตร โรงเรียนนี้มีตอบโจทย์ที่สุดในเรื่องคอร์สเรียนและระยะเวลา
หลังจากนั้นก็เลือกเมือง พอดีโรงเรียนนี้มีแคมปัสอยู่ 3 เมือง คือ Vancouver, Toronto และ Whistler ที่เลือก Vancouver เพราะ มีคอร์สที่เราและแฟนจะลงเรียนที่เมืองนี้ อากาศไม่หนาวมากเท่ากับ Toronto มีทั้งภูเขา ทะเล เมือง สถานที่ท่องเที่ยวมากพอ ที่สำคัญคือ พาร์ทฝึกงาน 6 เดือนหลัง ได้เงินแน่นอน อันนี้ต้องดูกฎของแต่ละรัฐหรือเมืองดี ๆ บางรัฐฝึกงานตอนพาร์ท Co-op ไม่ได้ค่าจ้าง แต่รัฐที่เราอยู่กฎเขากำหนดว่าได้แน่นอน
ทำไมถึงตัดสินใจเลือกให้ KPG ดูแล
เราคุยกับ Agency หลายเจ้ามาก เปรียบเทียบทุกอย่าง จนมาจบที่ KPG ช่วงที่เลือกโรงเรียนและคอร์ส เรียนได้ละ ก็เข้าไปดูเอเจนซี่หลาย ๆ เจ้าว่า เจ้าไหนมี contract กับโรงเรียนที่เราดูและเลือกไว้บ้าง โชคดีที่ KPG ทำ contract ไว้กับหลายโรงเรียน หนึ่งในนั้นก็มีโรงเรียนที่เราเลือก ๆ ไว้ แล้วก็สอบถามรายละเอียดกับพี่ทีมงานอีกที รวมถึงจะมีบทความมากมายที่สรุปคอร์สเรียนหลากหลายรูปแบบใน website ของ KPG ให้ทำความเข้าใจก่อนได้
อีกอย่างเลยที่ชอบ KPG คือ การมีระบบที่ดี พี่เขาบอกภาพรวมให้เข้าใจแล้วระบุ เป็น step เรามีเวลาเท่าไหร่ เดือนนี้ ถึงขั้นตอนนี้ต้องทำอะไรบ้าง แจกแจงค่าใช้จ่ายชัดเจน และมีความน่าเชื่อถือ เราลองวัดง่ายๆ จากการตอบคำถาม การตามเรื่องว่ามีความเร็วในการให้ความสนใจดูแลเราแค่ไหน เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าอื่นที่ทักไปหลายๆ อย่าง เราพอใจ KPG ที่สุด และหลังจากเดินทางมาถึงที่นี่แล้วพี่กันต์ ยังคอยถามถึง ความเป็นอยู่ การเรียนอยู่เรื่อย ๆ และยังคอยตอบคำถาม ให้ความช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ ตลอด
Review หลังจากได้เรียนที่ Tamwood
ยังจำวันแรกที่มาได้เลย ทุกคนคิดว่าเราเป็นคนญี่ปุ่น แม้กระทั่งเพื่อนญี่ปุ่นเอง ตอนแรกงงมากที่ในห้องมีคนญี่ปุ่น 85-90% ได้ นอกนั้นก็เป็นละติน ฟิลิปปินส์ ไทย เกาหลี เวียดนาม แต่ทุกคนน่ารัก เป็นมิตร ส่วนครูที่นี่ใช้ความพยายามในการจำชื่อเราเป็นสัปดาห์ เพราะชื่อจริงภาษาไทยจำยากและออกเสียงยากสำหรับชาวต่างชาติ แต่หลังจากจำได้แล้ว ก็เรียกไม่หยุดเลยจ่ะ ครูที่นี่น่ารัก ใจดี มีอะไรก็ไปปรึกษาได้หมดนะ เขาคอยช่วยเหลือเราทุกเรื่อง
