เรียนภาษาที่ San Francisco เตรียมตัวก่อนเรียนป.โทที่ University of San Francisco

เรียนภาษาที่ San Francisco

เรียนภาษาที่ San Francisco
สถาบัน EC English 

เตรียมตัวก่อนเรียนป.โท ที่
University of San Francisco

โดยคุณบิ๊ก และคุณป้อ

คุณบิ๊ก เรียนภาษาที่ San Francisco กับสถาบัน EC San Francisco ทั้งหมด 4 สัปดาห์ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนปริญญาโท Master of Science in Entrepreneurship and Innovation ที่ University of San Francisco ซึ่งคุณบิ๊กได้รับการตอบรับจากมหาลัยแล้ว แต่ต้องการเรียนภาษาเพิ่มเติมก่อนเพื่อสร้างความมั่นใจ และปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมต่างประเทศ

คุณป้อ เรียนภาษาที่ San Francisco กับสถาบัน EC San Francisco ทั้งหมด 6 สัปดาห์ เพื่อเตรียมตัวก่อนจะเริ่มเรียนปริญญาโท หลักสูตร Master of Science in Entrepreneurship and Innovation ที่ University of San Francisco เช่นเดียวกัน

เนื้อหาในการสัมภาษณ์ประกอบด้วย

ชีวิตการเรียนภาษาที่ San Francisco กับสถาบัน EC เป็นอย่างไรบ้าง?
เรียนภาษาที่ San Francisco ปลอดภัยไหม?
ทำไมถึงเลือกเรียน ป.โท ที่อเมริกา ในขณะที่คนจำนวนมากเลือกไปอังกฤษ?
ถึงแม้จะมีผล IELTS สำหรับเรียนต่อป.โทแล้ว … เรียนภาษาก่อนดีไหม?
 คำแนะนำในการขอวีซ่าอเมริกา

แนะนำตัว

คุณบิ๊ก : ผมเคยทำงานที่ธนาคารอยู่ฝ่ายสินเชื่อธุรกิจ ประมาณ 2-3 ปี ครับ และตัดสินใจลาออกเพื่อมาลองทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หลังจากนั้นผมมี gap year ก่อนสมัครเรียนประมาณ 1 ปีครับ เพื่อค้นหาตัวเองว่าอยากทำอะไรต่อ จากนั้นจึงสมัครเข้าเรียนที่ University of San Francisco เพราะต้องการเปลี่ยนสายการทำงาน อยากทำงานที่เกี่ยวข้องกับ Technology และ Innovation ครับ

คุณป้อ : ป้อทำงานที่ธนาคารฝ่ายสินเชื่อธุรกิจประมาณ 3 ปี แล้วจึงตัดสินใจลาออก มาช่วยธุรกิจที่บ้านค่ะ พร้อมกับเตรียมตัวสอบและเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าปริญญโทค่ะ

เรียนภาษาที่ San Francisco ได้ทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง? ชีวิตที่ San Francisco เป็นอย่างไรบ้าง?

คุณบิ๊ก : EC San Francisco กิจกรรมเยอะมากครับ มีทุกวันและส่วนมากคือฟรีครับ ช่วงที่มาเรียนคือต้นเดือน กรกฏาคม เป็นช่วง Summer ของ San Francisco ซึ่งอากาศดีมากครับ คนที่ซานฟรานก็จะหาโอกาสออกจากบ้านไปทำกิจกรรมนอกบ้านกัน เช่น ปิกนิก บาร์บีคิว พิพิธภัณฑ์ ปีนเขา และที่ EC San Francisco จะมีกิจกรรมพาทัวร์เมืองด้วย ต้องบอกก่อนว่าซานฟรานเนี่ยเป็นเมืองที่ค่อนข้างเล็ก ฝรั่งจะเรียกว่า 7 by 7 miles หรือ 49 square miles (เล็กกว่า LA ประมาณ 10 เท่า) เดินทางง่ายการที่เราจะเดินทางจากจุดซ้ายสุดของเมือง ไปจุดขวาสุดของเมือง ใช้เวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้นเอง และซานฟรานยังถือเป็นเมืองที่มีความหลากหลายมากที่สุด ทั้งอาหาร เชื้อชาติ และวัฒนธรรม เพราะฉะนั้นเมืองนี้จึงมีอะไรให้สำรวจเยอะครับ เพราะทุกอย่างถูกอัดรวมมาอยู่ในที่ๆเดียว แถมการเดินทางก็สะดวกครับ

