101 Facts! ทำไม Ottawa ถึงเเป็นเมืองที่เด็กไทยควรไปเรียนต่อ!? ภายใน10นาที

 

บทความนี้จะเป็นเหมือนเพื่อนที่เเชร์ประสบการ์ณหรือเล่าเรื่องราวต่างๆให้กันฟังถึงความเป็น Ottawa ว่าเมืองนี้เป็นยังไงในด้านต่างๆให้คุณได้รู็จัก Ottawa ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสำหรับการเลือกพิจารณา เรียนต่อแคนาดา

อธิบายOttawa (ภูมิประเทศ)

1. ออตตาวา (Ottawa) เป็นเมืองหลวงของประเทศแคนาดา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนเพิ่งจะรู้ เพราะอาจดังไม่เท่ากับแวนคูเวอร์ หรือ โตรอนโต

2. แต่ด้วยความเป็นเมืองหลวงซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภา นั่นแปลว่าความสะดวกสบายของเมืองนี้ก็มีไม่แพ้ใคร

3. อธิบายแผนที่ให้นึกภาพออกก่อน ออตตาวาเป็นเมืองหนึ่งอยู่ในรัฐออนโตริโอ อยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศแคนาดา 

4. ทิศใต้ของออตตาวาติดกับรัฐนิวยอร์กของอเมริกา ทิศเหนือติดกับรัฐคิวเบก ทิศตะวันออกติดกับเมืองมอนเทรอัล ส่วนทิศตะวันตกอยู่ไม่ห่างจากเมืองโตรอนโต

5. ซึ่งก็แปลว่าถ้ามาอยู่เมืองนี้ ที่เที่ยวจะเยอะมากกกก แบบ ก.ไก่ ล้านตัว มีทั้งเลือกทั้งพายเรือ เดินป่า ชอปปิ้ง กินเบียร์ คอนเสิร์ต สเก็ตน้ำแข็ง มีหมด คือเริ่ดดด แบบ ด.เด็ก ล้านตัวเหมือนกัน

6. ประชากรเมืองนี้มีประมาณ 9.3 แสนคน 

คลิปพาทัวร์เมือง Ottawa

การศึกษา

7. มี 4 มหาวิทยาลัย ส่วนพวกวิทยาลัย (College) ดีๆ มีเยอะมาก เขียนไม่หมด อยากรู้เพิ่มพิมพ์มาถามได้เลยจ้า

8. คุณภาพการศึกษาในประเทศแคนาดาจัดอยู่ในขั้น ‘ดีมาก’ คือวิ่งขึ้นวิ่งลงระหว่างลำดับที่ 1-5 ไม่เกินนี้ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นคนจัดลำดับ และใช้เกณฑ์ไหนเป็นตัวชี้วัด

9. ภาคการศึกษาที่แคนาดาจะเริ่มเรียนตั้งแต่เดือนกันยายน เทอมที่ 2 จะเปิดในเดือนมกราคมหลังหยุดยาวปีใหม่ 

10. ส่วนคอร์สซัมเมอร์ก็มีบ้างในบางแห่ง แต่นักศึกษาเขาไม่ชอบเรียนกัน เอาเวลาไปเที่ยว ไปหาประสบการณ์ดีกว่า

สภาพอากาศ

11. ออตตาวามี 4 ฤดูเหมือนประเทศอื่นๆ เริ่มปีด้วยหน้าหนาว ใบไม้ผลิ หน้าร้อน แล้วก็ใบไม้ร่วง พอท้ายๆ ปีก็กลับมาหนาวอีกที

12. อากาศร้อนที่ออตตาวาอยู่ที่ 25-30 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าหนาวอยู่ที่ประมาณ -14 องศา โดยรวมอากาศดีมาก

13. ว่าด้วยเรื่องของค่าครองชีพ ถ้าเทียบกันในทุกด้าน โดยเฉลี่ยค่าครองชีพในประเทศแคนาดาจะถูกกว่าสหรัฐอเมริกา

