5 เรื่องควรรู้ก่อนสมัครเรียนต่อ USA
ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศอันดับ 1 ในใจใครหลายคนในการเรียนต่อต่างประเทศ หลายคนเตรียมตัวเรียนภาษาอย่างหนักและยอมจ่ายเงินเรียนภาษาราคาแพงเพื่อนำผลสอบวัดระดับภาษาไปยื่นเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่อยากเรียน หลายคนต้องสละเวลาไปทุ่มเทให้กับการเรียนกวดวิชาเสริม แลกกับเกรดที่ดีขึ้น เพื่อเข้าใกล้เป้าหมายให้มากขึ้นอีกนิด ซึ่งนอกจากความตั้งใจทุ่มเทและเสียสละทั้งกายใจแล้ว ยังต้องมีเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งตอนก่อนไปเรียนที่ต้องเทให้กับการเตรียมตัวสอบ และตอนหลังจากสอบได้แล้วก็ต้องจ่ายให้กับค่าเทอมที่แสนแพงของมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝัน มารู้ตัวอีกที ประเทศอันดับ 1 ของการเรียนต่อนอกก็กลายเป็นเป้าหมายที่เลือนลางไปเสียแล้ว
ถึงจะดูเหมือนว่าการเรียนต่อป.ตรีในอเมริกาเป็นเรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าคุณจะไม่สามารถเรียนจบปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยในฝันได้ ดังสำนวนที่ว่า There is more than one way to skin a cat. เส้นทางสู่เป้าหมายไม่ได้มีเพียงทางเดียว การเรียนต่อในมหาวิทยาลัยก็เช่นกัน ไม่ได้มีเพียงวิธีแสนยากเหล่านั้นเสมอไป ยังมีสถาบันการศึกษาอีกหลายแห่งที่พร้อมสนับสนุนความสำเร็จของนักเรียน หนึ่งในนั้นก็คือ Shoreline Community College หลายคนคงเคยได้ยิน Community College ผ่านหูมาบ้าง บางคนรู้จักมันในฐานะวิทยาลัยวิชาชีพ แต่คงมีไม่กี่คนที่จะรู้จักมันในฐานะประตูอีกบานที่เปิดโอกาสให้ใครหลายคนเรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยได้เหมือนกัน Community College เป็นสถาบันอุดมศึกษาซึ่งได้รับการสนับสนุนและการรับรองจากรัฐบาลของอเมริกาเพื่อมอบโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้คนที่หลากหลาย มีหลักสูตรการเรียนให้เลือกมากมาย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่สำคัญอาจารย์ที่ Community College เน้นการสอนในห้องเรียนมากกว่าการผลิตผลงานการวิจัย
และสำหรับคนที่อยากเรียนต่อปริญญาตรีในอเมริกา ทางเลือกอย่าง Community College นั้นถือเป็นทางเลือกที่ดีที่ไม่ควรปฏิเสธอย่างยิ่ง และ ‘Shoreline’ ก็ถือเป็นหนึ่งใน Community College ที่มีสถิตินักเรียนโอนไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย 4 ปีได้สูง (โดยเฉพาะ University of Washington) ดังนั้นจึงอยากลองชวนมารู้จักกับ 5 ข้อที่ควรรู้ของ Shoreline Community College กันก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจ
1.) อายุ 16 ยังไม่จบม.ปลาย เข้าเรียนแบบรวบรัดได้เลย (ควบคู่ระหว่าง High School และวิทยาลัย)
เนื่องจาก Shoreline มีหลักสูตรพิเศษ คือ Highschool Completion ที่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาล Washington State เมื่อเรียนจบหลักสูตรนี้จาก Shoreline นักเรียนจะได้ทั้ง 2 วุฒิ คือวุฒิระดับวิทยาลัยและวุฒิมัธยมปลาย
2.) โอนเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสึยงได้ง่าย
ด้วยหลักสูตร 2+2 University Transfer ทำให้เรียนปริญญาตรีได้ด้วยการเรียนที่ Shoreline 2 ปีแรก แล้วโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอีก 2 ปีจนครบ 4 ปี อีกทั้ง ที่ Shoreline นักเรียนจะมีโอกาสได้ค้นหาตัวเองในบรรยากาศของวิทยาลัยที่ยังคงความเป็นชุมชน ด้วยการมีส่วนร่วมกิจกรรมต่างๆ และการลงเรียนในวิชาที่หลากหลาย ที่สำคัญจะได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่และอาจารย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนมีโอกาสเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่การแข่งขันสูง อาทิ University of Southern California (USC), UC Berkeley, UCLA, M.I.T., Boston University, University of Washington, University of Michigan, New York University, Columbia, Purdue, Cornell University และอื่นๆ อีกมากมาย
3.) ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า 50-70%
Shoreline เป็นวิทยาลัย 2 ปีที่เน้นการเรียนการสอน จึงสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 50-70% เทียบกับ มหาวิทยาลัยที่อาจารย์ส่วนใหญ่มีหน้าที่สอนและทำงานวิจัยในเวลาเดียวกัน ดังนั้นนั้นความใส่ใจต่อนักเรียนจึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกเพิกเฉย เห็นได้จากการรับจำนวนนักเรียนต่อห้องที่น้อย เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35 คนต่อห้องเท่านั้น
4.) Shoreline ไม่บังคับสอบ TOELF/IELTS!
ที่ Shoreline Community College ไม่บังคับใช้ผลสอบ IELTS หรือ TOELF ในการสมัครเข้าเรียน
5.) Shoreline เป็น campus ที่ร่มรื่นและปลอดภัย เหมาะแก่การศึกษาและเรียนรู้
Shoreline ตั้งอยู่ทางตอนเหนือจากเมือง Seattle ขึ้นไปประมาณ 40 นาทีโดยรถบัส มีบริการนักเรียนนานาชาติครบวงจร (ไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับตัว) เจ้าหน้าที่และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลต้อนรับและบริการนักเรียนนานาชาติทั้งเรื่องการสมัครเข้า การปรับตัว การลงเรียน การเลือกและสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งจบการศึกษา
หากใครที่กำลังตัดสินใจจะไปเรียนต่ออเมริกาโดยยังไม่ได้พิจารณาข้อเด่น 5 ข้อนี้ของ Shoreline เลยนั้น บอกได้เลยว่าคุณอาจพลาดอะไรไปจริงๆ หรือถ้าอยากจะเห็นภาพของ Community College ให้มากขึ้น ก็ลองคลิกเข้าไปดูคลิปวิดีโอของ Shoreline เลยค่ะ
# 5 เรื่องควรรู้ก่อนสมัครเรียนต่อ USA
Photo Credits : Shoreline Community College