ส่วนเนื้อหาหลักสูตร เราเรียน Hospitality and Tourism เราชอบบทที่เป็น การเขียน Resume, CV และ Reference อันนี้มีประโยชน์และใช้ในการหางานที่นี่ได้จริง อีกบทคือ Project Management เขาให้จัด Event ใหญ่ช่วยกันทั้งห้อง สนุกมาก ทุกคนสนิทกันเร็วมากจากกิจกรรมพวกนี้ รู้สึกว่าการเรียนที่นี่ไม่ได้แค่มาเอาความรู้ แต่มาเพื่อเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น การทำความเข้าใจผู้คนที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรม และแลกเปลี่ยนความทรงจำดีดีร่วมกัน เพราะสุดท้ายแล้วพอจบคอร์ส ทุกคนก็จะแยกย้ายกันไปทำงานเก็บชั่วโมง แทบไม่ค่อยมีเวลาได้กลับมาเจอกัน
ส่วนพาร์ททำงาน ทางทีมดูแล Co-op Program เขาจะคอยส่งงานที่เปิดรับสมัครในสายต่าง ๆ ให้อยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่ได้บังคับว่าเราจะต้องไปสมัครทุกที่ ใครที่สามารถหาที่ทำงานได้ด้วยตัวเองได้ คิดว่าดีกว่า เพราะเราจะเลือกสถานที่ ตำแหน่ง ที่เราสนใจได้มากกว่า แนะนำว่าช่วงที่เรียนอยู่ ควรหางานพาร์ทไทม์ทำ จะช่วยให้เราสามารถมีประสบการณ์ทำงาน มีรายได้ มี connection ที่ต่อยอดได้ และจะเป็นผลดีกับพาร์ทการทำงาน 6 เดือน หลังด้วย
บทเรียน และคำแนะนำที่อยากฝากถึงคนที่ตัดสินใจจะมาแคนาดา
สิ่งที่อยากฝากให้คนที่กำลังจะมาแคนาดา คือ เตรียมเงิน ทัศนคติที่ดี และสุขภาพร่างกายมาให้พร้อมค่ะ ประเทศนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย มีทั้งคนดีและคนไม่ดี เหมือนกับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ บนโลก ควรศึกษาข้อมูลทุกด้านและเตรียมตัวมาให้ดี ซึ่งเราเข้าใจว่า ต่อให้เราศึกษาและเตรียมพร้อมรับมือมาให้ดีแค่ไหน สุดท้ายมันต้องมาเจอ มาสัมผัสประสบการณ์ด้วยตัวเองอยู่ดีถึงจะเข้าใจได้ดีที่สุด แต่เตรียมตัวและรู้ข้อมูลไว้ก่อนก็ดีกว่าไม่รู้อะไรเลยใช่ไหมคะ
สำหรับเรา สิ่งที่ว่าเลิศมากที่นี่ คือ ธรรมชาติ ภูเขา กีฬาฤดูหนาว และระบบ Infrastructure พวกขนส่งสาธารณะ ประปาไฟฟ้า ที่อยู่อาศัยวางโครงสร้างมาดีมาก ๆ แต่ก็แลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงมากเหมือนกัน ส่วนสิ่งที่ควรเตรียมพร้อมรับมือให้ดีคือ เรื่องสุขภาพ เพราะอากาศที่แคนาดาหนาวมาก บางเมืองหน้าหนาว -30-(-40) องศา ส่วนเมืองที่เราอยู่ Vancouver ที่เคยเจอหนาวสุดคือ -12 หนาวไม่พอฝนตกตลอดอีกค่ะ ความแย่ของสภาพอากาศคือ บางวันหิมะตก วันถัดมาฝนตกช่วงเช้า ช่วงบ่ายแดดออก ร่างกายเราเลยปรับไม่ทัน ยิ่งถ้าพักผ่อนน้อย ทำงานหนัก ๆ ก็จะเป็นแบบเรา ^^ อยู่ที่ไทยเราแทบไม่ป่วยเป็นไข้หวัดเลย แต่มาที่นี่เราป่วยไปแล้ว 3 ครั้ง เราแนะนำว่าให้ทำประกันอุบัติเหตุกับทางโรงเรียนและทำประกันสุขภาพของรัฐไว้ควบคู่ด้วย เผื่อป่วยหนัก ๆ จะได้เข้ารับการรักษาได้เลย