ค่าใช้จ่าย

14. ถ้าไม่ได้อยู่หอพักในโรงเรียนหรือไม่ได้กินอาหารในแคนทีน ราคาทั่วไปของอาหาร 1 มื้อจะอยู่ที่ประมาณ 10-15 เหรียญ ถ้าดีขึ้นมาหน่อยก็อยู่ที่ประมาณ 20 เหรียญ

15. อ้อ ลืมบอกไปว่าค่าเงิน Canana Dollar อยู่ที่ประมาณ 26.35 บาท (เทียบเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2022) ส่วนค่าเฉลี่ยของ CAD เมื่อปี 2021 คือ 25.52 บาท

การคมนาคม

16. คนที่นี่ชอบขี่จักรยาน เขามีเลนสำหรับขี่จักรยานที่ปลอดภัย มีเส้นทางและคู่มือให้สำหรับมือใหม่ แล้วถ้าเจอที่จอดเก็บเงินก็ไม่ต้องตกใจ ใช้บัตร Presto จ่ายได้เลย

17. บัตร Presto เป็นสมาร์ทการ์ดที่เขาใช้กันทั้งเมืองสำหรับโดยสารรถสาธารณะ เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 แล้ว 

18. บัตรใบเดียวนี้ละที่ขึ้นรถไฟ ไปรถเมล์ นั่งรถราง ก็ใช้การ์ดนี้ไปติ๊ดทีเดียวจบ ราคาต่อเที่ยวอยู่ที่ 3.60 เหรียญ (94 บาท) ดูแพงเนอะ 

19. แต่ถ้าซื้อบัตรรายเดือนแบบผู้ใหญ่ จะอยู่ที่ 122.50 เหรียญหรือประมาณ 3,185 บาท คุ้นๆ มั้ย เดินทางในกรุงเทพก็จ่ายราคานี้กันป่าวน้า

20. ยิ่งถ้าซื้อในราคานักเรียน (อายุต้องต่ำกว่า 19 ปี) ก็จะอยู่ที่เดือนละ 94.50 เหรียญ หรือประมาณ 2,457 บาท แต่ถ้าชอบการขี่จักรยานแล้วไม่ได้อยากไปไหนไกลๆ ก็ประหยัดไปได้อีกเยอะ

21. แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งของนักปั่นคือหิมะ หน้าหนาวหิมะตกหนักเอาเรื่องเลยนะ หนาเกือบจะ 1 ฟุต ถ้าพอจะวางแผนได้ว่าเดือนไหนซื้อบัตรรายเดืนแล้วคุ้มก็ซื้อไปเลยจ้า

Photo Credit : Philippe Beliveau on Unsplash

การทำงาน

22. ขึ้นรถเที่ยวละร้อย กินข้าวมื้อละ 300 มันจะดูแพงเพราะเทียบกับรายได้ขั้นต่ำของเมืองไทยนี่ละ รู้ไหมว่าค่าแรงขั้นต่ำของแคนาดาอยู่ที่ชั่วโมง 14.35 เหรียญ

23. ถ้าทำงานวันละ 8 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เราจะได้เงินเดือนประมาณ 68,000 บาท โอเค รู้แล้วว่ามันต้องหักค่านู่นค่านี่ออกไป แต่เห็นไหมว่าค่าครองชีพมันไม่ได้สูงถ้าเทียบกับรายได้ของเขา

24. นักเรียนที่ทำงานได้จะได้รับค่าตอบแทนชั่วโมงละ 13.50 เหรียญ จำกัด 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

25. เชื่อไหมว่าแคนาดามีค่าครองชีพต่ำสุดในกลุ่มประเทศ G-8 (ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก)

26. ในฐานะที่ออตตาวาเป็นเมืองหลวง ก็มักจะดึงดูดเข้ามาหลากหลาย นี่ไม่รวมจำนวนนักเรียนที่มีมากไม่แพ้กันเพราะเป็นเมืองเล็กที่มีมหาวิทยาลัยเยอะ แบบนี้หาเพื่อนได้ไม่ยาก เลือกเอาเลย

