[รีวิว] เรียนหลักสูตร Intensive English ที่แคนาดา ระยะเวลา 7 เดือน กับสถาบัน ILAC โดย เบสท์

รีวิว เรียนหลักสูตร Intensive English ที่แคนาดา
กับสถาบัน ILAC โดย เบสท์

รบกวนแนะนำตัวหน่อยค่ะ

ชื่อเบสท์ ธีระศักดิ์ ประไพวรรณ์กุล อายุ 24 ปีครับ

ไปเรียนหลักสูตรอะไร เมืองไหน เรียนนานแค่ไหน

ไปเรียนหลักสูตร Intensive English ที่ ILAC เป็นระยะเวลา 7 เดือน ที่ Toronto ประเทศแคนาดาครับ

ทำไมถึงตัดสินใจไปเรียนภาษาอังกฤษที่แคนาดา ตอนนั้นระดับภาษาของเราเป็นยังไง

ตอนนั้นผมทำงานกับหัวหน้าของผมซึ่งเป็นชาวอิตาลี แล้วรู้สึกว่าภาษาอังกฤษของผมไม่ดีเท่าที่ควรเพราะเราสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ก่อนที่จะไปแคนาดาภาษาอังกฤษของผมอยู่ในระดับที่พอฟังได้ในระดับหนึ่ง แต่พูดแทบไม่ได้เลย บางทีหัวหน้าเขาพูดอะไรมา ผมก็เข้าใจแต่ไม่รู้จะอธิบายออกมาได้ยังไง หรือบางครั้งเวลาเขาพูดผมก็ฟังได้ไม่ถนัด ต้องคอยถามพี่ที่ร่วมงานด้วยกันว่าหัวหน้าเขาพูดว่าอะไร หมายถึงอะไรอยู่บ่อยๆ ผมเลยรู้สึกว่าจะต้องพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองบ้าง โดยคิดว่าถ้าผมอยากจะพูดภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น ผมก็ควรจะไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ และต้องเลือกไปประเทศที่มีคนไทยน้อยๆ เพราะจะได้พูดภาษาอังกฤษได้เยอะๆ ประกอบกับว่าคนในครอบครัวของผมเกือบทุกคนต่างก็เคยไปแคนาดากันมาแล้ว แคนาดาเลยเป็นประเทศที่ผมเลือกที่จะไปครับ

เป้าหมายในการเรียนภาษาในตอนนั้นคืออะไร

ผมอยากพูดภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น แล้วก็อยากที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมและแนวคิดของคนแคนาดาเพื่อเอามาปรับใช้ในการทำงานของผมที่ประเทศไทยครับ

พอได้ไปเรียนที่แคนาดา สภาพแวดล้อมทั้งในโรงเรียนและใน Toronto เป็นยังไงบ้าง

ก่อนไปผมเคยคิดว่า เราแค่จะโฟกัสกับแค่เรื่องเรียน พอเลิกเรียนก็กลับบ้านไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น ซึ่งในตอนแรกๆ ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นเพราะตอนผมไปมันอยู่ในช่วงฤดูหนาวพอดี ซึ่งฤดูหนาวที่ Toronto มันเลวร้ายสุดๆ อากาศในตอนนั้นหนาวประมาณ -26 องศาได้ ก็แทบจะทำกิจกรรมอะไรไม่ได้เลยที่ข้างนอกนั่น เรียนเสร็จก็รีบกลับที่พักกันเลยครับ

แต่หลังจาก 2 เดือนแรกผ่านไป สภาพอากาศก็ค่อยๆ ดีขึ้น ทำให้เวลาหลังเลิกเรียน ผมสามารถไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ ได้บ่อยขึ้น ซึ่งเพื่อนๆ ทุกคนก็ดีมากเลยครับ ทุกคนอยากพูดภาษาอังกฤษกันมากๆ เลยมักจะชวนกันพูดคุยนอกเวลาเรียนบ่อยๆ แล้วพอเวลาอยู่ในคลาสเราก็ช่วยเหลือกันตลอด

พอไปถึงที่ ILAC การเรียนที่นั่นเป็นยังไง

ตอนที่ผมไปถึงก็ได้เรียนในระดับ High Intermediate ครับ ซึ่งตอนนั้น การเรียนการสอนค่อนข้างเน้นไปทางการฝึกแกรมม่าและฝึกพูดเยอะๆ แต่ก็มีสอนการเขียน การฟังด้วย ตอนไปแรกๆ ผมก็พูดไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยคืบหน้าอยู่ 2 เดือน แต่พอผ่านไปสักพักก็รู้สึกว่าภาษาเราค่อยๆพัฒนาขึ้น จนขึ้นมาในระดับ Pre-Advance ครับ

