[รีวิว] เรียนภาษาอังกฤษที่ Vancouver แคนาดา ช่วงปิดเทอม โดย ไอรีน

รีวิว เรียนภาษาอังกฤษที่ Vancouver

[รีวิว] เรียนภาษาอังกฤษที่ Vancouver แคนาดา
ช่วงปิดเทอม กับสถาบัน ILSC 

โดย จรัสทิพย์ พรมวังขวา 
ชื่อเล่น ไอรีน อายุ 22 ปี
นักศึกษาปีที่ 2 มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ หลักสูตร นานาชาติ

สถาบัน ILSC (Vancouver) 
หลักสูตร Full Time Intensive English
(เรียน 30 คาบ หรือ 27 ชม./สัปดาห์) 
วันที่ 3 มิ.ย. – 26 ก.ค. 62 ( 8 สัปดาห์) 

ทำไมถึงไปเรียนภาษาอังกฤษที่ประเทศแคนาดา ?

ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมประมาณ 2 เดือน คุณแม่อยากให้ไปเรียนภาษาที่แคนาดาค่ะ

เดินทางจากไทยไปแคนาดาลำบากไหม ?

ตอนที่ไปก็ไปเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวันก่อนค่ะ นั่งรอเปลี่ยนเครื่องประมาณชั่วโมงนึง แล้วก็ต่อเครื่องไปแคนาดาค่ะ พอไปถึงเขาก็จะมีเจ้าหน้าที่มารับที่สนามบินแล้วก็ไปส่งที่บ้านโฮสต์ การเดินทางก็มีเหนื่อยบ้างเพราะต้องต่อเครื่องหลายชั่วโมงค่ะ

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าที่ประเทศแคนาดาตรวจสอบเอกสารหรือมีคำถามอะไรบ้างไหม ?

มีแค่ให้เราโชว์เอกสารจากโรงเรียนว่าเราไปเรียนจริงรึเปล่า ก็แค่ถามว่าเรามาทำอะไรค่ะ

เป็นครั้งแรกที่เดินทางไปแคนาดาด้วยตัวเองคนเดียวรึเปล่า ?

ใช่ค่ะ ก็กลัวอยู่นะ แต่ก็อยากลองไปคนเดียวดูค่ะ

อยู่กับโฮสต์แฟมิลี่เป็นยังไงบ้าง ?

โฮสต์แฟมิลี่ดีมาก เขาอยู่กับลูกเขา 1 คนค่ะ แล้วเขาก็รับเด็กมาอยู่กับเขาประมาณ 2-3 คน เขาเป็นคนที่เนี้ยบ แต่ใจดี เขาคอยถามเราตลอดเลยว่า อยากกินอะไรไหม ชอบกินอะไร คอยแนะนำเราว่า เรามีปัญหาอะไรไหม เขาก็แนะนำเรา เขาเป็นคนฮ่องกงค่ะ มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่อายุ 19 ปี ตอนนี้เขาอายุ 60 กว่ามั้งคะ พอวันที่หนูจะไปเรียนเขาก็พาหนูไปซื้อบัตรที่ขึ้นรถไฟฟ้า เขาแนะนำว่าควรจะไปซื้อที่ไหน พาไปซื้อ แนะนำว่าวิธีการไปโรงเรียนไปแบบไหน

อยู่กับโฮสต์เขาไม่ให้หนูทำอะไรสักอย่างเลย พอหนูจะล้างจานเขาบอกมีเครื่องล้างจาน ก็ให้วางจานเอาไว้ในเครื่อง ไม่ต้องทำความสะอาดอะไรเลย เขาทำให้หมดทุกอย่าง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ นู่น นี่ นั่น แต่เค้าแค่ให้เราระวังเรื่องความสะอาด เรื่องน้ำ เวลาซักผ้าแค่นี้ค่ะ บางวันน้ำกดไม่ลงให้เราระวัง เวลาเราจะซักผ้าก็ให้เขาอยู่ที่บ้านด้วยแล้วเราค่อยซักผ้า จะได้คอยระวังค่ะ

