Photo Credit : Stanley Morales from Pexels
College กับ University แตกต่างกันอย่างไร ?
คำว่า college (วิทยาลัย) และ university (มหาวิทยาลัย) มีความหมายที่แตกต่างกันในสังคมที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม การมองโลกที่กว้างใหญ่ด้วยมุมมองที่เราคุ้นเคยอาจปิดกั้นโอกาสในการทำความเข้าใจสิ่งที่แตกต่าง ยกตัวอย่างภาษาสเปน ที่มีคำว่า ‘colegio’ หมายถึงโรงเรียนมัธยมปลาย (high school) เมื่อผู้ที่ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาหลักค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการต่อต่างประเทศ เช่น อเมริกา พวกเขาอาจจะมองข้ามสถาบันที่มีคำว่า “college” ในชื่อไป ถึงแม้ว่าวิทยาลัยอาจจะเหมาะสมกับความต้องการของหลายๆคนที่กำลังวางแผนเรียนต่ออเมริกามากกว่ามหาวิทยาลัยก็เป็นได้
Photo Credit : Pixabay from Pexels
สำหรับภาษาอังกฤษแบบ british คำว่า university ถูกใช้อย่างกว้างขวางกว่า college ที่มักจะให้ความหมายเหมือนกับภาคแขนงที่ตั้งและอำนวยการสอนนักศึกษาอยู่ภายในมหาวิทยาลัย เช่น Oxford University ที่มีกว่า 40 college ในมหาวิทยาลัย ในขณะที่ university จะหมายถึง สถาบันที่ออกวุฒิการศึกษา ซึ่งนัยยะนี้มีความคล้ายคลึงกันกับวัฒนธรรมแคนาเดียนและออสเตรเลียน
Photo Credit : jimmy teoh from Pexels
ในสังคมไทย เมื่อพูดถึงการเรียนต่อวิทยาลัย มันอาจฟังดูติดลบมากกว่ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะด้วยมุมมองต่อคุณภาพการศึกษา หรือสภาพแวดล้อมของวิทยาลัย … หรือเมื่อพูดถึงหลักสูตรการเรียนปริญญาตรีแบบ 2+2 University Transfer ที่เรียนวิทยาลัย 2 ปี เพื่อโอนศึกษาต่อมหาวิทยาลัย 2 ปี ในอเมริกา คนไทยมักจะนึกถึงการเรียนหลักสูตรวิชาชีพหรือปวส. เพื่อโอนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย แม้ว่าในความเป็นจริง ระบบและหลักสูตรการเรียนนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
Photo Credit : Nout Gons from Pexels
สำหรับภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน หลังจากที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้ว ชาวอเมริกันมักจะใช้วลีว่า “going to college” มากกว่า “going to university” ถึงแม้สถาบันที่บุคคลนั้นเข้ารับการศึกษาจะมีคำว่า university ในชื่อของสถาบัน นอกจากนี้แล้ว ยังมีสถาบันที่มีชื่ออิงกับสถานที่ตั้งเหมือนกัน แต่ใช้คำลงท้ายที่แตกต่างกัน อาทิ Boston College และ Boston University
ทั้งหมดนี้ล้วนฟังดูน่าสับสนใช่ไหมครับ? ดังนั้นในบทนี้ เราจะมาเล่าถึงความแตกต่างระหว่าง college และ university เพื่อการเปิดมุมมองและการทำความเข้าใจความหมายของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศอเมริกาและแคนาดา
Photo Credit : Pixabay from Pexels
ความแตกต่างระหว่าง College และ University ในอเมริกาที่สำคัญและชัดเจนที่สุด คือ ขนาดของสถานศึกษา
มหาวิทยาลัยมักจะเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรี (undergraduate) ปริญญาโท (graduate) และปริญญาเอก (doctorate) หมายความว่ามหาวิทยาลัยจะมี school ที่หลากหลายตั้งอยู่ภายใน เช่น a School of Business, College of Liberal Arts and Sciences, a School of Engineering และอื่นๆตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัย ทำให้มหาวิทยาลัยส่วนมาก (โดยเฉพาะ public university) มักจะมีจำนวนนักศึกษามากกว่าวิทยาลัย
เนื่องจากมหาวิทยาลัยส่วนมากเปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก พันธกิจของมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จึงมีความเกี่ยวข้องกับงานวิจัย ทำให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยมักจะมีโอกาสสำหรับงานวิจัยที่มากกว่าวิทยาลัย อย่างไรก็ตามนักศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยอาจจะต้องแข่งขันกับนักศึกษาปริญญาโทสำหรับโอกาสและทรัพยากรในการทำงานวิจัย