คุณป้อ : ต้องบอกว่า San Francisco เป็นเมืองที่ mixed culture มากๆค่ะ ป้อว่ามันเหมาะกับเด็กที่เดินทางมาเรียนต่างประเทศเป็นครั้งแรก ยิ่งเราเป็นเอเชียหัวดำแล้วถ้าเราไปอยู่บางเมืองที่มีแต่ฝรั่งหัวทองหมดเลย เป็นฝรั่งแบบฝรั่งจ๋า เราอาจจะรู้สึก culture shock ได้ค่ะ แต่ว่าพอมาที่นี่แล้ว คนฝรั่งเค้าก็อยู่ร่วมกับคนเอเชียเป็นปกติ แถมคนเอเชียที่เกิดที่นี่ก็มีเยอะมากๆ และเก่งๆด้วย แถมคนที่นี่ค่อนข้างนิสัยดีและเป็นกันเองมากๆ ยกตัวอย่างเหตุการณ์นึง ป้อยืนคุยกับเพื่อนต่างชาติอยู่ แล้วเพื่อนเค้าเรียกชื่อเรา มีฝรั่งคนที่เขาพูดไทยได้เขาหันมาทักเราเลยว่า คนไทยใช่มั้ยครับ? ผมเคยเป็นอาจารย์อยู่ที่เมืองไทยนะอะไรแบบนี้ค่ะ เขาก็อยากพูดคุยกับเรา คนที่นี่ค่อนข้างนิสัยดีและเป็นกันเอง แบบนั่งกินข้าวอยู่บางทีเขาก็จะหันมาถามเราว่าอาหารเราอร่อยไหม เราสั่งอะไรมากิน

คุณบิ๊ก : ใช่ครับ คนที่นี่ค่อนข้างเฟรนด์ลี่ เป็นกันเองมากๆ เช่น เวลาได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า หรือเดินเจอกันในลิฟท์ ก็จะมีการบอกเราตลอดว่า have a good day / have a nice day / เป็นยังไงบ้าง ถาม ทักทายกันตลอดครับ แล้วผู้คนที่นี่ก็ยิ้มแย้มเป็นส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาค่อนข้างชินกับคนเอเชียด้วยเพราะว่าในซานฟราน คนเอเชียก็ 50-50 เลยด้วยซ้ำ ฝรั่ง เอเชีย ยุโรป ปนกันไปหมด

เรียนภาษาที่ San Francisco ปลอดภัยไหม? ควรดูแลตัวอย่างไร?

คุณป้อ : คือต้องบอกว่าไลฟ์สไตล์ของคนที่เนี่ยถ้าเปรียบเทียบคือ New York เหมือนกรุงเทพ ที่นี่เหมือนเชียงใหม่ คือคนที่นี่จะเริ่ม hang out กันแบบ 5 โมง คือ 3 ทุ่มกลับบ้านแล้ว ร้านปิดหมดแล้ว ถามว่าความปลอดภัยเนี่ยมันจะเป็นย่านมากกว่า คือมันจะมีย่านนึงเลย อย่าง Tenderloin ที่แบบอันตรายจริงๆ อันนี้คือขึ้นชื่อว่าตอนกลางคืนเราไม่ควรไปเดิน แต่ปกติในส่วนอื่นๆ ก็ค่อนข้างปลอดภัยนะคะ

คุณบิ๊ก : ใช่ครับ แล้วก็คนที่นี่ส่วนใหญ่ก็ประมาณ 2 ทุ่มเขาก็กลับบ้านกันหมดแล้วครับ เราก็ใช้ช่วงเวลานั้นให้เต็มที่ จะไปเที่ยวที่ไหนเราก็เกาะกลุ่มคนไว้ มันไม่ได้อันตรายขนาดนั้น ผมรู้สึกแบบนั้น เวลาเดินเราต้องทำการสำรวจให้ดีหน่อยว่าตรงนี้พอเดินได้ไหม ถ้าในจุดที่เป็นจุดนักท่องเที่ยวหรือจุดที่เป็นย่านอยู่อาศัยจริงๆ ก็จะถือว่าค่อนข้างปลอดภัย

ทำไมเลือกเรียน ป.โทที่อเมริกา ?