ที่นี่ระบบสาธารณะสุขไม่ได้เข้าถึงง่ายเหมือนที่ไทยนะคะ ป่วยทีขั้นตอนเยอะ ค่ารักษา ค่ายาแพง ซึ่งเราเลือกที่จะไม่ไปหาหมอที่นี่ค่ะ ไม่ชอบความยุ่งยาก เลยโทรปรึกษาหมอที่ไทย หายารักษาตามอาการเองเพราะเราไม่ได้ป่วยหนัก แต่ถ้าอาการหนักจริง ๆ ควรไปพบแพทย์นะคะ เราเลยอยากแนะนำว่า ให้ออกกำลังกาย นอนพักผ่อนเยอะ ๆ รวมถึงเตรียมเอายาสามัญประจำบ้านหรือยาที่ต้องให้หมอสั่งจ่ายมาจากที่ไทยเลย (เช็คข้อมูลอีกทีนะคะว่าทางแคนาดาให้เอายาตัวไหนเข้าได้บ้างและจำนวนโดสห้ามเกินเท่าไหร่ มันจะมีระบุไว้ใน website ของแคนาดา) ส่วนพวกเสื้อผ้าปกคลุมร่างกาย เสื้อ Down Jacket ที่กันหนาวมาก ๆ มาซื้อที่นี่ค่ะ ซื้อมาจากไทยเอาไม่อยู่ พวกเสื้อ-กางเกง Heat tech หมวก ผ้าพันคอ แบบ Uniqlo ซื้อเตรียมมาจากไทยเลย ที่นี่ราคาสูงกว่าพอตัวเลย ยิ่งบวก tax แล้วแพงน้ำตาไหลค่ะ
ส่วนอีกเรื่องที่เราได้สัมผัสเองคือ คนไทยในต่างประเทศไม่ได้แย่อย่างที่เคยอ่านเจอในเรื่องเล่าของคนอื่นนะคะ ประสบการณ์ใครประสบการณ์มันค่ะ กลับกัน เราเจอแต่คนที่คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำดีดีแก่กัน ไม่ใช่แค่คนไทยนะคะ คนชาติอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน แค่เรามีสติในการใช้ชีวิต ระวังตัวไม่ประมาท ไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ แต่เปิดใจให้กว้าง ไม่มีอคติไปก่อน เราเชื่ออย่างนึงนะว่า ความคิดและทัศนคติที่ดี จะดึงดูดแต่สิ่งดี ๆ คนดี ๆ และเหตุการณ์ดี ๆ เข้ามาหาเราเสมอค่ะ
การได้เดินทางมาแคนาดา ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต เราได้มาเรียน ทำงาน ใช้ชีวิต รู้จักผู้คน เพื่อน ๆ คุณครูที่น่ารัก เจ้านายที่น่าเคารพ บรรดาลุง ป้า พี่ ๆ ที่ทำงานที่รักเราเหมือนลูกเหมือนหลาน เราโชคดีด้วยแหละที่เจอแต่คนดี ๆ เราได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีที่เราสามารถนำไปต่อยอดให้กับสิ่งที่เราตั้งใจจะทำในอนาคต
สุดท้ายที่ลืมไม่ได้ ต้องขอขอบคุณพี่กันต์และพี่ ๆ ทีมงาน KPG ที่ช่วยดำเนินเรื่องการขอวีซ่าให้หนูและแฟนได้เดินทางมาทำตามฝันที่แคนาดาได้สำเร็จ และคอยให้ความช่วยเหลือให้คำปรึกษาในหลาย ๆ เรื่องนะคะ ส่วนสำหรับใครที่อยากออกมาเปิดโลกแบบเรา ได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยทำ ก็ลองถามตัวเอง ตัดสินใจให้ดี วางแผนและเตรียมตัวให้พร้อมไว้เลยค่ะ เมื่อโอกาส หรือ จังหวะดี ๆ ในชีวิตมาถึง จะได้คว้าได้ทันที enjoy your life ค่ะทุกคน
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tamwood Careers – คลิก