รีวิว เรียนและค้นหาตัวเองกับหลักสูตร 2+2 University Transfer
ที่สถาบัน Edmonds College โดยคุณแก้ม
ทำไมถึงเลือกมาเรียนต่อที่อเมริกา?
ตอนอยู่มัธยมหนูไม่รู้จะเลือกเรียนอะไร มหาวิทยาลัยไหนดี พ่อเลยเสนอว่าลองไปเรียนต่างประเทศไหม พวกอเมริกา มันได้เปิดโลกกว้างขึ้นแล้วพวกคณะที่อเมริกามันจะมีคณะย่อยกว่า ลงลึกมากกว่า ก็เลยลองเปิดโอกาสตัวเองดูค่ะ แล้วพอดีตอนนั้นภาษาอังกฤษหนูไม่ได้แข็งแรง ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ มันจะยากค่ะ พ่อเลยค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วมันมี community college ที่อเมริกาเยอะค่ะ
ทำไมถึงเลือกเรียนที่ Edmonds College?
พอดีพ่อไปเจอ Youtube ก้อปันกัน แล้วที่นี่เขามีหลักสูตร 2 ปีก็เลยดูมาเรื่อย ๆ ทั้ง Edmonds กับ Shoreline ค่ะ แต่ที่เลือก Edmonds เพราะ community ของที่นี่ และโดยรวมแล้วเขามีอะไรให้ทำมากกว่า Shoreline ค่ะ
เนื้อหาที่เรียนได้เรียนอะไรบ้าง ช่วยเล่าความน่าสนใจของหลักสูตรนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ?
ส่วนใหญ่ที่ทุกคนต้องได้เรียนจะมี Accounting, Math และก็อีกอันนึงที่หนูคิดว่าน่าสนใจคือ Business Law มันคือการเรียนเกี่ยวกับกฎหมายที่อเมริกาเลยค่ะ อาจารย์ที่สอนเป็นทนายความพวกคดีอาชญากรรม แต่เขามาสอน Business Law แล้วเขาอธิบายกฎต่าง ๆ และก็พาเราไปดูบรรยากาศในศาลพิพากษาคดีเลยค่ะ หนูไปศาลที่อยู่แถวนี้คือ Superior court ไม่ได้เกี่ยวกับธุรกิจนะคะแต่เขาให้ไปดูบรรยากาศ ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายต่าง ๆ มันอยู่รอบตัวเราอยู่แล้ว ซึ่งเราจะต้องเผชิญ ให้เราเก็บประสบการณ์ไปก่อน และก็สอนเรื่องสัญญา กฎต่าง ๆ ยากมากค่ะสำหรับหนู ไฟนอลคือให้นำเสนอ โดยให้เราคิดคดีของเราขึ้นมาและก็แบ่งเป็นสองฝั่งนำเสนอเลยว่าเราจะช่วยเคสเราอย่างไร สนุกนะคะแต่ศัพท์กฎหมายค่อนข้างยากค่ะ ยิ่งตอนหาข้อมูลศึกษาเรื่องกฎหมายของที่อเมริกาค่อนข้างยากเลยค่ะ โชคดีที่เพื่อนในกลุ่มเป็นคนอเมริกัน เขาเลยชินกับการค้นหาข้อมูลของที่นี่ค่ะ ที่นี่เวลาเรียนจะเลือกคลาสเอง นักเรียนที่นี่จะต่างคนต่างเรียน หรือบางวิชาเช่นวิชาเลข ครูจะสลับโต๊ะทุกวันให้เราได้คุยกับเพื่อน ๆ คนอื่นเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพราะอยากให้เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันให้ทั่ว ครูบางวิชาก็พูดคุยกับนักเรียนในเรื่องที่ทำให้ห้องเรียนมันไม่น่าเบื่อ อันนี้ดีนะ มันทำให้เราเป็นคนที่สามารถพูดคุยเข้าสังคมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
อยากให้ช่วยแชร์ประสบการณ์การทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ college ค่ะ ได้ทำอะไรมาบ้าง?
