ข้อแนะนำเรียนต่อนอก
เขียนโดย Ross Jennings ผู้ช่วยผู้บริหารด้านแผนการนานาชาติจาก Green River Community College
แปลโดย ชัยภัค ชินะภัค
ที่มา Global Study Magazine
เรื่องราวของนักเรียนต่างชาติ 2 คนในสหรัฐอเมริกา ที่จะแสดงให้เห็นถึงวิธีการใช้ชีวิตนักศึกษาเพื่อการเรียนรู้อย่างคุ้มค่าในอเมริกา ชื่อของนักเรียนทั้ง 2 คนและประเทศบ้านเกิดของพวกเขาจะเป็นแค่นามสมมุติ อย่างไรก็ตามคุณอาจจะพอที่จะทราบเกี่ยวกับวิธีการเหล่านี้อยู่บ้างแล้ว
มาซาฮิโรได้เริ่มเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ (ESL) และมีเพื่อนชาวต่างชาติมากมายแต่น้อยคนนักที่เป็นคนอเมริกัน เขามีความสามารถในการร้องคาราโอเกะและชำนาญในการเล่นสโนว์บอร์ด แต่มีเนื่องจากทักษะการพูดภาษาอังกฤษค่อนข้างย่ำแย่ เขาจึงเลือกที่จะสังสรรค์กับแค่เพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมวิทยาลัยที่เป็นคนญี่ปุ่น เขาและเพื่อนๆมักจะบ่นเป็นประจำเกี่ยวกับความไม่เป็นกันเองของคนอเมริกันและรู้สึกว่าการสร้างมิตรภาพกับคนเหล่านี้ไร้ความหมาย หลังจากที่เรียนจบหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศ มาซาฮิโรมีคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการทำงานในอเมริกาเป็นเวลา 1 ปี แต่ความอ่อนด้านภาษาและท่าทีที่ไม่มีความมั่นใจของเขาได้ทำลายการสัมภาษณ์งาน 3 ครั้งแรกของเขา เขายอมแพ้และจึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน สุดท้ายเขาได้งานการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าประจำสกีร์รีสอร์ตแห่งหนึ่งในเมืองฮอกไกโด
สุมิตราเป็นนักเรียนอีกคนหนึ่งในหลักสูตร ESL เธอได้โอกาสมีส่วนร่วมในกิจกรรมของวิทยาลัยในตำแหน่งเหรัญญิกของชมรมสกีร์ ในฐานะที่เธอเรียนภาควิชาธุรกิจ การทำหน้าที่เหรัญญิกจะทำให้ประวัติย่อ(Resume)ของเธอดูโดดเด่นขึ้น อีกทั้งการทำหน้าที่ของเธอในชมรมได้ทำให้เธอรู้จักกับเพื่อนเป็นจำนวนมาก ถึงแม้เธอไม่ได้เป็นนักสกีร์ที่ยอดเยี่ยมแต่มันไม่ใช่ปัญหาของเธอเลย ในวิทยาลัยเธอและเพื่อนรวมชมรมของเธอได้ลงเรียนวิชาเดียวกันอยู่เป็นประจำ และเธอได้สร้างสายสัมพันธ์กับเพื่อนของเพื่อนเธออีกเป็นจำนวนมาก ทักษะภาษาอังกฤษของเธอพัฒนาขึ้นและเธอกลายมาเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้น เธอได้ทำหน้าที่ของเธอในการฝึกงานของเธอได้เป็นอย่างดี และการฝึกงานนี้ได้นำเธอไปสู่งานที่มีค่าตอบแทนในช่วงปีการฝึกงานภาคปฏิบัติ (OPT) ของเธอหลังจากจบการศึกษา เธอได้นึกถึงการสมัครขอวีซ่าทำงาน (H-1) แต่ตัดสินใจที่จะเดินทางกลับประเทศของเธอ ขณะที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเกิด เธอได้งานประจำทางด้านการเงินในบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของวิทยาลัย การฝึกงานและคำแนะนำต่างๆจากครูที่ปรึกษาของเธอ
มาซาฮิโรและสุมิตรามีความแตกต่างทางด้านประสบการณ์การใช้ชีวิตในอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด คุณภาพของประสบการณ์ของคุณในอเมริกาขึ้นอยู่กับคุณโดยตรง และนี่คือ 10 ข้อแนะนำที่จะช่วยให้คุณได้มีประสบการณ์ที่ดีที่สุดในอเมริกา
1. มีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่วิทยาลัย