คุณบิ๊ก : ส่วนตัวผมว่าอเมริกากับอังกฤษเนี่ยต่างกันชัดเจน อเมริกาจะต้องช่วยเหลือตัวเองมากกว่า ต้องดูแลตัวเองมากกว่า แล้วก็การเรียนจะค่อนข้างเปิดกว้าง ได้เจอเพื่อนที่ค่อนข้างหลากหลายเหมือนกัน จริงๆก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนเลยครับ

คุณป้อ : ป้อมีญาติเรียนที่อังกฤษแล้ว เขาก็จะบอกว่าสไตล์หลักสูตรของอังกฤษ มันจะเป็นแบบ academic จ๋า นั่งในห้อง lecture แต่ของอเมริกาจะเป็น group discussion มี case study มากกว่า การเรียนมันจะต่างกัน เมื่อก่อนข้อดีของอังกฤษที่คนเขาไปกันคือเขามีหลักสูตร 1 ปีแล้วก็จบ แต่ว่าปัจจุบันที่อเมริกาเองก็มีหลักสูตร 1 ปีเปิดเยอะขึ้น จริงๆ หลักสูตรที่มาเรียนเองเนี่ยก็แค่ 1 ปีเหมือนกัน

คุณบิ๊ก : เป็นเรื่องของเมืองด้วยครับ เพราะว่าหลักสูตรที่เรียนเป็นเรื่อง Innovation และ startup ซึ่งจุดศูนย์กลางมันก็คืออยู่ที่ San Francisco Bay Area พวกกิจกรรมต่างๆ หรือว่าอีเวนท์ต่างๆ มันก็จะจัดในเมืองนี้ แล้วสามารถไปร่วมได้ค่อนข้างแทบจะทุกวันเลยครับ

เรียนภาษาที่ San Francisco กับ EC ตอบโจทย์แค่ไหน?

คุณป้อ : ในมุมของป้อ ที่ได้เรียน 6 สัปดาห์ คือ 4 สัปดาห์ สั้นเกินไป คือ บิ๊กกำลังสนุกเลยแต่จบแล้ว สำหรับป้อ คือ 6 weeks มันก็ดีนะคะ กำลังเริ่มชิน ได้อะไรเยอะนะ เราเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยมา 20 กว่าปี ไม่รวมที่ take course อื่นๆ เรายังไม่เข้าใจเรื่อง tense ขนาดนี้เลย แต่ครูที่ EC San Francisco สามารถสอนให้เราเข้าใจได้ สำหรับเด็กที่เรียนภาคไทยมาตลอด เหมือนวันแรกมาก็ยังไม่รู้จะเริ่ม introduce yourself กับเพื่อนยังไง อยู่ๆไปประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็จะเริ่มชิน เริ่มพูดกับเพื่อน สรุปคือป้อว่าคุ้มที่มาลงเรียนค่ะ

คุณบิ๊ก : ผมเสริมเพิ่มคือว่าถ้าให้ดีเนี่ย เวลามาแล้วแนะนำเด็กให้อยู่เป็นโฮมสเตย์นะครับ เพราะว่าจะได้ใช้ภาษาอังกฤษเต็มที่ เรียนรู้กับเพื่อนเต็มที่ แล้วก็น่าจะแฮปปี้กว่านี้ครับ ผมรู้สึกอย่างงั้น แต่ต้องบอกว่า มันก็สนุกกันคนละแบบดีกว่า

เพื่อนๆ ที่ EC San Francisco มาจากชาติไหนกันบ้าง? มีคนไทยมากน้อยแค่ไหน?

คุณป้อ : รวมป้อ บิ๊ก แล้วก็มีเด็กไทยอีกแค่คนเดียวค่ะ มีแค่ 3 คน

คุณบิ๊ก : ถ้าคิดจาก 100% ผมว่าเกาหลีประมาณ 30-40% หรืออาจจะเป็นช่วงที่ผมมากันเนี่ยเป็นช่วงที่เกาหลีปิดเทอม แล้วเขามีแบบพวก gap year ส่วนใหญ่เกาหลีเขามานานครับ 5 เดือน 6 เดือน 9 เดือนก็มี ผมว่าเด็กที่อยู่นานก็ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้ามีความตั้งใจว่าจะสอบ IELTS สอบ TOEFL