ด้วยความที่ Edmonds มีนักเรียนต่างชาติค่อนข้างเยอะ มันจะมีคลับของนักเรียนแต่ละชาติค่ะ กลุ่มที่นักเรียนเยอะหน่อยก็จะมีกลุ่มคนจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย แต่คนไทยน้อยมากเลยไม่มีคลับคนไทยค่ะ แล้วก็พวกกิจกรรมใหญ่ ๆ ของโรงเรียนซึ่งหนูไม่ค่อยได้เข้าร่วมงานใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่หนูจะเข้าร่วมงานย่อย ๆ อย่าง Joyful night, Talk time และ Friday night ซึ่งมันจะเป็นคลับที่เราจะได้ไปเจอคนใหม่ ๆ คุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องไบเบิลก็มี และก็คลับ Talk time หนูว่าดีมาก เพิ่งไปมาก่อนมาสัมภาษณ์กับพี่เลยค่ะ มันคืออีเวนท์ที่เพิ่งจะได้ตั้งเป็นคลับของโรงเรียนปีนี้เองค่ะ เป็นกิจกรรมฝึกภาษาอังกฤษกัน เพราะที่โรงเรียนจะมีกลุ่มเด็กญี่ปุ่นที่มาแลกเปลี่ยนทุกปี ส่วนใหญ่เขาจะมาเรียนรู้ภาษาอังกฤษ Talk time เลยกลายเป็นที่ที่นักเรียนคนอื่น ๆ จะมาเรียนรู้ พูดคุยภาษาอังกฤษด้วยกัน คลับนี้ตอนแรกตั้งมาสามสิบปีแล้ว แต่จะมีกลุ่มผู้ใหญ่ที่อยู่ที่อเมริกาเขาจัดกันขึ้นมาร่วมกับ Edmonds แต่ทางวิทยาลัยเพิ่งรับรองให้เป็นคลับของโรงเรียนเมื่อปีที่แล้วเองค่ะ แล้วก็มีอีกงานที่หนูเพิ่งเข้าไปร่วมทำงานด้วยคือเป็น International Assistant (IA) เป็นอาสาสมัครช่วยนักเรียนวันปฐมนิเทศพานักเรียนทัวร์ ลองไปทำดูค่ะ ก็ได้ประสบการณ์เยอะ มีช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ และพาไปทัวร์ที่ Seattle
แล้วก็มีกิจกรรม International night ค่ะ 1 ปี มีจัดงานนี้ขึ้น 2 ครั้ง เขาเปิดโอกาสให้สมัครเลยค่ะว่าเราอยากนำเสนออะไรเกี่ยวกับประเทศของเรา เราอยากจะร้องเพลง เต้น อะไรก็ได้ หนูไม่ได้ไปโชว์อะไร หนูแค่ไปถือธงประเทศไทยฟูลเทิร์น 1 รอบแค่นั้น เป็นงานที่ให้เอาวัฒนธรรมของประเทศเราไปแชร์ให้ต่างชาติได้รู้ และก็จะมีอีกงานนึงที่หนูคิดว่าน่าสนใจคือ Transfer fair คือเขาจะเชิญหลาย ๆ มหาวิทยาลัยมาให้นักเรียนได้ศึกษาว่าจะไปต่อที่ไหน นักเรียนสามารถมาปรึกษาว่าต้องใช้คะแนนหรือเอกสารอะไรบ้าง มีมหาวิทยาลัยจากหลายที่มาเยอะมากค่ะ UW, Texas, Arizona งานนี้จัดประมาณ 2 ครั้งต่อปี
ช่วยเล่าวิธีการเข้าไปทำงานเป็น International Assistant ให้ฟังได้ไหมคะ
