Photo Credits : nextvoyage, Kai_Vogel, scottwebb on Pixabay
จัดเต็ม! เรียนต่อแคนาดา
Vancouver Toronto Montreal
เมืองไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด!
นอกจากความหล่อเหล่าของนายกรัฐมนตรี ‘จัสติน ทรูโด’ ที่หลายๆ คนหลงใหลจนร้องกรี๊ด+ ก็ต้องยอมรับล่ะค่ะว่าชื่อเสียงของการกินดีอยู่ดี อากาศดี และคุณภาพการศึกษาที่ดีของประเทศแคนาดานั้นยั่วยวนใจนักเรียนไทยให้บินไปเรียนต่อกันมากมายเหลือเกิน งั้นมาดูกันหน่อยว่า 3 เมืองใหญ่สุดฮิตอย่าง แวนคูเวอร์ โตรอนโต และมอนเทรอัล ดีงามจนอดใจกันไม่อยู่ขนาดไหน!
Montréal
เอ๊ะ นี่มันฝรั่งเศส หรือประเทศแคนาดา!
Photo Credit : Ichigo121212 on Pixabay
• ไม่ต้องแปลกใจถ้าเห็นชาวแคนาเดียนที่เมืองแห่งนี้พูดสลับกันไปมาระหว่างภาษาอังกฤษกับภาษาฝรั่งเศสราวกับเป็นทอล์คกิ้งดิก เพราะว่าภาษาราชการของเขานั้นใช้ทั้งสองอย่าง! อย่างที่บางคนรู้กันดีกว่าชาวเมือง Quebec (ออกเสียงว่า ควิเบก ในภาษาอังกฤษ และ เกเบ็ก ในภาษาฝรั่งเศส) เขาพูดภาษาฝรั่งเศสกัน (เพราะค้นพบและอยู่ใต้อาณานิคมของชาวฝรั่งเศสมาเป็นเวลานาน) ส่วนมอนเทรอัลนั้นถือเป็นเมืองใหญ่และคึกคักที่สุดของรัฐนี้ อยากรู้ว่าพูดภาษาฝรั่งเศสได้นั้นเซ็กซี่แค่ไหน ไปดูประธานาธิบดีของเขากันเลยค่า
• นั่นแปลว่าสำหรับเด็กที่มาเรียนต่อภาษาอังกฤษนั้น อาจจะได้ภาษาฝรั่งเศสห้อยติดไปด้วย ส่วนใครที่จบสายภาษาฝรั่งเศสมาตั้งแต่มัธยมปลาย จะได้ลับสมองจนคมกริบก็คราวนี้! ปกติโรงเรียนของเขาจะเปิดเทอมแรกประมาณเดือนกันยายน เด็กๆ จากหลายประเทศก็จะบินมา เรียกว่ามีความหลากหลายทางชาติพันธุ์สูงมาก
• นอกจากภาษาแล้ว เมืองแห่งนี้ยังได้รับอิทธิพลในด้านต่างๆ จากประเทศฝรั่งเศสมาเต็มๆ ทั้งงานศิลปะ อาหารการกิน รวมไปถึงสถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในเมือง เป็นทวีปยุโรปย่อมๆ อันตั้งอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือ ถ้าชอบความงดงามแบบคลาสสิก กลิ่นอายของชาวยุโรป มามอนเทรอัลเลยมั้ยล่ะ!