ในขณะที่วิทยาลัยโดยทั่วไปจะเปิดสอนถึงแค่หลักสูตรปริญญาตรี วิทยาลัยบางส่วนได้เปิดสอนหลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขาต่างๆ อาทิ Dartmouth College และ Boston College ซึ่งเลือกที่จะไม่ใช้คำว่า university เพียงเพราะต้องการที่จะรักษาความเป็นแบบฉบับที่ดั้งเดิมเอาไว้
วิทยาลัยอีกส่วนหนึ่ง อาทิ community college อาจเปิดสอนและออกวุฒิการศึกษา 2 ปี ที่เรียกว่า associate degree เท่านั้น ซึ่งนักศึกษาจะต้องโอนไปศึกษาต่อในสถาบัน 4 ปี เพื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยหลักสูตรและวิชาเรียนที่เปิดสอนใน community college สำหรับนักเรียนที่ต้องการโอนเข้าศึกษาป.ตรีในมหาวิทยาลัยจะเหมือนกันกับหลักสูตรและวิชาเรียนของในมหาวิทยาลัย
และ วิทยาลัยอีกกลุ่มหนึ่งเป็น liberal arts college จัดหลักสูตรการศึกษาที่เปิดกว้างแบบสหวิทยาการ รวบรวมการศึกษาในภาคแขนงต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน แทนที่จะเน้นจัดการศึกษาเฉพาะทางในด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้และความสามารถแบบองค์รวม หรือเป็นบุคลากรที่ well-rounded
Photo Credit : Andre Furtado from Pexels
แล้วความแตกต่าง college กับ university ในแคนาดาล่ะ?
คล้ายๆกันกับในอเมริกา มหาวิทยาลัยในแคนาดาโดยทั่วไปจะเปิดสอนและออกวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นต้นไป โดยมหาวิทยาลัยมักจะอิงกับทฤษฎีและความเป็นวิชาการ ในขณะที่วิทยาลัยมักจะเปิดสอนหลักสูตร diploma, certificate และมีบางแห่งที่เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีแบบประยุกต์ (Bachelor’s Degree in applied) โดยมุ่งเน้นไปที่การประกอบอาชีพและการทำงาน การนำไปใช้และการลงมือปฏิบัติจริงมากกว่า
วิทยาลัยโดยทั่วไปแล้วจะให้ความสำคัญกับชุดทักษะเฉพาะสำหรับการทำงาน การอบรมวิชาชีพ และการค้ามากกว่า เนื่องจากหลักสูตรการเรียนจะออกแบบมาโดยอิงกับความต้องการของผู้ว่าจ้างและความต้องการของตลาดแรงงาน
Photo Credit : Pixabay from Pexels
แล้วจะเลือกเรียนต่อ College หรือ University ดี?
นี่คงเป็นคำถามของหลายคนที่กำลังเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่ออเมริกา หรือเรียนต่อแคนาดา
สำหรับประเทศอเมริกาและแคนาดาแล้ว คุณภาพการศึกษาโดยรวมของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยนั้นมีความเสมอภาคกัน (โดยเฉพาะในสถาบันของรัฐ) ปัจจัยที่สำคัญต่อการพิจารณาเลือกสถาบันอาจขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและความต้องการของนักเรียนมากกว่า เช่น หากนักเรียนต้องการเข้าศึกษาต่อในสถาบันที่มีขนาดใหญ่กว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ใหญ่กว่า เช่น สนามกีฬา labs ห้องสมุด ที่ใหญ่กว่า และไม่ต้องการย้ายสถานศึกษาในช่วงชั้นปี 2 ขึ้นปี 3 มหาวิทยาลัยโดยทั่วไปแล้ว อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
แต่หากนักเรียนให้ความสำคัญกับจำนวนนักเรียนต่อห้องที่น้อยกว่า ในวิทยาลัยจะมีนักเรียนเฉลี่ย 20 – 30 คนต่อห้อง (ในขณะที่มหาวิทยาลัยจะมีประมาณ 200 – 300 คนต่อห้องเรียนเป็นอย่างต่ำ)โอกาสของการปฏิสัมพันธ์และความสัมพันธ์กับผู้คนโดยเฉพาะผู้สอนในวิทยาลัยจึงมีมากกว่า การประหยัดค่าใช้จ่าย และการมีตัวเลือกมหาวิทยาลัย สำหรับการเลือกพิจารณาในเข้าเรียนต่อช่วงปี 3-4 ที่มากขึ้น การเริ่มเรียนในวิทยาลัยอาจจะตอบโจทย์มากกว่า
“Think about what you want your college experience to be like, and choose the college or university that meets your expectations.”
…
อ้างอิง
• What is the difference between a college and a university by Best Value Schools : คลิก
• What’s the difference between a ‘college’ and a ‘university’ by USA Today : คลิก
• College v.s University in the U.S. : What’s the difference? : คลิก
• What is the difference between college and university in Canada? : คลิก