คือมันจะมีงานของ staff ที่ Edmonds ที่ต้องคอยจัดปฐมนิเทศสำหรับนักเรียนใหม่ทุก quarter เขาเลยต้องการ volunteer จากนักเรียน จะมีสองตำแหน่งคือ International Assistant (IA) กับ International Leader (IL) อย่างแรกต้องมีเขียนแบบฟอร์มทางลิงค์ เราต้องตอบคำถามในเชิงว่าเราจะจัดการปัญหายังไง ด่านต่อไปคือสัมภาษณ์กลุ่ม ลงวันเวลาสัมภาษณ์ และก็ไปสัมภาษณ์กันเป็นกลุ่มค่ะ เขาจะไล่ถามคำถามทีละคน ถาม 3-4 คำถาม แล้วพอเราผ่าน จะมีปฐมนิเทศ 2 วัน วันแรกคือวันที่นักเรียนอยู่ใน Hall จะพูดคุยสรุปกันเรื่อง โรงเรียนเป็นยังไง security อยู่ตรงไหน ตึกคืออะไร เป็นปฐมนิเทศน์ย่อย ๆ ก่อน ส่วน IA กับ IL จะทำหน้าที่คอยจัดการดูแลงาน เขาจะมี 3 section ลงทะเบียน จัดโต๊ะ และดูแลอาหาร ซึ่งหนูดูแลฝ่ายขนมอาหารค่ะ ส่วนใหญ่เราก็จะพยายามชวนนักเรียนใหม่คุย พานักเรียนไปดูรอบโรงเรียนในวันแรก ส่วนวันที่สอง IA กับ IL จะจับคู่กัน พานักเรียนทั้งหมดไปทัวร์ที่ Seattle วางแผนกับนักเรียนว่าจะไปไหน มันเป็นครั้งแรกที่หนูได้ลองฝึกควบคุมสถานการณ์ ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยจะแก้ไขยังไง ปัญหาส่วนใหญ่ที่นักเรียนจะเจอคือเรื่องการเหยียดหรือคำพูดที่ไม่สุภาพ ถ้ามีคนพูดไม่สุภาพเราจะแก้ปัญหายังไง งานนี้จะมีเปิดรับสมัครทุก quarter ทำจบก็จบงานค่ะ จริง ๆ พวกกิจกรรมโรงเรียนยังมีอีกนะคะ อย่างสายกีฬาก็มี พวกแข่งบาสเก็ตบอลมีออกไปแข่งข้างนอกโรงเรียนด้วยนะคะ และก็จะมีอีกกิจกรรมนึงน่าสนใจมากค่ะ คือ study aboard ให้นักเรียนไปเรียนรู้ภาษาวัฒนธรรมต่างประเทศ 3 เดือนค่ะ มีหลายประเทศให้เลือกเลย คอสตาริก้า ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เกาหลีค่ะ
ทราบมาว่าน้องแก้มมีช่วยเหลือนักเรียนจากทางก้อปันกันด้วยใช่ไหมคะ?
จริง ๆ ไม่เชิงช่วยเหลืออะไรขนาดนั้นค่ะ แต่เมื่อช่วงเทอม Fall กับเทอมนี้เทอม Winter มีนักเรียนจากก้อปันกันมา เราก็ช่วยเหลือเขามีการแชทคุยก่อนว่ามีอะไรสงสัยไหม คนแรกน้องเขาพักอยู่หอเดียวกับหนูด้วย เลยได้เจอหน้ากันที่หอ ก็พูดคุยว่าเขารู้อะไรมาบ้าง สถานที่ วิธีการเดินทาง อะไรประมาณนี้ค่ะ อย่างของเทอมนี้มีน้องเขามาและพ่อน้องเขาก็ทักมาสอบถามเรื่องวิธีการจ่ายเงินผ่านเว็บไซต์ แล้วตอนนั้นหนูเป็นหัวหน้าทีมที่พาน้องไปทัวร์พอดี เลยได้คุยกับน้องเยอะมาก ก็ได้ช่วยถ่ายรูปแจ้งข้อมูลต่าง ๆ ให้น้อง ได้คุยกับน้องเรื่องการอยู่หอพัก วิธีการสั่งของ วิธีการเดินทาง ที่ตั้งสถานที่ต่าง ๆ ประมาณนี้ค่ะ
หลังจากได้ทำงานร่วมกับ college และได้ช่วยเหลือนักเรียนคนอื่น ๆ แล้วรู้สึกว่าได้อะไรบ้างคะ?