คุณป้อ : ถ้าให้ป้อ rank ก็คืออันดับ 1 จะเป็นเกาหลี รองลงมาจะเป็นทางยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมันปนๆกัน แต่ว่าฝรั่งเศสจะมากกว่าหน่อยนึง แล้วมีสเปน เม็กซิโก บราซิล ไต้หวัน ที่นี่ไม่มีคนจีนเลย คนไม่เยอะญี่ปุ่นก็ 5 คนอะไรแบบนี้ แต่ว่าคนไทยถือว่าน้อย ถ้าเด็กไทยอยากมาฝึกภาษาจริงๆ เรียนภาษาที่ San Francisco กับ EC ก็ดีนะคะ เป็นแบบ escape คนไทย

ให้ทายครับว่าคนไหนคุณบิ๊ก คนไหนคุณป้อ

เรียนภาษาที่ San Francisco กับ EC มาแล้ว ช่วยให้พร้อมเรียนต่อป.โทแค่ไหน?

คุณบิ๊ก : ส่วนตัวผมน่าจะสัก 80-90% ครับ เราเข้าใจเมือง เราเข้าใจคน เราเข้าใจการอยู่ที่นี่แล้ว เรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ จริงๆยังมีความกังวลอยู่นิดหน่อยครับ เพราะว่าเราสองคนเจอกันบ่อย แต่เราก็พยายามพูดภาษาอังกฤษเหมือนกันเวลาอยู่ด้วยกัน หรือเวลาเจอเพื่อนไทย คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องการพูดเนี่ยแหละที่อาจจะยังติดขัดอยู่นิดนึง แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ ดีกว่าไม่ได้มาเริ่มเรียนภาษาที่นี่ก่อนครับ

คุณป้อ : ประมาณ 80% ค่ะ คือมันยังมีติดเรื่องพูด เพราะสมมุติเราจะพูดมันก็ยังไม่เหมือน native ไม่คล่องขนาดนั้นแต่ว่าที่เจอเพื่อนคนอื่นๆ เขาก็จะบอกว่าเราก็พูดดีขึ้น การที่เราได้เจอเพื่อนในคลาสที่ EC ก็ช่วยเราได้เยอะจริงๆ เรียนภาษาที่ San Francisco กับ EC มันช่วยในเรื่อง accent ของหลายๆ ชาติด้วยค่ะ เราอาจจะเคยชินเราอยู่ที่ไทยเราก็จะ accent ของคนไทย แต่พอมาที่นี่เราเจอแบบซาอุดิ อาราเบีย มีเพื่อนซาอุ มีเพื่อนสวิส มีเพื่อนหลายๆ ชาติก็พูด อาทิตย์แรกๆ นี่ฟังไม่ออก ฟังยากแต่ว่าอยู่ๆ ไปตอนนี้ก็เริ่มชินกับภาษาสำเนียงต่างๆ

ถ้ามีคนสนใจ เรียนภาษาเพื่อเตรียมเรียนต่อป.โท มีข้อแนะนำอะไรบ้าง?

คุณป้อ : เรียนภาษาที่ San Francisco กับ EC มันได้อะไรแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ต่อให้คุณจะมีคะแนนสอบวัดระดับภาษาอยู่แล้ว แต่ว่าเรามาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน มีเพื่อนต่างชาติเยอะๆ มันช่วยเราทั้งในการปรับตัว และการเตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ ก่อนเริ่มเรียนวิชาการที่จริงจัง ป้อพูดความจริงเลยว่า การที่ป้อสอบ speaking มาแล้ว เรามีคะแนนแล้วก็จริง แต่ว่าเราเป็นการ speaking แบบ academic พอเรามาอยู่ที่นี่ เราต้องการพูดคุยในเรื่องทั่วไป บางทีมันไม่ใช่ศัพท์ academic ค่ะ เราอาจจะ speak ไม่ได้ แต่ว่าถ้าเรามาฝึกที่นี่ก่อนเราได้คุยแบบ conversation ทั่วไป มันก็จะทำให้เราดูเหมือนคุ้นชิน แล้วก็ make friend ได้ง่ายขึ้น