Photo Credit : MariamS on Pixabay
• เกือบลืมพูดถึงที่ตั้ง! เมืองมอนเทรอัลตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออก หลับตาแล้วจินตนาการขอให้นึกถึงรัฐนิวยอร์ก แล้วบินขึ้นไปอีกนิดก็จะถึง นั่นแปลว่าอากาศจะหนาวมาก!! ช่วงเวลาเปิดเทอมที่นั่นถือเป็นฤดูใบไม้ร่วง พอเข้าเดือนธันวาคม ความหนาวเย็นจะมาเยือน อากาศลดฮวบลงไปถึง 0 องศาหรือเกือบติดลบบ้าง ยาวไปถึงเดือนมีนาคมก็จะเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนที่เมืองนี้เลยเป็นสิ่งที่ชาวเมืองรอคอย อากาศดีสุด อยู่ที่ราว 20-27 องศาเซลเซียส ออกมาเดินทำกิจกรรมนอกบ้านได้ เช่น เล่นกีฬา ปิกนิก หรือเทศกาลดนตรีที่จะจัดในหน้าร้อนของทุกปี
• เนื่องจากเป็นเมืองที่ชิว สถานที่หย่อนใจในวันหยุดเลยเน้นสายธรรมชาติ สัมผัสอากาศดีๆ มีทั้งเดินป่า ขึ้นเขา เข้าสวนสาธารณะ ปั่นจักรยาน หรือไปเดินจีบกันในพิพิธภัณฑ์ การเดินทางในมอนเทรอัลมีทั่งรถเมล์และรถไฟใต้ดิน เปรียบเทียบแล้วดูสะอาดและปลอดภัยกว่าอีกหลายประเทศมาก ตั๋วรายเดือนสำหรับนักเรียนราคาอยู่ที่ประมาณ 1,200 บาท (หนูด่วนยังโหดกว่าเลยจ้า) พูดซิว่าไม่อยากมา!
วีดีโอแนะนำสถาบัน ILSC Montréal แคมปัส
Toronto
เก๋ไก๋ในเมืองใหญ่ กับราคาที่ถูกกว่านิวยอร์กครึ่งหนึ่ง!
Photo Credit : Sahil on Pexels
• โทษๆ ไม่ได้จงใจจะเปรียบเทียบหรอกนะ แค่อยากทำให้เห็นภาพเท่านั้น! ที่เอ่ยถึงนิวยอร์กเพราะเมืองโตรอนโตนั้นอยู่ห่างจากมหานครแห่งนี้เพียง 1.30 ชั่วโมงโดยเครื่องบิน เพราะตั้งอยู่เลยอเมริกาอีกนิดเท่านั้นเอง โตรอนโตไม่ใช่เมืองหลวง แต่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศแคนาดา นั่นแปลว่าเป็นเมืองที่เจริญ ขวักไขว่ แสงสี ใครชอบแนวๆ นี้ก็โยนตัวเองมาที่โตรอนโตได้เลย
• ข้อดีของโตรอนโตคือเป็นเมืองที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก (ต่างจากมอนเทรอัล) แต่ในเอกภาพนี้มีชาวต่างอยู่ร่วมกันอย่างมากหน้าหลายตา หลากหลายชาติพันธุ์ และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเลยล่ะ เพราะโตรอนโตนั้นถูกจัดอันดับว่าเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลกลำดับที่ 5 และติด 1 ใน 10 ของประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เรียกว่าผู้คนน่ารัก บ้านเมืองสงบ พ่อแม่ส่งไปเรียนก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ
• อธิบายความน่าอยู่ซักหน่อยละกัน โตรอนโตนั้นถือว่ามีความเจริญเกือบในทุกๆ ด้าน การคมนาคมนั้นสุดยอดมากๆ ภายในเมืองและโดยรอบผู้คนมักใช้บริการรถบัส และ GO Transit กันเป็นหลัก ซึ่งเป็นขนส่งมวลชนระดับต้นๆ ของโลก ส่วนการเดินทางระหว่างเมืองนั้น เขาใช้ Hyperloop หรือรถไฟความเร็วสูงที่ย่นระยะเวลาได้เยอะมาก! เทคโนโลยีแบบนี้ อเมริกายังไม่มีเลยจ้า
