[รีวิว] เรียนหลักสูตร TOEFL ที่ฟิลิปปินส์ ดินแดนของคนถึก
สถาบัน SMEAG
(Capital Campus)
โดย น้องมาย
ธนพร ภู่อมร
เรียน TOEFL 4 สัปดาห์
ปากที่อ้าจนหว๋อ ตาที่ปิดจนสนิท…
พร้อมกับสติที่หลุดลอยไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ ณ แดนสวรรค์ในจินตนาการ “นี่ช่างเป็นการเดินทางที่สุขสงบจริงๆ” ตอนแรกหนูก็คิดอย่างนั้น แต่ความสุขนี้ก็เป็นอันต้องมาถึงจุดจบเพราะ พี่แอร์สาวชาวฟิลิปปินส์ได้เดินมาปลุก ณ เวลาประมาณตีสอง เพื่อถามว่าจะรับอะไรทานดีระหว่างปลาหรือไก่ และนั่นก็คือประสบการณ์การกินข้าวตอนตีสองครั้งแรกในชีวิตของหนูกับสายการบิน Philippines Airline เที่ยวบิน PR 739 ที่ออกเดินทางจากประเทศไทย ตอนประมาณตีหนึ่งครึ่ง มุ่งตรงสู่ เชบู ประเทศฟิลิปปินส์ค่ะ!!!
นับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของหนู…
ที่ได้มีโอกาสมาฝึกเรียนภาษาอังกฤษ ณ ต่างแดน แต่นี่กลับเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของหนูกับประเทศฟิลิปปินส์ และ คอร์ส TOEFL สุดหฤโหด ที่รับประกันความโหดจนต้องร้องขอชีวิต! (ขออนุญาตเรียกแทนตัวเองว่า หนูนะคะ) ต้องขอท้าวความก่อนเลยค่ะว่า สาเหตุที่เลือกมาเรียนคอร์ส TOEFL ที่ฟิลิปปินส์เนี่ย ไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากมันราคาถูก! และ ด้วยตารางเรียนที่อัดแน่นซะยิ่งกว่านุ่นที่อัดอยู่ในหมอน ทำให้หนูเชื่อว่า ทริปนี้ กลับมาไทย ฉันจะต้องเก่งขึ้นแน่ๆ เพราะงั้นตายเป็นตายละงานเนี๊ยะ!
และก็เป็นอย่างที่คาด เพราะที่นี่เรียนหนักมว้ากก!
สถาบันที่มาเรียนนี้มีชื่อว่า SMEAG โดยสาขาที่หนูเลือกมาเรียน คือ SMEAG Capital Campus (คือ รร. นี้เค้ามีแบ่งหลายสาขาค่ะ ที่หนูรู้คือ ที่เซบูจะมี 3 แคมปัส Sparta, Classic, Capital) โดยคอร์สที่ได้มาเรียนคือ TOEFL 80 ค่ะ อยากจะบอกว่าตอนมาถึงได้รับการต้อนรับดีกว่าที่คิดไว้มาก เพราะมีพี่คนไทยที่ประจำอยู่ที่รร. นี้ไปรับมาจากสนามบินมาส่งถึงสถาบัน เพราะงั้นสบายใจหายห่วงได้เลยค่ะในเรื่องของการรับส่งจากสนามบินสู่รร. นี่ทำได้ดีในระดับที่พอใจเลย เพราะพอมาถึงก็จะมีคุณพี่ยามพาไปเดินทัวร์ แนะนำห้องต่างๆ ในโรงเรียน เค้ามีให้ถุงกระดาษ ที่เรียกว่า Welcome Pack ที่มี น้ำ,กระดาษทิชชู และ ขนมเล็กๆ น้อยๆ มาด้วยค่ะ น่ารักมาก
เข้าสู่ประเด็นหลักกันเลยดีกว่า!
นั่นคือเรื่องของการเรียนการสอน อย่างที่ได้บอกไว้ที่นี่ค่อนข้างเรียนหนักคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปมากค่ะ คือเรียนติดต่อกันทั้งวันเลย ตั้งแต่ 6 โมง 40 ในตอนเช้า ไปจนถึง 2 ทุ่ม 35 ในตอนมืด จะบอกว่าของหนูมีต้องสอบ TOEFL mock test ทุกวันพฤหัสจนถึงประมาณ 4 ทุ่มครึ่งกว่าๆ ด้วย โดยส่วนตัวแล้วจะบอกว่าค่อนข้างชอบตารางเรียนแบบนี้เลย ( ฮาร์ดคอร์ดีมาก ฮ่าๆ ) ถึงแม้ว่าจะหนักไปหน่อยแต่ค่อนข้างรู้สึกได้เลยจริงๆ ค่ะว่าตัวเองพัฒนาขึ้น แถมในคลาสก็มีเพื่อนหลายสัญชาติ หลากอายุมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นคนไต้หวัน,จีน,มองโกเลีย,ญี่ปุ่น,เวียดนาม หรือ รัสเซีย แถมทุกคนก็ดูยินดีที่จะได้คุย ได้เป็นเพื่อนกัน คือเค้าค่อนข้างเปิดใจกันในระดับนึงเลย เพราะฉะนั้นการหาเพื่อนจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณ ขอเพียงคุณต้องทำตัวเฟรนลี่เข้าไว้ค่ะ!