ไม่ใช่แค่เข้าร่วมชมรม แต่รวมถึงการมีความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรมด้วย เช่น การเสนอตัวเป็นโค้ชสอนฟุตบอลสำหรับเด็ก หรือการเป็นครูสอนพิเศษทางด้านคณิตศาสตร์ในโรงเรียนประถม เป็นต้น งานสำรวจล่าสุดของมหาลัย Havard ชี้ให้เห็นว่าการมีส่วนร่วมในชมรม งานหรือกิจกรรมอื่นๆที่มีระยะเวลา 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อเกรดเรียน ถ้าคุณจะไม่ทำตามข้อแนะนำอื่นๆ จงทำตามข้อแนะนำนี้! การมีส่วนร่วมจะทำให้ประสบการณ์การในมหาวิทยาลัยของคุณมีคุณค่าและมีความสุข
2. ออกห่างจาก “เมืองโตเกียว(เมืองเกิดของคุณ)ขนาดย่อม”
การสร้างมิตรภาพกับคนในชาติเดียวกันนั้นคงไม่เพียงพอ ควรที่จะมีเพื่อนเป็นชาวอเมริกันหรือชาติอื่นๆด้วย การมีแฟนเป็นชาวต่างชาติก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณออกห่างจากเมืองเกิดขนาดย่อมของคุณได้ เพียงแต่ศาสนาและวัฒนธรรมของคุณต้องโอเคกับเรื่องนี้นะ แต่การคบเพื่อนธรรมดาก็สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้เหมือนกัน จงมีเพื่อนร่วมภาษาและต่างภาษากับคุณ เชื่อหรือไม่ว่า เพื่อนร่วมภาษาของคุณจะต้องต่อต้านวิธีนี้ในช่วงแรก ดังนั้นจงพยายามนำเขาออกจากเมืองเกิดขนาดย่อมให้ได้ด้วย
3. ฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษของคุณ
ภาษาอังกฤษของคุณจะไม่พัฒนามากนักจากการเรียนในห้องเรียนเพียงเท่านั้น จงกล้าหาญและใช้ภาษาอังกฤษในทุกหนแห่ง! คุยกับผู้คน อ่านวารสาร ดูโทรทัศน์ ซื้อแผ่นซีดีที่สอนการออกสำเนียง จดทุกสิ่งใหม่ๆที่เราได้เรียนรู้ลงในสมุดคำศัพท์ และทบทวนมันสามถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าคุณไม่พยายามที่จะฝึกฝนมันอย่างสม่ำเสมอ ความสามารถทางภาษาของคุณอาจจะตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ฉันเคยเห็นมันเกิดขึ้นแล้ว
4. กินฮอทดอก
พวกเรามักพูดว่า “ฮอทเด็กมันเป็นวัฒนธรรมอเมริกันมากเท่ากับพายแอ๊ปเปิ้ล” ดังนั้นจงกินฮอดดอก ไปงานอเมริกันฟุตบอลของวิทยาลัย เขาโบสถ์ ดูคนเสิร์ตวงร๊อคกับคนอเมริกัน คุณไม่จำที่จะต้องชอบฮอทดอกหรือเป็นแฟนอเมริกันฟุตบอลตัวยง แต่คุณควรที่จะลองใช้ชีวิตแบบคนในพื้นที่ในทุกครั้งที่มีโอกาสเพื่อที่จะเข้าถึงรสนิยมที่แท้จริงในประเทศนั้นๆ
5. ท่องเที่ยว
เดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆหรือเพียงแค่เยี่ยมชมสถานที่ใกล้เคียงในท้องถิ่น มันจะทำให้คุณออกจากวิถีชีวิตปกติของคุณ ปกติแล้วมันจะบังคับใช้ภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้นและช่วยให้คุณชื่มชนถึงคุณค่าของประเทศนั้นๆ อย่าลืมทำให้แน่ใจว่าทุกคนในกลุ่มของคุณได้สนทนากับผู้คนท้องถิ่น ไม่ใช่ให้คนที่พูดภาษสอังกฤษเก่งที่สุดพูดอยู่คนเดียว
6. หางานทำ
งานที่มีค่ารับตอบแทนนั้นดี แต่งานอาสาสมัครก็ใช้งานได้เช่นกัน จงหางานที่มีชั่วโมงการทำงานอยู่ในเวลาปกติ มีความรับผิดชอบที่แท้จริงและมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับผู้คน จงทำมันให้ดี ไม่ต้องสนว่างานนั้นเป็นงานที่ต่ำต้อยเพียงใด แล้วพฤติกรรมการทำงานและคำแนะนำต่างๆจากการทำงานแรกๆของจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการทำงาน“ที่แท้จริง”หลังจากที่จบการศึกษาแล้ว
7. เครือข่าย
เพื่อน คุณครู เจ้านายและเพื่อนร่วมห้องของคุณนั้นมีความสำคัญมากกว่าที่คุณคิด พวกเขาคือส่วนหนึ่งในเครือข่ายของการทำงานในอนาคตของคุณ จงทำงานและสร้างมิตรภาพที่มีคุณภาพ แล้วคุณจะมีบุคคลมากมายในชีวิตที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณ และควรที่จะรู้จักอาจารย์ผู้สอนอย่างน้อยหนึ่งคนต่อปี โดยการช่วยเหลือเขาในห้องเรียนหรือทำงานโปรเจคพิเศษ แล้วคุณจะมีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 4 คน ที่จะแนะนำคุณให้กับไม่ว่าจะในการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นหรืองานในอนาคตของคุณ