27. No Tinder only ‘Bumble’

เทศกาล

28. ถ้าใครไปเรียนเป็นระยะเวลาสั้นๆ แบบ 1-2 ปี เวลาเรียนก็อยากให้ตั้งใจเรียน เวลาเที่ยวก็อยากให้ตั้งใจเที่ยวด้วยเหมือนกัน

29. เริ่มที่งานเทศกาลก่อน เสน่ห์ของการมาเรียนต่อที่ต่างประเทศคือเทศกาลในแต่ละฤดูที่จัดตามสภาพอากาศบ้าง จัดตามผลผลิตในแต่ละฤดูกาลบ้าง

30. ออตตาวามีเทศกาลให้เอ็นจอยตลอดทั้งปี ช่วงต้นปีก็จะเป็นพวกเทศกาลดนตรี พวก Jazz Festival

31. พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นมาหน่อยช่วงกลางปีก็จะเป็นกิจกรรมกกลางแจ้งละ พวกวิ่งมาราธอน แล้วก็มีเทศกาลดอกทิวลิปแคนาดาช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป สวยมาก กรี๊ด

32. พอเข้าหน้าร้อนก็เริ่มเลย เทศกาลดนตรีกลับมาอีกครั้ง อยากให้ทุกคนจอย Bluesfest Music Festival จัดวีคแรกของเดือนกรกฏาคม วัยรุ่นเยอะมาก มีแต่คนดีๆ ที่ไม่ได้หมายถึง Good Person แต่หมายถึง Good Looking Person อะ อิอิ

33. งาน H.O.P.E Volleyball ก็คนเยอะมากเด้อ งานนี้เป็นงานการกุศล เขาจะหารายได้ไปให้องค์กรต่างๆ ที่ต้องการ มีทั้งกิจกรรมและอาหาร จอยมาก

34. และถ้ามีโอกาสพร้อมความมั่นใจ เทศกาลหน้าร้อนพวกนี้เขาหาอาสาสมัครตลอดนะ ไปทำงานไม่ได้เงินแต่ได้อย่างอื่นก็ดี เช่น ภาษา เพื่อน และอื่นๆๆๆๆ

35. เกือบลืมบอกไปเลยว่าเทศกาลดื่มเบียร์ก็จัดช่วงหน้าร้อนเหมือนกัน แต่เป็นช่วงเดือนมิถุนายน เป็นปาร์ตี้ใหญ่บนถนน ขายทุกอย่างทั้งเครื่องดื่มและอาหาร คนเยอะม๊าก

36. อะ แต่เยาวนชนซื้อแอลกอฮอลไม่ได้เด้อ กฎหมายของเค้าคือห้ามขายเครื่องดื่มมึนเมาให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี ส่วนใครที่เกินแล้วก็รับผิดชอบตัวเองจ้า

37. ส่วนเทศกาลในหน้าหนาวก็คล้ายๆ กับเมืองอื่นๆ เยซูต้องมี แซนต้าต้องมา ร้องจิงเกิลเบลต้อนรับหิมะสูง 1 ฟุต

38. แต่ๆ แคนาดานี่ดีอย่างที่ไม่ได้เคร่งศาสนาขนาดนั้น เทศกาลในหน้าหนาวก็ยังคงมีความสนุกอยู่นะทุกคนนน

สถานที่ท่องเที่ยว

39. แนะนำ Winterlude เลย เหมือนปิดเมืองเล่นน้ำแข็งกัน ทางเทศบาลก็จะสรรหากิจกรรมให้ประชาชนได้ออกมาเพลิดเพลินนอกบ้าน ทำสไลเดอร์บ้าง เล่นสเก็ตน้ำแข็งบ้าง สนุก