เรามาคุยต่อกันเรื่องอาหารการกินกันบ้างดีกว่า
บางคนอาจบอกว่าเรื่องของกินอะไม่สำคัญหรอก แต่สำหรับสตรีกินจุอย่างหนูต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้สำคัญมากถึงมากที่สุด! จะบอกว่าต้องค่อนข้างทำใจหน่อยนะคะ เพราะตารางอาหารก็จะมีวนซ้ำกันบ่อยอยู่ มีสลัดบาร์ที่มีผัก ผลไม้ให้เลือกกินบ้าง แต่มันก็จะเป็นของเดิมๆ โดยบางครั้งจะมีการซ้ำติดกันหลายวันเช่นมีสับปะรดให้กินติดกันทั้งอาทิตย์หรือมีแตงโมติดกัน 4-5วัน จุดเด่นอีกอย่างนึงของสลัดบาร์ที่นี่คือมีกะหล่ำปลีให้เลือกกินได้อย่างจุใจ มีกะหล่ำปลีมันทุกวี่ทุกวัน กินจนเมากะหล่ำปลีกันไปเลยทีเดียว อีกอย่างนึงเลยคืออาหารที่นี่เค้าค่อนข้างจะติดหวานและเค็มจัด แต่หนูมองว่ารสชาติอาหารถ้าดูรวมๆ ก็ถือว่าพอรับได้อยู่นะ อาจจะต้องมีพกมาม่า,น้ำพริกหรือโจ๊กคัพมากินแก้เบื่อกันบ้าง แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก อาหารที่นี่ก็ถือว่าโอเคเลยล่ะ
อีกเรื่องนึงที่อยากจะฝากไว้…
คือควรพกกระติกน้ำมากันด้วยนะคะ ที่นี่เค้าจะมีตู้ให้กดน้ำตั้งไว้อยู่รอบๆ ถ้าพกกระติดน้ำมาก็จะสามารถ กดดื่มได้เลย แต่ก็ไม่ต้องห่วงนะ เพราะแถวนี้ก็มีซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ตั้งอยู่ใกล้ๆ ด้วย ถ้าขาดเหลือยังไงก็สามารถเดินไปซื้อได้ตลอดค่ะ แล้วก็ที่นี่เค้าค่อนข้างมีระบบการเข้า-ออกโรงเรียนที่เข้มงวดมาก สำหรับพี่ๆ น้องๆ คนไหนที่ยังอายุไม่ถึง 18 ปี แบบหนูแล้วต้องการออกไปข้างนอกโรงเรียน อย่าลืมให้ผู้ปกครองเซ็นใบอนุญาตให้ออกกันด้วยนะคะ เพราะถ้าไม่มีใบนั้น เหมือนทางโรงเรียนเค้าจะ บันทึกว่าเราไม่สามารถออกไปข้างนอกได้โดยอัตโนมัติเลย
ขอแอบกระซิบว่า…
แถวนี้มีที่ให้เดินเล่นหลายที่เลยค่ะ หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า ข้างนอกเนี่ยอันตรายมาก ต้องนั่งแท็กซี่ตลอด ห้ามออกมาเดินนะ หนูจะบอกว่าจริงครึ่งนึงค่ะในฐานะที่เคยออกมาเดินดุ่มๆ ข้างนอกแล้ว เพื่อนๆ ทุกคนมีความเห็นเดียวกันหมดเลยคือฟิลิปปินส์น่ากลัวจริงแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวเว่อร์ขนาดนั้นนะ เวลาจะออกไปไหนต้องไปกันเป็นกลุ่ม แล้วต้องระมัดระวังตัวมากๆ เท่านั้นเอง เช่นไม่ควรเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น หรือ พกของมีค่าติดตัวไปเยอะๆ เพราะมีสิทธิ์โดนล้วงเอาไปหนักมากค่ะ ส่วนรถจิ๊ปนี่ที่เค้าบอกกันว่าไม่ควรไปนั่ง หนูเห็นเพื่อนชาวเวียดนามไปนั่งแล้วเค้าก็บอกว่าไม่ได้มีอะไรนะคะ แต่อันนี้หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม…
นี่เป็นเพียงความคิดเห็นของหนูเท่านั้น อาจมีหลายสิ่งที่คนอื่นคิดต่างออกไป ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนนะคะ ยังไงก็ตามหวังว่าบทความนี้จะได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจของใครหลายๆ คนและทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงส่วนนึงของประสบการณ์ที่หนูได้รับจากที่นี่ หวังว่าทุกคนจะได้มีโอกาสมามีความทรงจำที่เหมือนจะทรมานแต่ก็มีความสุข แบบนี้เหมือนหนูกันนะคะ
เรียนภาษาอังกฤษกับ SMEAG คลิกที่นี่