8. เรียน
คุณจะต้องมีเกรดที่ดีสำหรับการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น การแนะนำจากครู ใบสมัครและความรู้ที่เพียบพร้อมในสาขาวิชาของตัวเอง จัดสรรเวลาให้ดีและตั้งใจเล่าเรียน! การมีส่วนร่วมในห้องห้องเรียนก็สำคัญ เรียนรู้ที่จะรู้สึกผ่อนคลายกับการพูดในชั้นเรียนและการทำโปรเจคพิเศษ แล้วสิ่งเหล่านี้จะช่วยคุณทั้งทำให้เกรดของคุณดีขึ้นและมีทักษะการใช้ชีวิตที่ดีอีกด้วย
9. อย่าขี้บ่นและงอแง
มักจะมีคนต่างชาติจำนวนหนึ่งในทุกประเทศที่ชอบบ่นเกี่ยวกับข้อเสียของเมืองท้องถิ่นนั้นๆ อย่าเป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านี้! เราควรที่จะเคารพในประเทศเจ้าบ้านและคนที่อาศัยอยู่ และควรแสดงต่อหน้าทุกๆคน ผู้ที่มาเยือนควรเคารพในสถานที่ของคนเจ้าบ้านไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา,จีน,ซาอุดิอาราเบีย หรือ อาเจนติน่า อย่ายอมให้ทัศนคติด้านลบของคนจำนวนน้อยเหล่านั้นมาบั่นทอนประสบการณ์ของคุณ
10. ใช่ลูกเดียว
คุณจะมีโอกาสได้สัมผัสสิ่งแปลกใหม่ต่างๆ เช่น การโดดร่ม, สโนว์บอร์ด, การปีนเขา, หรือการเรียนเต้นแบบวัฒนธรรมตะวันตก จงลองมันสักครัง! มันจะต้องใช้ความกล้าหาญในทดลองสิ่งใหม่เหล่านี้ และความกล้าด้านสังคมในการลองมันกับผู้คนแปลกหน้า แต่มันจะคุ้มค่าอย่างมาก ดั่งคำพูดของบริษัทผลิตรองเท้ายักษ์ใหญ่ที่กล่าวไว้ว่า “Just Do It”!
การเดินทางไปต่างประเทศ ..และการเรียนรู้
“การ เดินทางไปต่างประเทศ นั้นสามารถขยายกรอบความคิดทางวัฒนธรรม และสามารถหักล้างความเชื่อที่ว่าชนชาติ ขนบธรรมเนียม ประเพณีที่มีอยู่ในสังคมของตนเองนั้นดีกว่าสูงกว่าของชนชาติอื่น หรือสามารถสร้างโอกาสที่จะทำให้เห็นคุณค่าของมันมากขึ้น” – Alexandra McGee นักเขียนของนิตยสาร Native Foreigner.
ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ว่าการเดินทางไปต่างประเทศ จะช่วยพัฒนาทักษะความสามารถในการทำความเข้าใจกับผู้คนที่คิดต่าง เห็นต่าง มาจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง ซึ่งเป็นทักษะหนึ่งที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในยุคโลกาภิวัฒน์นี้
หลัง จากที่ได้ใช้เวลาศึกษาต่อในอเมริกาเป็นเวลา 3 ปี มุมมองในการใช้ชีวิตและมุมมองต่อสังคมและวัฒนธรรมของผมเองก็มีการ เปลี่ยนแปลง ผมเรียนรู้ที่จะมองให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมกับ การใช้ชีวิตของผู้คนในสังคม การสังเกตวิถึชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในสังคมที่มีความแตกต่างทางด้าน วัฒนธรรมทำให้มุมมองและแนวคิดที่ผมมีต่อการใช้ชีวิตและสิ่งรอบตัวไม่เป็นแค่ สีขาวหรือดำอีกต่อไป หากแต่ว่าเมื่อผมมองสิ่งต่างๆ ผมพยายามที่จะมองและทำความเข้าใจถึงความซับซ้อนของสิ่งเหล่านั้นก่อนที่จะ ทำการตัดสินผู้อื่นด้วยอัตตาลักษณ์หรือรูปลักษณ์ภายนอกพวกเขา
อย่างไร ก็ตามผมเชื่อและได้เรียนรู้มาว่าการใช้ชีวิตอยู่ในวัฒนธรรมที่แตกต่างแบบ คนนอกที่ได้เห็นและสัมผัสถึงเพียงแค่เปลือกนอกของวัฒนธรรมอื่น หรืออาจจะทำให้เราได้เรียนรู้น้อยหรือไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย แต่ถ้าเราได้ลองไปใช้ชีวิตแบบคนพื้นเมือง กรอบความคิดทางวัฒนธรรมของเราก็จะขยายกว้างและส่งผลดังที่ Alexandra กล่าวเอาไว้
# การเดินทางไปต่างประเทศ
ก้อปันกัน
# ข้อแนะนำเรียนต่อนอก