40. สถานที่เล่นสเก็ตน้ำแข็งก็คือคลองริโด้ซึ่งตลกมาก เพราะหน้าร้อนคลองนี้ก็จะมีน้ำไหลไว้พายเรือ พอหน้าหนาว น้ำแข็ง คนแห่ลงไปเล่นสเก็ตกันหมดเลย

41. ซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจมากสำหรับคนที่ไม่เคยไป เพราะคลองสายนี้มีความยาว 4.8 เมตร หรือประมาณ 7.7 กิโลเมตร เทียบให้เห็นภาพคือตั้งแต่อนุสาวรีชัยฯ ถึงเซ็นทรัลลาดพร้าว

42. แน่นอนว่าทำสถิติเป็นลานสเก็ตที่ยาวที่สุดในโลก

43. เป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่นี่ (รวมทั้งในหลายประเทศที่เจริญแล้ว) ถึงชอบออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ใครมีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศต้องหยุดเดินห้างก่อน ไปทำอย่างอื่นบ้าง

44. กิจกรรมหลังเลิกเรียนหรือในวันหยุดที่ออตตาวาแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ง่ายๆ ได้ประมาณนี้: สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ เดินเที่ยว กิน ไม่รวมงานเทศกาลที่เล่าไปแล้วก่อนหน้านี้

45. เพราะหน้าร้อนเขามันสั้น แดดมันน้อย ก็เลยเลิกสงสัยแล้วว่าทำไมฝรั่งชอบนั่งๆ นอนๆ อาบแดด แดดคือสิ่งมีค่า คือสัญลักษณ์แห่งความเบิกบานจากที่ต้องอยู่กับหน้าหนาวมายาวนาน

46. Major’s Hill Park อันนี้ต้องไป สวนสาธารณะแห่งแรกของออตตาวา อยู่ติดกับคลองริโด้ที่เขาไปเล่นสเก็ตตอนหน้าหนาว ตรงนี้ใกล้กับโบสถ์เก่า แกลเลอรี่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และรัฐสภา ฮืออ ปังไม่ไหว

47. Hog’s Back Park อันนี้เป็นสวนสาธารณะที่เหมาะกับการไปเดินหย่อนใจ ฟังเสียงซู่ซ่าของน้ำตกที่ไหลบ่าอยู่กลางเมือง อยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง มีแม่น้ำริโด้ไหลผ่านเหมือนกัน

48. ใครมาสายชอบเดิมมิวเซียม วางแผนเที่ยวไว้ล่วงหน้าได้เลย เพราะแค่เมืองแห่งนี้ มีพิพิธภัณฑ์สำคัญระดับชาติมากถึง 7 แห่ง อู้วมิก้อดดด

49. ที่เด่นๆ แบบยังไงก็ต้องไปเลือกมาให้ 3 อัน คือ National Gallery of Canada, Canadian Museum of Nature และ Cnadian Museum of History

50. National Gallery Museum ฟีลเหมือนหอศิลป์ที่ดีกว่าบ้านเราประมาณแปดล้านเท่า ตั้งอยู่ตรงสวน Major’s Hill Park 

51. สถาปัตยกรรมด้านนอกก็คือเป็นกระจกหมดเลย ข้างหน้ามีประติมากรรมคุณแมงมุมยักษ์ตั้งอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า ‘Maman’ เด็กอาร์ทคงเคยเห็นผ่านตามาบ้างแน่ๆ ผลงานดังมากของ Louise Bourgeois 

52. ข้างในเขาแบ่งออกเป็น 7 คอลเลกชั่น รวมงานจากทั่วโลก ถ้าอยากเดินดูงานทั้งหมดต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากในแคนาดาที่เราจะอยู่ในมิวเซียมสักครึ่งวัน

53. ถ้ามีโอกาสอยู่ออตตาวาอย่ามาแค่ครั้งเดียวแล้วจบเลย เพราะเขามักจะมีนิทรรศการหมุนเวียนมาจัดเรื่อยๆ มีอีเว้นท์บ้าง สายอาร์ทหรือคนที่ชอบดูงานสวย เจอคนสนุกควรหมั่นเช็คข้อมูลแล้วมาอีก