โฮสต์จะเตรียมอาหารให้ตอนมื้อเช้ากับมื้อเย็น แต่หนูขอเปลี่ยนเป็นมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงแทน เพราะว่าที่โรงเรียนส่วนใหญ่เด็กเขาห่อข้าวไปกิน แล้วหนูขี้เกียจไปซื้อค่ะ หนูก็เลยบอกเขาให้ห่อข้าวให้หนูแทนเลย
อาหารที่เขาเตรียมให้ก็มีอาหารจีนบ้าง สเต๊กบ้าง จะเป็นอาหารหลากหลายค่ะ แต่ส่วนใหญ่เขาเน้นผัก เน้นปลา เขาจะชอบให้หนูกินผักเยอะๆ ค่ะ (หัวเราะ) ซึ่งหนูไม่ค่อยกินเท่าไหร่ เขาชอบบอกให้กินข้าวให้หมดค่ะ เขาเป็นคนเนี้ยบ (หัวเราะ) ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องกินข้าวให้หมด ต้องกินผักอะไรเยอะแยะ แต่พอเขาอธิบายก็พยายามเข้าใจเขาค่ะ

เดินทางจากบ้านโฮสต์ไปโรงเรียนยากไหม ?

บ้านโฮสต์จะอยู่แถวเบอร์นาบี (Burnaby) ค่ะ ตอนแรกก็คือเดินทางโดยรถประจำทางค่ะ (Bus) สักประมาณ 5 นาทีถึงสถานีรถไฟฟ้า แล้วก็ต่อไปโรงเรียนประมาณ 40-50 นาทีค่ะ ช่วงเช้าคนจะเยอะมากบนรถไฟฟ้าค่ะ

เพื่อนร่วมบ้านโฮสต์แฟมิลี่เป็นนักเรียนมาจากประเทศอะไรบ้าง ?

เป็นญี่ปุ่นกับจีนค่ะ คนที่มาจากจีนเหมือนเขาเป็นนักเรียน High School รอต่อมหาวิทยาลัยค่ะ แต่ตอนที่หนูไปเขาไม่อยู่บ้าน มีแค่คนญี่ปุ่นค่ะ ซึ่งเพิ่งมาเริ่มเรียนโรงเรียนเดียวกัน เขาน่ารัก อัธยาศัยดีค่ะ เวลาไปเรียนไปพร้อมกัน แต่เวลาเรียนไม่ตรงกัน เขาก็เลยกลับก่อน ส่วนใหญ่หนูจะกลับบ้านเย็นกว่าเขา (หัวเราะ) เขาเรียนแค่ถึงบ่าย 2 เอง หนูเรียนถึง 4 โมงเย็นค่ะ

ช่วงที่ไปอากาศเป็นยังไงบ้าง ?

หนูไปช่วงมิถุนายน ส่วนใหญ่จะเป็นลม แดดออกนิดนึง แล้วก็ฝนค่ะ แต่ละวันอากาศจะไม่เหมือนกัน สมมติว่าช่วงเช้า แดดจ้า ช่วงบ่ายฝนตก หนูชอบลืมร่ม ไม่ได้เตรียม ก็เดินตากฝนบางที เพราะว่ามันไม่ได้ตกแรงเหมือนบ้านเรา แค่ตกปรอยๆ สามารถเดินได้สบายๆค่ะ คนที่นู่นเขาไม่ชอบกางร่มกัน เขาเดินผ่านฝนเหมือนฝนไม่ตกค่ะ หนูก็เลยไม่กางร่มดีกว่าก็เดินได้สบาย มีบางวันหนูขี้เกียจรอรถเมล์ หนูก็เลยเดินตากฝนกลับบ้าน คนต่อแถวยาวมากช่วงในตก หนูไม่อยากรอก็เลยเดินกลับค่ะ ส่วนใหญ่อากาศจะหนาว ประมาณ 14-18 องศาค่ะ มันไม่ได้ร้อนเหมือนเมืองไทยค่ะ

การเรียนการสอนเป็นยังไงบ้าง ?

เรียนเต็มเวลาตั้งแต่ 9 โมงเช้า – 4 โมงเย็นค่ะ เรียน 3 วิชา สองวิชาสามชั่วโมง อีกวิชานึงประมาณสองชั่วโมงประมาณนี้ค่ะ ตอนแรกลง Communication ช่วงเช้า ช่วงบ่ายลง Writing แล้วก็ Conversation ค่ะ วิชา Communication ก็นั่งเป็นกลุ่ม พูด สนทนากันตามหัวข้อที่เขาให้มาค่ะ บางทีก็เกี่ยวกับของใช้ในบ้าน ส่วน Writing ก็เรียนเขียน Essay เขาจะให้หนังสือมาแล้วก็มีหัวข้อเกี่ยวกับการช่วยเหลือคนค่ะ คำศัพท์จะเยอะค่ะ

