บันทึกประสบการณ์ เรียนภาษาอังกฤษที่ฟิลิปปินส์
เรียนภาษาอังกฤษที่ Phillinter “สัปดาห์ 3-4”
คอร์ส Advance Business
– ไม่มีทางคิดลงเรียนเด็ดขาด หากเมเนเจอร์คนไทยของที่นั่นไม่ขายของมาว่า คอร์สภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจที่นี่ดังมากๆๆ ขนาดมีคนมาขอดูงานหลายคน และน่าจะพัฒนาภาษาเราในระยะเวลาสั้นๆ ได้ดีสุด
– พอได้รู้การออกแบบคอร์สมันก็จ๊าบอยู่ มีความเป็น Project Based Learning คือเขาจะบังคับเราทำ Presentation เรื่องอะไรก็ได้ ในสัปดาห์สุดท้ายเพื่อจำลองการพรีเซนต์ในบริษัทจริงๆ (ต่อหน้านักเรียนและครูแบบในรูป) แล้วเราจะได้ฝึกภาษาอังกฤษในทุกมิติเพื่อพัฒนาไอ้พรีเซนต์ของเราให้ดีขึ้น ทั้งการเขียนคริปต์ การออกเสียง การฟัง การตอบคำถาม
– ทั้งหมดนี้ครูจะพยายามบิ้วท์ให้มันเป็นเรื่องซีเรียสระดับนึง เพราะคอนเซปต์ของคอร์สมันคือการทำงานในโลกของธุรกิจ โกเอน-ครูคนนึงบอกว่า เวลาคุณพูดภาษาอังกฤษ หรือมีคนต่างชาติมาพูดภาษาไทยผิดๆถูกๆใส่คุณ คุณอาจจะขำ รู้สึกว่ามันน่ารัก แต่โลกธุรกิจมันไม่ใช่ เขาจะมองว่าคุณไม่มืออาชีพ ไม่รู้จักเตรียมพร้อม
– แต่ในทางปฏิบัติแล้วไซร้ เราได้ไปเจอกับครูไม่มืออาชีพในการสอนจำนวนหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Buddy Teacher ของเรา (ที่โรงเรียนออกแบบให้เขาคอยเป็นครูคู่ขา ช่วยเหลือให้คำปรึกษาเราทุกเรื่อง) ชื่อ ไอ้แจ็ค
– ไอ้แจ็คเป็นคนเก่ง ปราดเปรื่อง ชอบอ่านการ์ตูน รอบรู้หลายเรื่อง สอนดี แต่เรียนกับมันแล้วโคตรอึดอัด เพราะมันทำหน้าหงุดหงิดใส่เราเวลาออกเสียงไม่ชัด คาบมี 45 นาที มันจะแบ่งเวลาเดินไปนู่นมานี่บ้าง ล้อเลียนการออกเสียงของนักเรียนห้องข้างๆบ้าง จนตอนหลังผมไปถามว่ามันเป็นอะไร แจ็คบอก ผมเบื่ออาชีพนี้แล้ว ทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ นักเรียนมีปัญหาแบบเดิมๆ ซึ่งผมก็จะลาออกวันเดียวกับคุณเนี่ย
– เมื่อประจวบกับการเรียนไปได้ 3 วัน แล้วเรารู้สึกว่าไม่ค่อยได้ไรเลยวุ้ย แถมพอไปสอบวัดระดับเล่นๆ (เพราะไอ้แจ็คแนะนำว่า ไปสอบสิ จะได้ไม่ต้องสอน) ดันสอบผ่านเฉ้ย + เวลาสองสัปดาห์ที่ผมลงมันไปชนกับกิจกรรมกีฬาและวันหยุดช่วงอีสเตอร์พอดี เท่ากับมีเวลาเรียนทั้งหมด 6 วัน ซึ่งก็ไม่เหมาะจะทำไอ้ Presentation ที่ปกติกระบวนการของหลักสูตรมันจะใช้เวลาทั้งหมด 4 สัปดาห์
– คิดได้ดังนั้นผมเลยเปิดโหมดช่างมัน ไม่หวังจะได้อะไรจากคอร์สนี้แล้วโว้ย เอาเวลาวันหยุดไปดูฉลามวาฬดีกว่าโว้ย การ์ตูนรีวิวที่ต้องเขียนก็เริ่มหาทางใช้วิชามาร ไปสัมภาษณ์คนเรียนคอร์สอื่นๆ แทน หรือไปสัมภาษณ์เพื่อนในคอร์สเดียวกับเราก็ได้วะ
– แต่สุดท้ายผมก็เจอจุดเปลี่ยนจากรูมเมทคนเวียดนามและเมเนเจอร์คนไทย (ที่ตั้งใจทำงานชิ๊บ ผมแพ้ทางคนที่เป็นมืออาชีพอะ) ที่ทำให้ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า ก่อนจะถอดใจ ผมตั้งใจทำมันแบบ Best of กู ยังวะ เลยตัดสินใจทำพรีเซนต์ ด้วยระยะเวลา 3 วันกว่าๆ
– มันเลยกลายเป็น 3 วันกว่าๆ ที่ผมกลายเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียนมากๆๆ แบบขอลองเต็มที่กับมันดูดิ๊ ผมอยากรู้ว่าสุดท้ายมันจะพาผมไปไหน
– เราพรีเซนต์เรื่องการ์ตูน ช่วงถามตอบคำถาม ครูคนนึงที่ออกตัวว่าไม่ค่อยสนใจหรือมีความรู้เรื่องการ์ตูนใดๆ ถามว่า “What is your favorite manga? มันเรียกว่า manga ใช่ไหม หรือ mango นะ”
เราเลยตอบว่า “Fillipino mango is my favorite mango” ตอนจบครูคนนี้บอกว่าเราคือหนึ่งในนักเรียนที่ Brilliant ที่สุดตั้งแต่เขาสอนที่นี่มา
– ซึ่งใช่อ่อวะ555 ไม่รู้ แต่เราตกใจที่วันหนึ่งจะมีครูบอกว่าเราเป็นนักเรียนภาษาอังกฤษที่ดีได้
– แต่ผมชอบบบจังงง ชอบความรู้สึกทำอะไรเต็มที่โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องตังค์ เรื่องผลประประโยชน์แบบทุกวันนี้ ทำเต็มที่เพื่อที่จะเรียนรู้ อันนี้เป็นสิ่งที่แก๊งน้องๆ ม.ปลาย คนไทยที่เจอกันที่นี่สอนผมมาอีกที และตอนนั่งเครื่องบินผมก็คิดตลอดเลยว่าทำไงผมถึงจะรักษาไอ้สปิริตแบบนักเรียนๆนี้เอาไว้ พร้อมๆกับทำงานที่ชอบ มีความรับผิดชอบพอที่จะดูแลคนอื่นๆด้วยได้
ปล.ขอบคุณน้องๆๆๆๆ (เจนที่ไม่รู้จักแล้วว่า Silly fools มีเพลงดังไรบ้าง) สนุกดี ขอให้ทุกเติบโตไปในเส้นทางจ๊าบๆ ของตัวเอง ไว้อาจจะเจอกันที่ปากช่อง
ปล.2 แม่จุ๋มซูเปอร์วูแม่น
ปล.3 เน็ต และจูน สุดยอดมากๆ ระดับที่ทำให้รู้สึกว่าถ้าไม่ตั้งใจเรียนหรือเขียนการ์ตูนออกมารีวิวดีๆจะรู้สึกผิด
ปล.4 And also Nguyen Le Hoang Nguyen, the most diligent student I have ever met. Thanks for teaching me many things. cảm ơn bạn!