ถ้ามาเรียนแล้วเนี่ยก็ควรจะเข้าร่วมกิจกรรมกับ EC San Francisco เยอะๆ เพราะว่าเขามีกิจกรรมหลากหลายให้เราเข้าร่วม กิจกรรมจะทำให้เราได้สำรวจเมืองไปด้วยในตัว ได้สนิทกับเพื่อน ได้เที่ยวด้วยมีหลายๆอย่างรวมกัน ป้อแนะนำ ถึงจะมีคะแนนภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็ว่าควรมาเรียนก่อนค่ะ

คุณบิ๊ก : ผมขอเสริมว่า ควรใช้ภาษาอังกฤษในทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็นการพูดแล้วก็การฟัง เพราะว่าบางทีเหมือนกับว่าถ้าอยู่นอกบ้านเราใช้ภาษาอังกฤษ แต่พอกลับบ้านปุ๊บเนี่ย สมมุติว่าเรามีเพื่อนไทยหรือว่าโทรคุยกับเพื่อนไทยเนี่ยมันก็ใช้ภาษาไทยอีก กลายเป็นว่ามันก็จะมึนนิดนึงต้องใช้ไทยคำอังกฤษคำ แต่ถ้าเป็นไปได้ เราควรไปอยู่กับเพื่อนที่เขาอยู่เป็นกลุ่ม พักกับ host family หรือว่าเป็นอพาร์ทเมนท์ที่มีเด็กจากหลายๆชาติอยู่ด้วยกัน ซึ่งจะทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษ 24 ชั่วโมง มันจะเป็นการบังคับเราไปในตัวว่าคุณต้องพูด คุณต้องเข้าใจถึงจะสื่อสารกับเพื่อนได้ ถึงจะมีความสุขสนุกกับเพื่อนได้

พยายามลองอาหารใหม่ๆ ทุกๆ วัน อาจารย์เขาแนะนำว่าเราควรลองร้านอาหารใหม่ๆ พาเพื่อนไปกินแล้วก็หา activity ข้างนอกเมืองทำกันเยอะๆ เพราะว่ามันเป็นส่วนช่วยให้เรามีบทสนทนาเพิ่มเติมกับเพื่อนมากๆ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่ามันช่วยมากเลยครับ ในการพัฒนาภาษาอังกฤษ คือพยายามใช้ทุกวันใช้ตลอด แล้วก็ดู YouTube ก็พยายามดูเป็นภาษาอังกฤษ ฟังอะไรเป็นภาษาอังกฤษแบบนี้ครับ ทำไปสักเดือนสองเดือนผมว่าก็น่าจะดีขึ้นมากครับ

แนะนำ tips การเตรียมตัวขอวีซ่าอเมริกา

คุณบิ๊ก : ให้นึกไว้เสมอว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ไม่ได้เข้าง่ายๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณควรที่จะตั้งใจ ไม่ประหม่า ควรทำการบ้านเยอะๆ การกรอกข้อมูลต่างๆควรทำด้วยตัวเอง ควรหาข้อมูลให้มากพอ ถ้าคุณมีข้อมูลที่พร้อม มันจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจตอนที่คุณสัมภาษณ์กับทางสถานทูต ขอให้เราทำการบ้าน แล้วเข้าใจบ้านเมืองเค้าเป็นอย่างไร เราจะไปเรียนอะไร มีคำตอบที่ชัดเจน แล้วถ้าคุณมาที่อเมริกาได้ เพื่อนๆหลายคนก็บอกว่าคุณโชคดีแล้ว ให้นึกไว้เสมอว่ามันไม่ใช่ประเทศที่มาง่าย ขอให้ตั้งใจ

คุณป้อ : อย่าประหม่า สำหรับเอกสาร เราต้องโชว์ให้ได้ว่า เราจะไม่ได้มาทำงานที่อเมริกา จะไม่ได้มาเป็น robinhood ที่นี่ เราต้องแสดงความตั้งใจของเราว่า เรามาเพื่อจะมาเรียน  ไม่ได้มีแรงจูงใจจะโดดร่ม หรือไปทำอะไรไม่ดี