54. Canadian Museum of Nature หรือพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ หรือแปลให้ง่ายๆ ว่าพิพิธภัณฑ์แสดงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

55. ใครที่เดินทางบ่อยคงพอจะจินตนาการออกว่าหลายประเทศมีมิวเซียมลักษณะคล้ายๆ กันแบบนี้ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ส่วนใครที่ไม่ค่อยได้เข้าไปดู รับรองว่าเข้ามาแล้วต้องตะลึง

56. ตัวตึกด้านนอกคือสถาปัตยกรรมโบราณ สวยมาก ข้างในจัดแสดงพวกโครงกระดูกไดโนเสาร์ โครงกระดูกปลาวาฬ และพืชพรรณต่างๆ ชื่อก็บอกแล้วว่าธรรมชาติ

57. แต่ความปังของที่นี่ก็คือ เขามีตั๋วเข้าชมแบบให้ค้างคืนในนี้ได้เลย แบบในหนัง Night at the Museum เลยค่าคุณณ อู้วมิก้อดด กรี๊ด

58. ตารางก็คือ เช็คอินประมาณ 1 ทุ่ม จากนั้นก็จะมีกิจกรรมเดินถือไฟฉายในพิพิธภัณฑ์ ดูหนัง 3 มิติ นอน พอตื่นมาก็มีอาหารเช้าให้ พร้อมตั๋วเข้าชมพพิธภัณฑ์ในเวลาทำการต่อเลย คือสุดมากนะสำหรับคนที่ชอบอะไรแบบนี้

59. ค่าเข้าและค่ากิจกรรมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1,700 บาท ถ้าคิดว่าสักครั้งในชีวิตก็คุ้ม

60. Canadian Museum of History ก็เหมือนพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเรา ในเวอร์ชั่นที่ดีกว่า (อีกแล้ว) สำหรับคนชอบประวัติศาสตร์ ชอบข้อมูล อยากรู้ที่มาอะไรเอ่ย รับบทนางสงสัย ไปเลยไปดูเอง

61. ที่นี่ไม่ได้หวือหวาเท่ากับ 2 ที่แรก แต่! เขาก็ปังอยู่นะว่าไม่ได้ เพราะเป็นสถานที่ซึ่งตั้งเสาโทเทมใหญ่ที่สุดในโลก รวมเรื่องราวและถิ่นที่มาของความเป็นแคนาดาไว้ได้ดีมาก

photo credit :  Kishore Uthamaraj on Unsplash

ทำความรู้จักกับ Ottawa

62. ที่อยากให้พอรู้ประวัติเกี่ยวกับเมืองหน่อยเพราะออตตาวาเป็นเมืองที่เก่ามากนะ มีชื่อออตตาวาก่อนจะเป็นประเทศแคนาดาด้วยซ้ำ แม่น้ำริโด้ที่ลงไปเล่นสเก็ตกันก็เคยเป็นสถานีการค้าที่สำคัญในยุคหนึ่ง อะ รู้ไว้หน่อย

63. อีกวิธีที่ทำให้รู้จักเมืองนี้ได้อย่างดีคือการเดิน เดินเที่ยวนี่แหละ คนจากเมืองร้อนอย่างเราควรเดินให้ชิน เพราะการเดินทำให้เข้าใจวิถีชีวิตของคนทั้งเมืองได้ดี

64. ในเว็บไซต์มีคนสร้างเส้นทางการเดินในออตตาวาไว้เยอะมาก ชอบแบบไหนไปเสิร์จเอาได้เลย แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่พลาดจะแนะนำให้ทุกคนต้องเดินไปถึงก็คือ อาคารรัฐสภา