• ความน่าอยู่อันต่อมาเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์ ที่โตรอนโตเขามีห้างสรรพสินค้าใหญ่โตชื่อ Eaton ที่ว่ากันว่าดีที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ถูกใจนักเรียนไทยที่เคยชินกับการช้อปปิ้งและหาของกินตามห้างฯ ต่างๆ ส่วนใครที่ชอบชีวิตติดธรรมชาติ ก็มีสวนสาธารณะ สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ และการแข่งขันกีฬาต่างๆ ที่ชาวโตรอนโตนั้นพร้อมใจออกจากบ้านไปใช้ชีวิตเอ๊าท์ดอร์ในช่วงที่อากาศดี
• แต่ที่ปราบเซียนสุดๆ คงน่าจะเป็นเรื่องของสภาพอากาศ ใครฝันอยากเป็นเจ้าหญิงเอลซ่าในเมืองหิมะ โอกาสนั้นมาถึงแล้ว หน้าหนาวในโตรอนโต (ตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิสามารถลดลงได้มาถึง -22 องศาเซลเซียส! หิมะสูงเป็นฟุต มาจากเมืองร้อนอย่างเราก็ต้องเตรียมเสื้อผ้าให้พร้อม และทำตัวให้อบอุ่นตลอดเวลา ส่วนหน้าร้อน (มิถุนายน-กันยายน) อากาศจะเป็นมิตรสุด เพราะอากาศดีประมาณ 25 องศาเซลเซียส ร้อนหน่อยก็ไม่เกิน 35 พอให้ร่างกายได้รับแดดอยู่บ้างหลายเดือน
• อ้อ สิ่งสุดท้ายที่อยากพูดถึงก็คือน้ำตกไนแอการา ซึ่งถือเป็นพรมแดนแบ่งเขตระหว่างอเมริกาและแคนาดา ขนาดใหญ่โตมโหฬารเหมือนเข้าไปในยุคจูราสสิกพาร์ค เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองโตรอนโตที่เจ้าบ้านในฐานะนักเรียนที่แคนาดา ต่างหน้าใหญ่ใจโตอยากให้ทุกคนไปเห็นความอลังการเหมือนกันบ้าง โอ้ย ชีวิตไปได้ซักครั้งก็คุ้มแล้วค่าา!!
วีดีโอแนะนำสถาบัน ILSC Toronto แคมปัส
Vancouver
อันดับ 1 เมืองน่าอยู่ที่สุดในแคนาดา ไปเป็นเด็กน้อยในป่าใหญ่กันดีกว่า
Photo Credit : Kai Vogel on Pixabay
• พูดถึง 2 เมืองแห่งฝั่ง East ไปแล้ว จะไม่พูดถึงเมืองแห่งฝั่ง West ได้ยังไง แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้นิวยอร์ก แต่ความภาคภูมิใจของชาวแวนคูเวอร์คือเขาถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สุดในประเทศแคนาดา (จากนิตยสาร The Economist) ได้คะแนนสูงถึง 97.3 คะแนน คะแนนที่ได้นั้นไม่ได้วัดจากตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่คือคุณภาพชีวิต ทั้งสภาพอากาศ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และการศึกษา หรือพูดง่ายๆ ว่าโครงสร้างทางสังคมเป็นเลิศ แบบ เลิศมาก
• เนื่องจากแวนคูเวอร์อยู่แถบ West ฝั่งเดียวกับแคลิฟอร์เนียและพอร์ทแลนด์ อุณหภูมิโดยรวมจะอุ่นกว่าฝั่ง East หน่อย (แต่ก็หนาวสำหรับเด็กไทยอยู่ดี!) หนาวสุด (และมีฝนประปราย) ประมาณ 6 องศาเซลเซียสในช่วงปลายปี ส่วนหน้าร้อนจะมาราวเดือนกรกฎาคม – กันยายน ซึ่งเรียกว่าเย็นสบายเว่อร์ อากาศกำลังดี ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป
Photo Credit : john-xiao from unsplash
• สถานที่ท่องเที่ยวในแวนคูเวอร์นั้นอาจจะไม่ได้หวือหวาเท่าโตรอนโต เพราะถือว่าเป็นเมืองรองทางเศรษฐกิจ แต่ถ้าจะพูดถึงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาตินั้น ทีนี่ไม่น้อยหน้าที่ไหนเลยล่ะ ที่ดังสุดเห็นจะเป็น Capilano Park ขึ้นชื่อว่าสวนสาธารณะ แต่ขนาดนั้นใหญ่มหึมาราวกับอุทธยานแห่งชาติเลยล่ะ ไฮไลท์คือสะพานไม้ความยาวกว่า 140 เมตร เดินผ่านต้นสนสูงลิบตา สูดกลิ่นอายความเขียวของธรรมชาติ นี่ละจังหวะชีวิตของชาวแวนคูเวอร์