คุณบิ๊ก : ตอนนี้เขาค่อนข้างซีเรียสว่าถ้ามีใครที่มีประวัติหรือว่าเป็นญาติกับใครที่อาจจะมีเครดิตที่ไม่ดีกับอเมริกาไว้ ก็อาจจะต้องเตือนๆว่า คุณจะต้องรักษาชื่อเสียงของนามสกุลคุณให้ดีด้วย เพราะถ้าบางทีไปตรวจเจอ มันจะเพิ่มโอกาสที่จะไม่ได้วีซ่าก็ได้ครับ เรื่อง timing ของการมาก็สำคัญ ถ้าเด็กนักเรียนที่อยากจะมาจริงๆก็ควรจะวางแผนว่า อาจจะมาก่อนจบมหาวิทยาลัย หรือว่ามาช่วงไหนที่มันดีที่สุด เพื่อที่การขอวีซ่ามันก็จะง่ายขึ้นด้วย

ช่วยพูดถึงหรือแนะนำก้อปันกันหน่อย

คุณป้อ : ป้อไม่ได้เป็นคน contact คนแรก ป้อมองว่าคุณกันต์ข้อมูลแน่น แล้วก็ช่วยเหลือดีเหมือนถามอะไรคุณกันต์ตอบตลอด รู้สึกเหมือนไม่โดนทิ้ง เตรียมความพร้อมให้ มีการซ้อมสัมภาษณ์ให้ พอเรามาถึงที่นี่ เราก็ยังคุยกับคุณกันต์ ถามคำถามอะไร คุณกันต์ก็ยังตอบ รู้สึกเหมือนคุณกันต์ตรงไปตรงมาดีค่ะ ไม่ตุกติกเหมือนบางทีเราคุยกับเอเจนซี่บางทีเขาจะเหมือนบอกเราไม่หมด แต่คุณกันต์ก็บอกหมด

คุณบิ๊ก : ผมเข้าไปดูเว็บไซต์ของคุณกันต์ก็รู้สึกว่าข้อมูลตั้งใจทำแล้วก็มันสะท้อนความเป็นตัวตนของบริษัทเอง ของเอเจนซี่เอง ของตัวคุณกันต์เองได้ดีครับ แล้วก็พอได้เห็นแล้วก็รู้สึกถูกโฉลกแล้วก็มั่นใจว่าคนนี้เขาตั้งใจทำ ด้วยหลายๆ อย่างที่มันสะท้อนออกมาครับ

ทิ้งท้ายเกี่ยวกับการ เรียนภาษาที่ San Francisco กับ EC

คุณบิ๊ก : ที่ซานฟรานทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าค่าใช้จ่ายที่พักค่อนข้างแพง ทีนี้ก็อาจจะต้องชั่งใจกันดีๆ เด็กหลายคนที่เขาอยู่ resident ของ EC เนี่ย ที่ไกลออกไปหน่อย เขาจะใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 45 นาที ผมคิดว่ามันคุ้มที่จะจ่ายดีกว่า เพราะว่าซานฟรานก็ให้อะไรหลายๆอย่าง มันเป็นเมืองที่ค่อนข้างเฟรนด์ลี่ มีเทคโนโลยีทันสมัย แอปต่างๆ innovation ต่างๆ มันก็คุ้มค่าที่จะมา เป็นเมืองที่ไม่เหงาแล้วกันครับ  มีทุกย่านไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น อิตาลี รัสเซีย มีชายหาด มีทะเล มีอ่าว มีเรือ มีทุกอย่างจริงๆ ที่เขาเรียกว่า 49 square mile หมายความว่าซานฟรานมัน 7×7 miles คือมันมีทุกอย่างรวมกันในนี้จริงๆ ครับ

คุณป้อ : สำหรับเด็กที่ไม่เคยไปต่างประเทศเลย แล้วไม่รู้ว่าจะเลือกเมืองไหนในอเมริกา ป้อแนะนำให้ มาเรียนภาษาอังกฤษที่ San Francisco  อากาศดี อาหารก็มีหลากหลาย เด็กไม่น่าจะ home sick มีกิจกรรมให้เลือกทำเยอะ คุณจะไปห้าง ไป hiking มีให้เลือกหลากหลาย แล้วก็เมืองมันไม่เหมือน New York ที่อาจจะแออัด ในขณะที่ San Francisco จะชิลๆ เป็นเมืองท่องเที่ยวด้วยก็เหมาะดีถ้าคนไหนอยากมาเรียนด้วยเที่ยวด้วย ป้อแนะนำ

เกี่ยวกับ EC English คลิก

# เรียนภาษาที่ San Francisco
Photo Credits : บิ๊ก ป้อ

ติดต่อขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778