65. ไม่อยากจะใช้คำนี้บ่อยๆ แต่ Parliament Hill หรืออาคารรัฐสภาเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยมากกกก ด้วยอิทธิพลของอังกฤษหรืออะไรสักอย่างนั่นแหละ ตึกคือจิึ้งมาก อยากให้คนแถวนี้ไปดูงาน

66. ที่นี่เขาให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมด้วย มี audio guide ให้พร้อม ซึมซับแคนาดาในทางประวัติศาสตร์การเมือง ดูว่าเขาต่อสู้กันมาอย่างไรจนประกาศเอกราชได้ในที่สุด

67. ปัจจุบันแคนาดามีนายกรัฐมนตรีชื่อ จัสติน ทรูโด

68. จัสติ ทรูโด เป็นนายกรัฐมนตรีรุ่นใหม่ใส่ใจประชาชน อยู่ดีๆ เขาก็ปิ๊งป่องไอเดียให้ประชาชนมาเล่นโยคะได้ที่ลานหน้ารัฐสภาทุกวันพุธตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม ตลกปะ แต่มันดีมากๆ นะ แบบเออการเมืองคือส่วนหนึ่งในชีวิตเราจริงๆ แก

69. ที่ต้องพูดถึงการเมืองเพราะอยากบอกว่าถ้าการเมืองดี มันทำให้ชีวิตเราดีจริงๆ นะ แคนาดาเป็นประเทศปลายทางที่หลายคนอยากไปเพราะดูก็รู้ว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีแน่นอน

70. อย่างหนึ่งที่ทำให้แคนาดาต่างจากอเมริกาคือ คนเขาใจกว้าง แคนาดาเป็นประเทศที่มีคนอพยพเข้าไปอยู่เยอะมาก มีความหลากหลายสูง อัตราการเหยียดต่ำ เพราะสายเลือดคานาเดี้ยนที่แท้คืออะไรเอ่ย ต่างคนต่างมาก็ไม่ต้องว่ากันเนอะ มาสร้างสังคมให้ดีร่วมกันดีกว่า

71. เศรษฐกิจในแคนาดามีการเติบโตสูง อัตราเงินเฟ้อต่ำ มีความต้องการในการแรงงานอีกมาก คือถ้ามีความสามารถหรือคิดว่าไปเรียนแล้วอยากทำงานต่อเพื่ออยู่นู่นเลย เป็นไปได้มากๆ

72. เรื่องการรักษาพยาบาลก็เป็นหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวแคนาดา เขามีสวัสดิการที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

73. แต่บางคนอาจเคยได้ยินว่าการรักษาที่นั่นค่อนข้างล่าช้า อาจเป็นเพราะระบบที่ผู้ป่วยต้องไปหา Family Doctor ก่อนถึงจะทำเรื่องไปหาคุณหมอในโรงพยาบาลได้ 

74. อย่างไรก็ตามหากแกได้วีซ่าผู้ย้ายสัญชาติมาเป็นพลเมืองแคนาดา ก็มีสิทธิที่รับสวัสดิการหมดเลย ทั้งรักษาฟรี เงินช่วยเหลือบุตร เงินช่วยเหลือคนชรา หรือเงินระหว่างการว่างงาน

75. คนอยากย้ายมาแคนาดาก็เพราะสวัสดิการที่ดีแบบนี้ ส่วนรัฐบาลแคนาดาก็พร้อมอ้าแขนรับผู้อพยพถ้ามีคุณสมบัติที่ครบถ้วน เรียกว่า It’s a match!