ส่วนวิชา Conversation ก็คล้ายๆ Communication แต่มันจะมีให้เปลี่ยนเรื่อยๆ สอบเสร็จแล้วก็ให้เปลี่ยนวิชาได้ค่ะ หนูเปลี่ยนวิชาอื่นด้วยแต่จำชื่อวิชาไม่ได้ เป็นประมาณว่าเขียน Essay ด้วย ฝึกอ่าน เรียนแบบ IELTS เลยค่ะ ช่วงบ่ายก็เรียนเขียนแล้วก็เรียน Grammar เป็นคลาสกลุ่มประมาณ 7 คนขึ้นไปค่ะ เยอะสุดที่เจอก็ประมาณ 18 คนค่ะ นักเรียนเขาเยอะ

นักเรียนส่วนใหญ่เป็นชาติอะไร ?

ส่วนใหญ่จะเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น บราซิล แม็กซิโก ไต้หวัน จีน ประมาณนี้ค่ะ นักเรียนไทยตอนที่หนูไปมีประมาณ 3-4 คน แต่ที่หนูสนิทด้วยมีหนึ่งคนค่ะ เจอกันวันแรกที่ไปเรียนค่ะ

ภาษาอังกฤษเราดีขึ้นแค่ไหน ?

เริ่มต้นที่ I 1( Intermediate Level 1) ค่ะ จบที่ I 2( Intermediate Level 2 ) ได้แค่ 2 ขั้นค่ะ เพราะหนูไปแค่ 2 เดือน

หลังเลิกเรียน หรือ วันหยุด ทำอะไรบ้าง ?

หลังเลิกเรียนหนูก็เดินเล่นแถวนั้นค่ะ ไปเที่ยงห้าง วันหยุดก็มีไปเที่ยว ที่เป็นสะพานไม้ที่มีแต่ป่า (Capilano Suspension Bridge) ไปเที่ยว Outlet ส่วนใหญ่ก็เที่ยวห้างค่ะ (หัวเราะ) แต่วันหยุดยาวหนูไป Victoria มา หนูชอบมากเลยค่ะ มันสวยดี ไปกับเพือนคนญี่ปุ่นหมดเลย นั่งรถบัสไป แล้วก็ต่อเรือเฟอรี่อีก 4 ชั่วโมง ไปนอนค้างกัน 1 คืนแล้วก็กลับ สนุกดีค่ะ รอบนี้ไปไม่กี่สัปดาห์ก็เลยยังเที่ยวไม่ทั่ว ที่จริงหนูอยากไป Toronto ต่อ แต่ว่าไม่มีเวลาไปค่ะ (หัวเราะ)

8 สัปดาห์ ควรเตรียม Pocket money ไปเท่าไหร่ ?

แม่ให้เงินสดไปประมาณ 50,000 บาท แต่หนูก็ขอเขาอีกเรื่อยๆ (หัวเราะ) เพราะมันใช้ไม่ค่อยพอค่ะ ซื้อของเยอะค่ะ ช่วงใกล้จะกลับ หนูต้องซื้อกระเป๋าเดินทางเพิ่มอีกใบนึงตอนขากลับค่ะ

Pocket money จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับคนค่ะ ถ้าคนไม่ค่อยชอบเที่ยว เตรียมไปเท่าหนูก็ได้ห้าหมื่น หรือต่ำกว่านั้นก็ได้ เพราะว่าเวลาเราเดินทางเราไม่ต้องเสียค่าเดินทางเป็นรายวัน เหมือนเติมเงินเข้าบัตรครั้งเดียวใช้ได้หนึ่งเดือน เราไม่ต้องเสียเงินยิบย่อยค่ารถต่อวัน เวลาไปเรียนก็ห่อข้าวไปทานเองก็เลยไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเยอะแยะ มันขึ้นอยู่กับเราว่าหลังเลิกเรียนเราจะซื้อของเพิ่มไหม หรือจะกลับบ้านเลยค่ะ

ร้านอาหารที่แวนคูเวอร์เป็นยังไงบ้าง ?

ราคาแพง (หัวเราะ) หนูไปกินจานละประมาณ 300 บาท ก็แพง แต่ถ้าไปกินกับเพื่อนเยอะๆ หารกันก็ถูกกว่า แต่อาหารไทยที่นั่นอร่อย ชื่อร้านศาลาไทยค่ะ คนไทยชอบไปกิน แต่ต่างชาติก็ไปกินเยอะค่ะ พนักงานเขาเป็นคนไทยหมดเลยค่ะ ร้านเขาตกแต่งเป็นไทย สวยค่ะ

การเดินทางสะดวกสบายแค่ไหน ?