หนูได้ฝึกทักษะการพูดค่อนข้างเยอะเลยค่ะ เพราะต้องสื่อสารกับคนหลายประเภท ทำให้เราต้องมีความกล้าในการสนทนากับคนแปลกหน้า หนูเข้าใจนักเรียนใหม่มากค่ะเพราะบางคนก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาก หรือบางคนยังไม่กล้าคุยกับคนอื่น หนูเลยต้องทำหน้าที่ตรงนั้นคือพยายามชวนพวกเขาคุยค่ะ ได้ทำงานกับคนเยอะ โชคดีที่คนที่หนูทำงานด้วยหนูรู้จักพวกเขามาประมาณนึงแล้ว เลยปรับกันไม่ยากค่ะ จริง ๆ ตั้งแต่หนูมาที่อเมริการู้สึกว่าทักษะการพูดภาษาอังกฤษหนูพัฒนาขึ้นเยอะมาก เพราะที่ไทยหนูกังวลเรื่องแกรมมาร์มากแล้วหนูชอบดูหนัง ฟังเพลงและคุย แต่เราจะมีความกังวลเรื่องแกรมมาร์ว่าพูดถูกไหม แต่พอมาอเมริกา ครูที่นี่จะบอกว่าขนาดคนอเมริกันบางคนเวลาพูด แกรมมาร์ก็ไม่ได้เป๊ะขนาดนั้น ถ้าเราไม่ได้คิดจะเขียน เราพูดแล้วคนฟังเข้าใจก็โอเคแล้วค่ะ
สังคมเพื่อนและสังคมในวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง?
ภาพรวมสำหรับหนู ด้วยความที่นักเรียนมีหลากหลายเชื้อชาติมากค่ะ เลยทำให้ไม่มีการเหยียดกันค่ะ อาจจะมีเรื่องวัฒนธรรมที่ต่างกัน แต่เรื่องการเหยียดหนูไม่มองว่าเป็นเรื่องเชื้อชาติ แต่มันอยู่ที่นิสัยของแต่ละคน หนูไม่แน่ใจว่าที่อื่นมีการเหยียดเยอะไหม แต่มีที่นึงที่น้องเพื่อนหนูอยู่ เขาถูกเหยียดเพราะคนเอเชียที่ Texas น้อย บวกกับเป็นมัธยมปลายก็จะมีแต่คนอเมริกัน แต่ที่ Edmonds มีเอเชียเยอะเลยค่ะ แต่ที่หนูรู้จักและได้เจอคนไทยไม่ถึงสิบคนและส่วนใหญ่ก็มาจากก้อปันกันค่ะ 55555 ปีที่หนูมานักเรียนจากก้อปันกันเยอะสุดแล้วค่ะ
เมืองที่อยู่เป็นยังไง หลังจากอยู่เมืองนี้แล้ว คิดว่ามีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้างคะ?
ถ้าเป็นใน Seattle ค่อนข้างใหญ่ค่ะและก็ต่างจากที่กรุงเทพเลย ที่กรุงเทพเราเดินไปไม่กี่นาทีก็ถึงตลาดหรือไม่ก็ 7/11 ที่นี่ด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่ เขาก็ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า สถานที่เขาจะใหญ่มาก จนหนูยังเดินไม่ทั่ว ที่นี่ฝนตกบ่อยช่วงนี้ตกทุกวันเลย แล้วก็จะมีคนไร้บ้านสองสามคนในแต่ละย่าน หนูก็จะไปไหนมาไหนกับเพื่อนตลอด ส่วนเมืองบรรยากาศดีมากค่ะ แต่ละที่บรรยากาศไม่เหมือนกันเลย โซน Seattle จะเป็นอีกความรู้สึกนึง โซน Bellevue ก็เป็นอีกแบบนึง ห้างต่าง ๆ ที่ Bellevue จะคล้ายกับ Paragon ที่กรุงเทพเป็นย่านคนมีเงิน แต่สำหรับหนูบ้านเมืองเขาดีมาก รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ ภูเขา หลายคนชอบกิจกรรม hiking ส่วนหนูว่าง ๆ ส่วนใหญ่ชอบไปเดิน Grocery store เพราะสิ่งสำคัญในชีวิตหนูคืออาหารค่ะ 5555 ไม่ค่อยได้ shopping เท่าไหร่ค่ะ เพราะสไตล์ไม่ค่อยถูกใจ และก็ชอบออกไปกินข้าวนอกบ้านกับเพื่อน