อาหารการกิน

76. พอคนมันหลากหลาย (โตรอนโตนนี่ประชากรอพยพเกือบ 50% เลยนะ) วัฒนธรรมมันก็หลากหลาย โดยเฉพาะอาหาร

77. แกอย่าเพิ่งขำถ้าบอกว่าพิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยนหรือหน้าที่เขาใส่สัปปะรดลงไปมีต้นกำเนิดมาจากประเทศแคนาดา

78. คือถ้าถามว่าอาหารประจำชาติคืออะไรก็คงจะเบลอไปแปปนึง แล้วอาจจะต้องถามย้อนไปว่า ชาติคืออะไร ชาติในนิยามนี้หมายถึงพื้นที่หรือเชื้อชาติ เออถามกลับไปให้งงเหมือนกัน

79. ออตตาวานี่เป็นเมลติ้งพ็อตหรือหม้อหมูตุ๋น หมายถึงทุกอย่างมาหลอมรวมกันที่นี่ ถ้าให้แนะนำอาหารที่ต้อง หรือ ควรลองกินคงจะเป็น Poutine อ่านว่า ปูทีม (ตามสำเนียงอังกฤษ) หรือ ปูตีน (ตามสำเนียงเกเบกัวส์) 

80. ปูทีนคือเฟร้นช์ฟรายส์ทอดร้อนๆ โรยด้วยชีส ราดน้ำซอสเกรวี่ แล้วกินได้เลย ตามตำนานคือเป็นอาหารซึ่งมีต้นกำเนิดในรัฐคิวเบ็ก เมืองเพื่อนบ้านที่ติดกับออตตาวา เลยยืมอาหารเขามามั้ง

81.อีกอันที่ต้องลองคือขนมหางบีเวอร์ หรือ BeaverTails เป็นทั้งชื่ออาหารและชื่อร้าน มันคือแป้งทอดแบนๆ แล้วก็เอามาแต่งหน้า ฟีลคล้ายๆ เครปบ้านเราเลย อยากได้อะไรก็ใส่ๆ ลงไป อร่อยไหม ก็โอเคแหละแก

82. สถานที่หาของกินสุดฮิตอีกที่ก็คือตลาด ตลาดที่นี่ไม่ได้มีแค่ของสด ไม่ได้มีน้ำแฉะๆ หนูวิ่งผ่าน แต่เหมือนไปเดินชั้นล่างของพารากอนแบบโอเพ่นแอร์ มีทุกอย่าง มีผักสด อาหาร ของฝาก สารพัดของกุ๊กกิ๊ก

เพื่อนบ้านของ Ottawa

83. ByWard คือตลาดที่ตั้งอยู่กลางเมือง เปิดทั้งปี ไปเดินแล้วจะสนุก เพราะได้เจอคนหลากหลายมาก คนแคนาดาเค้าใจดี เค้ารักชั้น

84. นอกจากจะเที่ยวในออตตาวาแล้ว อย่าลืมไปเปิดหูเปิดตาที่เมืองอื่น

85. จากใจกลางเมืองของที่นี่ เดินไปแปปเดียวก็ข้ามไปในเขตของรัฐควิเบกแล้ว ถ้าใครยังไม่รู้ ที่ควิเบกคนเค้าพูดฝรั่งเศสเป็นภาษาหลัก มีมาตรฐานอะไรหลายๆ อย่างเป็นของตัวเอง ตื่นตาตื่นใจมาก

86. เมืองกาติโน (Gatineau) เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่าง 2 รัฐ จริงๆ คนเขาไม่อะไรมากหรอกว่าสถานที่ไหนอยู่ในเมืองไหน แต่อยากให้ลองไปสัมผัสสีสันและสถาปัตยกรรมของเมืองนี้ ถ่ายรูปสวยมาก

87. จากออตตาวาไปทางตะวันออกเป็นเมืองมอนเทรอัล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงด้วยรถไฟ 

88. มอนเทรอัลเป็นเมืองที่มีชื่อเสียง มีขนาดใหญ่สุดในรัฐคิวเบก โบสถ์สวย สวนสวย มีสวนสนุก อากาศอบอุ่นกว่าออตตาวานิดนึง (นิดนึงที่แปลว่าหนาวอยู่ แต่ไม่มาก)