สะดวกมากเวลาไปไหนก็แค่ขึ้นรถไฟฟ้าได้เลยค่ะ อย่างแบบไป Outlet ที่ไกลจากบ้านชั่วโมงนึง แค่นั่งรถไฟฟ้าต่อเดียวก็ไปถึงเลยค่ะ ไม่เหมือนบ้านเราที่ต้องขึ้นรถเมล์ก่อนค่ะ

ความปลอดภัยเป็นยังไงบ้าง ?

ความปลอดภัยดีมาก เช่น เวลาขึ้นรถเขาจะรอให้เราขึ้นให้เสร็จก่อนแล้วเขาค่อยออก ถ้ามีเด็กมาด้วยเขาก็จะให้เด็กขึ้นให้เรียบร้อย ให้พ่อแม่ดูให้เรียบร้อยก่อน รถถึงจะออก เขาค่อนข้างห่วงความปลอดภัยของเด็ก และผู้สูงอายุค่ะ

ในตัวเมือง Homeless เยอะค่ะ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรเรานะ เราก็เดินได้ปกติ ตอนนั้นหนูนั่งรถเมล์แล้วมีคนไร้บ้านขึ้นรถเมล์ เขาก็ไม่ได้อะไร ก็ปกติ แต่เพื่อนหนูบอกว่าไม่ให้ไป China Town ค่ะ เพราะว่า Homeless เยอะ สูบกัญชา ฉีดยาเข้าเส้นเยอะ ก็เลยไม่แนะนำให้ไปเดินคนเดียวเพราะเป็นผู้หญิง ได้แค่นั่งรถผ่านค่ะ

คิดยังไงกับกัญชาในแวนคูเวอร์ ?

เคยเดินผ่านร้านขายกัญชาอยู่ค่ะ (หัวเราะ) สำหรับหนูเฉยๆ นะ ที่คนเขาสูบ บางทีกลิ่นมันเหม็นเกิน คือเค้าสูบทุกๆ ที่บนถนน ทำให้เวลาเราเดินผ่านเราก็จะเหม็นมาก เขาเดินสูบกัน อยากสูบตรงไหนก็สูบค่ะ หนูก็กลัวนะ หน้าเขาจะเมาๆ คนที่นู่นเขาไม่ได้รังเกียจคนที่ใช้กัญชานะ เขาก็ดูปกติค่ะ

อินเตอร์เนตโทรศัพท์ใช้ของอะไร สัญญาณดีไหม ?

ของหนูซื้อซิม True จากไทยไปค่ะ แต่เราสามารถไปซื้อซิมการ์ดที่ห้างได้ค่ะ มันจะมีศูนย์โทรศัพท์อยู่ประมาณกลางห้างเลยค่ะ มีหลายเครือข่ายให้เลือกค่ะ เช่น Bell ก็เป็นเครือข่ายที่ใช้ดี แต่ขึ้นอยู่กับว่าคนซื้อจะรับราคาแต่ละเรทของแต่ละเครือข่ายได้ไหม เพราะว่าเรทราคาไม่เหมือนกัน แต่หนูว่ามันก็แพงค่าเติมเนตของเขา แต่ของหนู หนูไม่รู้ว่าราคามันแตกต่างกันแค่ไหน มันเป็นซิม True Travel เตรียมไปประมาณ 4 ซิม เพราะคิดว่า หาซื้อยาก เลยไม่ได้ซื้อซิมที่นู่น สัญญาณดีปกติเลยค่ะ

ฝากบอกกับคนที่กำลังเตรียมตัวจะมาเรียน ?