• แต่เดี๋ยวก่อน แต่สถานที่สำคัญอย่างโรงเรียน มหาวิทยาลัย และย่านช้อปปิ้งต่างๆ ก็อยู่ในส่วนที่เจริญ พร้อมมีการคมนาคมอย่างทั่วถึง ระบบขนส่งมวลชนของที่นี่เขาเรียกว่า TransLink ครอบคลุมทั้งรถไฟฟ้า รถบัส เรือเฟอร์รี่ และรถไฟวิ่งต่างเมืองแถบ West Coast ราคาค่าโดยสารรายเดือนอยู่ที่ประมาณ 2,250 บาท เติมเงินในบัตรบีทีเอสก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่หรอก
• อ้อ แอบบอกนิดหนึ่งว่าเด็กไทยมาเรียนต่อที่เมืองนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว มีคอมมูนิตี้เล็กๆ ที่เอาไว้คอยช่วยเหลือกัน แต่ถ้าให้แนะนำนะ มาไกลบ้านทั้งทีอาจจะต้องลืมภาษาบ้านเกิดไว้ก่อน ความหลากหลายในเมืองนี้พร้อมที่จะให้เรามีเพื่อนใหม่ได้อย่างรวดเร็วตลอดเวลา
วีดีโอแนะนำสถาบัน ILSC Vancouver แคมปัส
FYI:
อยากดริ๊งก์เหรอ?
กฎหมายของแคนาดาระบุไว้ว่าผู้ที่ซื้อเครื่องดื่มมึนเมาได้ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 19 ปีบริบูรณ์ ราคาที่ปรากฎอยู่ในเมนูหรือป้ายราคานั้นอาจยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และหากเข้าไปใช้บริการในร้านอาหารหรือสถานบริการต่างๆ การให้ทิปส์เป็นธรรมเนียมที่รู้กัน เรทปกติคือประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์จากสินค้าที่ซื้อ
เรียนต่อแคนาดา
ILSC EDUCATION GROUP เปิดทำการตั้งแต่ปี 1991 โดยมีนักเรียนกว่า 230,000 คน จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลกเข้ารับการศึกษาในสถาบันสอนภาษาอังกฤษ 7 สาขา และ 6 วิทยาลัย ที่ตั้งอยู่ใน 3 ประเทศทั่วโลก สาขาในแคนาดาตั้งอยู่ที่ Vancouver / Montréal / Toronto ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกเรียนได้โดยอิสระทั้งสถานที่และเป้าหมายที่ตนเองต้องการ
ILSC Canada มีตารางเรียนให้เลือก 5 แบบ ได้แก่
1) Full-Time Intensive (FTI เรียน 30 คาบ/สัปดาห์ ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 15:00 น. *เวลาเลิกเรียนต่างกันในแต่ละแคมปัส Vancouver ~ 15:00 , Toronto และ Montréal ~ 14:15),
2) Full-Time Morning* (FTM เรียน 24 คาบ/สัปดาห์ ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 13:00 น.),
3) Full-Time Afternoon* (FTA เรียน 24 คาบ/สัปดาห์ ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 13:15 – 17:15 น.),
4) Part-Time Morning (PTM เรียน 17 คาบ/สัปดาห์ ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 11:15 น.),
5) Part-Time Afternoon (PTA เรียน 13 คาบ/สัปดาห์ ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 13:15 – 17:15 น.)
* Full-Time Morning และ Full-Time Afternoon จะเปิดให้นักเรียนเลือกเรียนได้ตั้งแต่ 4 มกราคม 2021 เป็นต้นไป
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ILSC CANADA คลิกที่นี่