ๆ แต่ปกติหนูไม่ค่อยได้ไป Seattle เท่าไหร่เพราะโซนที่หนูอยู่ค่อนข้างมีอะไรเยอะเหมือนกันค่ะ และด้วยความที่นั่งรถบัสจากโรงเรียนไปห้างแค่ 20 นาที ตรงห้างมีโรงหนัง มีซุปเปอร์มาร์เก็ตอาหารเอเชีย มีห้องสมุด และก็ Edmonds downtown ซึ่งตรงนี้จะมีโซนสำหรับร้านเล็ก ๆ เดินชิล ๆ วันเสาร์แดดดีดี เขาจะตั้งตลาด มีบูธขายป็อปคอร์น หนูมาเลือก Edmonds ด้วยเหตุผลนี้ด้วยค่ะว่าถ้าเราไม่ได้อยากไปเมืองใหญ่อย่าง Seattle เราอยู่แถวนี้เราก็พอดีแล้วค่ะ ค่าครองชีพอยู่ในระดับที่โอเค เมืองนี้ค่าครองชีพอยู่ระดับกลาง ๆ ค่ะไม่ได้สูงมากไปหรือต่ำไป ข้อที่หนูไม่ชอบที่นี่คือร้านอาหารกลางคืนปิดเร็วมาก มันไม่มี 24 ชม. แบบที่ไทยเลยต้องตุนไว้ในตู้เย็นค่ะ และก็เรื่องคนไร้บ้านต้องพยายามเลี่ยง ถ้าเจอเขาให้เดินผ่านแบบไม่สนใจค่ะ แต่บริเวณที่หนูอยู่ไม่ค่อยมีคนไร้บ้านค่ะ แต่อาจจะเจอได้บ้างที่ Seattle ค่ะ
มีข้อคิด คำแนะนำอะไรเพิ่มเติมสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยากมาเรียนต่อหรือมาอยู่อเมริกาบ้างไหมคะ?
คนที่ยังไม่รู้จะเรียนอะไร ยังหาตัวเองไม่เจอเลย ลองเปิดรับสิ่งที่เราไม่เคยรู้เลย พวกภาษากับคณะที่นี่เขาจะย่อยกว่าเรามาก ย่อยจนถึงขั้นที่คิดว่าทุกอย่างมันเป็นวิชาได้ด้วยหรอ ทางเลือกเรามันเพิ่มขึ้น มันจะช่วยให้เราได้รู้จริง ๆ ในเรื่องที่เราสนใจ แล้วก็เราได้เพื่อนใหม่เยอะมาก ๆ ค่ะ มันเหมือนกับการสร้าง connection ด้วย ได้แลกเปลี่ยนการทำงาน เพราะที่นี่เองไม่ใช่นักเรียนอายุเท่ากัน แต่บางคนอายุ 30-40 ปี ก็มาเรียนค่ะ เราได้แลกเปลี่ยนทั้งประสบการณ์ การทำงานที่เขาทำมามันเป็นอย่างไร ได้ความคิดเห็น และเปิดมุมมองใหม่ ๆ ค่ะ
ทำไมถึงเลือกใช้บริการก้อปันกัน ช่วยรีวิวก้อปันกันให้ฟังได้ไหมคะ?
อย่างที่หนูบอกค่ะว่าพ่อเป็นคนที่เจอ Youtube ก้อปันกันคนแรก พ่อก็มาแนะนำแก้ม ตอนดูคลิปต่าง ๆ พี่เขาก็แนะนำ อธิบายเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศ อเมริกา แคนาดา เรียนภาษา หรือเรียนต่อมหาวิทยาลัย ซึ่งพี่ ๆ เขาก็มีประสบการณ์การเรียนจากต่างประเทศเหมือนกัน เราก็อยากปรับภาษาด้วย และเราเองก็อยากไปเรียนต่ออเมริกา แต่ถ้าเราอยากจะประหยัดเงินไว้ก่อนครึ่งนึง อยากเรียน 2 ปี ที่ college ที่นี่ก็มีโปรแกรม 2 ปี + 2 ปี ก็เลยติดต่อทางก้อปันกันไป ตอนนี้พี่ ๆ ทีมงานก็ยังติดต่อถามไถ่ ล่าสุดปีที่แล้วพี่กันต์กับพี่ทิศาก็มาถ่ายรีวิว อัพเดตที่ Edmonds มีการแชร์ความรู้สึกประสบการณ์ที่เรียนมาที่นี่ การทำงานพี่ ๆ ดีมาก พยายามช่วยอธิบายในเรื่องที่หนูไม่เข้าใจ อย่างตอนที่จะมา ต้องทำวีซ่า พี่กันต์ก็ช่วยเตรียมคำถามให้ ช่วยบอกเราว่าไม่ต้องเกร็งนะ ช่วยอธิบายในส่วนที่พี่เขามีประสบการณ์มาก่อนค่ะ