ระวังตัวเวลาเดิน ไปไหนก็อยากให้มีเพื่อนไปด้วย ไม่อยากให้กลับบ้านดึก ตอนนั้นหนูกลับบ้านดึกประมาณ 5 ทุ่ม เพราะไปดู Firework (พลุ) ก็น่ากลัวนิดนึง เพราะในหมู่บ้านก็ปิดไฟหมด ไม่อยากให้กลับบ้านดึกเพราะรถไม่มีต้องเดินกลับบ้านเอา การเดินทางรถโดยสารเขาจะปิดให้บริการประมาณเที่ยงคืนค่ะ

ถึงแม้บางคนอาจจะดูอันตราย แต่เขาไม่เคยทำอะไรเรานะคะ คนแคนาดาเขาเป็นคนใจดี หนูเห็นคนทั่วไปซื้อของมาให้คนไร้บ้าน หนูว่ามันเป็นเมืองที่ดีค่ะ แต่หนูแค่ไม่ชอบคนไร้บ้านที่เยอะๆเท่าไหร่ค่ะ

เรื่องเงินต้องจัดการเงินให้ดีๆ (หัวเราะ) เดี๋ยวเงินไม่พอใช้ค่ะ

ขากลับจากบ้านโฮสต์ไปสนามบินกลับไทย ?

คนที่เคยมาส่งหนู เขาก็มารับ แล้วก็ไปส่งหนูเหมือนเดิมที่สนามบิน (ใช้บริการรับ-ส่ง ทั้งขาไป ขากลับกับทางสถาบัน) แต่ขากลับหนูรอต่อเครื่องนานมาก ประมาณ 3-4 ชั่วโมง มันนานสำหรับหนู ก็เลยต้องเดินรอในสนามบินที่ไต้หวันค่ะ

เรียนที่แคนาดากับเรียนที่ฟิลิปปินส์แตกต่างกันยังไงบ้าง ?

แตกต่างกันจำนวนนักเรียนในห้องเรียนค่ะ ที่ฟิลิปปินส์แค่ 2-3 คนต่อห้องบางวิชา แต่ที่แคนาดาทุกวิชาคือนักเรียนเต็มห้องหมดเลย แล้วก็จะแตกต่างตรงที่ว่า ของแคนาดาครูสอนบางคลาสเขาก็สอนเด็กไม่ทั่วถึงเท่าไหร่ เพราะต้องรีบสอนให้จบบทเรียนให้ทันเวลาค่ะ แต่โดยรวมก็ดีค่ะ คลาสก็สนุกดี มันขึ้นอยู่กับอาจารย์ที่สอนค่ะ ถ้าอาจารย์คนไหนเขาเอนเตอร์เทนดี สอนไม่ได้น่าเบื่อมาก นักเรียนก็จะอยากเรียนค่ะ (หัวเราะ) บางคลาสอาจารย์เขาเครียดเกินไปหนูก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะเรียนเท่าไหร่ค่ะ เราสามารถขอเปลี่ยนได้นะคะ แต่เขามีวันให้เปลี่ยนแค่วันเดียว นักเรียนก็ต่อคิวเปลี่ยนเยอะ หนูก็เลยทนๆเรียนๆไปค่ะ

อ่านประสบการณ์ เรียนภาษาอังกฤษที่สถาบัน Monol เมืองบาเกียว ประเทศฟิลิปปินส์ ของไอรีน คลิกที่นี่

เปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อเสีย ในการเรียนที่ฟิลิปปินส์ กับแคนาดา ?

หนูชอบจำนวนเด็กในห้องของที่ฟิลิปปินส์มากกว่า แต่การสอนที่แคนาดาก็ดีเหมือนกัน หนูรู้จักเพื่อนเยอะที่อยู่ในแคนาดา อยู่แคนาดาหนูได้ไปไหนด้วยตัวเองมากกว่า มันได้ฝึกภาษามากขึ้น มีความมั่นใจในการเดินทางด้วยตัวเองมากขึ้นเวลาไปไหน แต่ที่ฟิลิปปินส์เรียนก็อยู่ในอาคารเดียวเดียวกันก็ไม่ได้ออกไปใช้ภาษาข้างนอกเท่าไหร่ แคนาดาได้ประสบการณ์จากโฮสนะคะ ให้โฮสเล่านู่น เล่านี่ให้ฟังก็ได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นค่ะ

แต่ส่วนตัวหนู หนูชอบชีวิตที่แคนาดามากกว่า เราอยากไปไหนเราก็ได้ไป ไม่มี Curfew ค่ะ (หัวเราะ) ถ้ามีโอกาสก็อยากไปอีกค่ะ ได้เจอเพื่อนเยอะดีค่ะ

เรียนภาษาที่แคนาดากับสถาบัน ILSC คลิก

# เรียนภาษาอังกฤษที่ Vancouver แคนาดา 
Photo Credits : จรัสทิพย์ พรมวังขวา (ไอรีน)

ขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778

นัดหมายพูดคุยผ่าน