89. ฝั่งตะวันตกของออตตาวาเป็นเมืองโตรอนโต เป็นเมืองหลวงของรัฐออนโตริโอ (ไม่งงนะ ออตตาวาเป็นเมืองหลวงของประเทศ โตรอนโตเป็นเมืองหลวงของรัฐออนโตริโอ)

90. ห่างกันประมาณ 450 กิโลเมตร นั่งรถไฟใช้เวลา 4 ชั่วโมง นั่งเครื่องบินใช้เวลา 1 ชั่วโมง เลือกเอาได้ตามที่สะดวก

91. โตรอนโตก็ต๊าชมาก ด้วยความที่เขาเป็นเมืองเศรษฐกิจต้นๆ น่ะนะ น่าไป ต้องไป เอาไว้เดี๋ยวมาเขียนแยกบรรยายให้เห็นความอลังการของเมืองละกัน

เตรียมตัวก่อนไป Ottawa

92. จากออตตาวาบินมานิวยอร์กใช้เวลา 3 ชั่วโมงนิดๆ สำหรับใครที่มาแล้วอยากเที่ยวให้ครบก็ต้องมา แต่อย่าลืมขอวีซ่าอเมริกามาให้เรียบร้อย มาขอที่นี่ก็ได้อยู่แต่จะงงรึป่าว เดี๋ยวปวดหัว

93. เรื่องสำคัญที่ทุกคนควร concern มากสุดคือที่อยู่อาศัย สำหรับนักเรียนถ้าพูดคุยกับเอเจนซี่ต้นทางไว้เรียบร้อยแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ราคาจะหลากหลายมากขึ้นอยู่กับประเภทที่พัก อยู่คนเดียวหรือว่าอยู่กับเพื่อน

94. ที่บอกว่าสำคัญเพราะอัตราค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้นทุกปี เป็นเรื่องธรรมดาในต่างประเทศที่ต้องปรับตามอัตราเงินเฟ้อ ที่เช็คล่าสุดค่าเฉลี่ยของค่าเช่าบ้านในออตตาวาอยู่ที่เดือนละ 617 เหรียญหรือประมาณ 16,000 บาท แต่อย่าลืมว่าต้องมีค่าประกัน ค่านู่นค่านี่ตามมาอีก 

95. ถ้าไม่ได้มาอยู่นาน หาคนจัดการเรื่องการเรียนพร้อมที่อยู่อาศัยไปพร้อมกันเลย จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเวลาเดินทางมาถึงแล้ว

96. การเดินทางจากเมืองไทยไปออตตาวาต้องใช้ความอดทนหน่อยนึง เพราะยังไงก็ต้องเวียเครื่องบินไม่ต่ำกว่า 2 รอบ

97. รูทที่ดีที่สุดคือบินไปทางตะวันออก แวะที่ญี่ปุ่นหนึ่งที่ จากนาริตะบินไปแวะที่แวนคูเวอร์อีกที ค่อยบินไปที่ออตาวา

98. ไฟลท์ที่บินไปจากตะวันตกก็มี พวกสายการบินตะวันออกหลางหรือสายการบินยุโรป เส้นนี้จะใช้ระยะเวลาเยอะกว่า หรือเวียเยอะกว่าด้วย

99. อย่าลืมคุยกับตัวเองให้เรียบร้อยว่าจะไปเรียนอะไร อยู่นานแค่ไหน มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ การเตรียมตัวที่ดีช่วยได้เสมอ

100. เชื่อสิว่าออตตาวาจะทำให้ทุกคนเปลี่ยนไป ชีวิตไม่ได้หมุนเร็วอย่างที่เราคิด โลกมันไม่ได้แย่ไปทั้งหมดหรอกนะ

101. อยากรู้อะไรเพิ่มเติมปรึกษา korpungun.com เลยจ้า ที่นี่เค้าดี ข้อมูลแน่น งานทอล์กก็จัดบ่อย ข่าวสารเรื่องทุนก็อัพเดทเก่งงงง 

สนใจเรียนต่อเมือง Ottawa

แนะนำ Algonquin College