การสอนของครูที่นั่นแตกต่างจากที่ไทยอย่างไร

ต่างครับ ถ้าให้เปรียบเทียบผมรู้สึกว่าครูที่นั่นเขาจะไม่เน้นสอนเรื่องแกรมม่าเหมือนที่ไทย คือ ครูที่ไทยมักจะสอนไปเรื่อยๆ ดูไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่านักเรียนจะสนใจฟังรึเปล่า ต่างกับครูที่แคนาดาตรงที่เขาจะคอยเอาใจใส่นักเรียน อยากให้เราฝึกพูดเยอะๆ คอยช่วยผลักดันในการเรียนตลอด แล้วเขาค่อนข้างจะมีความเป็นกันเองสูงเลยทำให้ผมพลอยสนิทกับคุณครูไปด้วย

ส่วนตัวแล้ว ผมสนิทกับครูคนหนึ่งมากๆ ครับชื่อว่า “ณอน” เขาเป็นคนที่เฟรนด์ลี่มากๆ ตอนนั้นผมได้เรียนกับเขาประมาณ 3 เดือนครับ เพราะผมสอบไม่ผ่านเลเวลนั้นสักที ครูเขาก็พยายาม push เรามากขึ้น ให้เราออกไปทำกิจกรรมหน้าห้องมากขึ้น ช่วยให้เราปรับปรุงในส่วนที่เราทำไม่ดี เพราะเขาน่าจะรู้คะแนนเราครับว่าคะแนนเราเป็นยังไง ตรงไหนที่ต้องปรับปรุง

ตอนไปอยู่ที่นั่น เราได้ใช้ภาษามากน้อยขนาดไหน

ได้ใช้เยอะมากครับ นอกเหนือจากการเรียนในคลาสแล้ว ก่อนเวลาเรียน ผมและเพื่อนๆ จะนั่งคุยเล่นกันในห้องเรียนเพื่อที่เราจะได้เล่าให้กันฟังว่าเมื่อวานต่างคนต่างได้ไปทำอะไรกันมาบ้าง หรือถามกันว่าเมื่อวานได้เรียนเรื่องอะไร และคิดกันว่าเรากำลังจะได้เรียนเรื่องอะไรบ้าง เป็นต้น ในตอนเลิกเรียนก็ได้คุยกับเพื่อนไถ่ถามกันอีกว่าวันนี้จะไปไหนกันต่อ ไป hang out ด้วยกันไหม หรือไปเที่ยวที่นั่นที่นี่กันไหม นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมนอกเวลาเรียนที่ทำให้ต้องพูดภาษาอังกฤษบ่อยๆ มันก็ได้ทำให้เราได้พูดภาษาอังกฤษทั้งวันครับ

แล้วเพื่อนๆ ในโรงเรียนส่วนใหญ่จะเป็นคนจากประเทศอะไรกัน

ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นกับเกาหลี สองประเทศนี้จะค่อนข้างเยอะครับ แล้วก็คนที่ส่วนใหญ่พูดภาษาสเปนด้วย แต่ทุกคนก็มีความพยายามที่จะพูดภาษาอังกฤษกันมากครับ

นอกจากเรื่องคลาสเรียน ที่โรงเรียนมีกิจกรรมอะไรน่าสนใจบ้างไหม

มีครับ ที่โรงเรียนจะมีการจัดปาร์ตี้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งอาจจะมีกิจกรรมต่างๆ รวมอยู่ด้วย เช่น ให้แต่งตัวมาในธีมต่างๆ แล้วถ้าโพสต์รูปด้วยก็จะได้ของรางวัลประมาณนี้ครับ และบางครั้งก็จะมีกิจกรรมพิเศษอย่างเช่น การไปล่องเรือ มันก็ทำให้เราได้ hang out ได้พูดคุยกับคนอื่นๆ ด้วย

เห็นว่าตอนไปเรียนที่นั่นได้อยู่กับโฮสต์ด้วย เป็นยังไงบ้าง

โอเคดีครับ แต่ช่วงแรกผมต้องพยายามปรับตัวมากๆ ในเรื่องอาหาร เพราะอยู่ที่ไทยปกติผมทานข้าว แต่ด้วยความที่โฮสต์ของผมเป็นคนฟิลิปปินส์อาหารส่วนใหญ่ก็เลยจะเป็นอาหารสไตล์ฟิลิปปินส์ แต่บางทีก็มีที่เป็นอาหารทานง่ายๆ เช่น สปาเก็ตตี้ ไก่ทอด หรือเฟรนช์ฟรายครับ

ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็จะมีแค่ต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับนักเรียนคนอื่นๆในบ้านด้วย เพราะผมก็ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ในบ้านร่วมกัน ผมก็พยายามจะเปิดรับในวัฒนธรรมบ้านเขา พยายามคุยด้วย พยายามมีปฏิสัมพันธ์ที่มากขึ้น ทำให้เราสนิทกับคนในบ้านไปด้วยครับ

การใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมีอะไรที่เรารู้สึกเซอร์ไพรซ์บ้างไหม

สำหรับผมแทบไม่มีเลยครับ เท่าที่ผมเจอจะมีแค่เรื่องเล็กน้อย เช่น การดื่มน้ำประปาครับ เพราะที่ไทยเราไม่สามารถดื่มได้ ก็จะรู้สึกไม่ชินกับการดื่มน้ำจากก๊อกน้ำอยู่บ้าง แล้วก็เรื่องการเปิดประตูให้คนที่เดินตามหลังมา หรือให้เด็ก คนชราและสตรีมีครรภ์ไปก่อน พวกนี้เป็นวัฒนธรรมที่ดีและน่าประทับใจมากครับ

ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน หลังจากไปเรียนที่ ILAC มา ภาษาอังกฤษเราพัฒนาขึ้นมาตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ไหม

จริงๆ ผมไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจนหรือมีการไปทดสอบวัดระดับอะไรไว้เลยครับ แต่ถ้าจะให้วัดระดับเอง ผมคิดว่าตอนแรกระดับภาษาอังกฤษผมอยู่ที่ระดับ 2 จาก 10 ซึ่งหลังจากที่ได้ไปเรียน ผมคิดว่าผมขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 8 หรือ 9 เลย แต่ถ้าต้องดูหนังผมก็ยังต้องเปิดซับไตเติ้ลอยู่เพราะบางคำผมก็ยังฟังไม่ได้ศัพท์ คำศัพท์ในหัวเรายังไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าในเรื่องการใช้ชีวิตปกติ ผมสามารถสื่อสารได้ครับ แต่บางทีมันก็มีคำศัพท์ที่เราอาจจะไม่รู้บ้าง เราก็เอามาจดแล้วก็เขียนเพิ่มว่าอันนี้แปลว่าอะไร ไปใช้ตอนไหนในการพูดได้บ้าง

กลับไทยมาแล้ว คนอื่นให้ฟีดแบคถึงระดับภาษาอังกฤษของเราเป็นยังไง

มันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ เมื่อก่อนเวลาหัวหน้าเขาพูดอะไรมา ผมตอบกลับเขาแทบไม่ได้เลย แต่หลังจากกลับจากแคนาดา เวลาพูดผมรู้สึกว่าการออกเสียง สำเนียงและทักษะการพูดของเรามีความคล่องแคล่วมากขึ้น พอผมได้เจอกับหัวหน้าที่เป็นชาวอิตาลี เขาก็ชมผมครับว่าดีขึ้นเยอะมากๆ ทีนี้ไม่ต้องกลับไปที่แคนาดาแล้วนะ (หัวเราะ)

ยินดีด้วยกับความสำเร็จ งั้นฝากช่วยรีวิวก้อปันกันให้หน่อยได้ไหม

ผมว่าก้อปันกันเป็นเอเจนซี่ที่ดีมากๆที่นึงเลยครับ เพราะเขาช่วยเราทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเราจะต้องมีการเดินทางไปดำเนินการเรื่องเอกสารเอง เพราะมันเป็นส่วนที่เราจะต้องจัดการด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือเราทุกอย่าง เช่น เราควรเขียนอะไรใน Study Plan หรือเราควรจัดการตัวเองยังไงก่อนจะไปบ้าง แล้วผมยังได้ไปเจอพี่กันต์ที่ Toronto อีกด้วย พี่เขาก็ใจดีมาก ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมยังพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ค่อยดี เพราะเป็นช่วงที่อยู่แคนาดามาได้แค่ 2 เดือนแรก พี่เขาก็พยายามให้กำลังใจว่าอย่าไปกดดันตัวเอง ให้ทำให้ดีที่สุด และให้ตั้งใจเรียน ซึ่งพี่กันต์ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเหมือนกันว่า เราอุตสาห์ทำเรื่องมาเรียนที่แคนาดาแล้ว เราก็ต้องเก็บเกี่ยวให้ดีที่สุด แล้วบางทีได้มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่ข้าวบ้าง เขาก็จะคอยถามสารทุกข์สุขดิบว่าอยู่กับโฮสต์เป็นยังไงบ้าง เรื่อง Payment ต่างๆ โอเคไหม พวกพี่ๆ เขาก็คอยดูแลเราตลอดตั้งแต่ก่อนไปจนถึงกลับไทยเลยครับ

มีอะไรอยากให้คำแนะนำคนที่จะไปแคนาดา หรืออยากเรียนที่นั่นบ้างไหม

ผมอยากแนะนำว่า อยากให้ทุกคนตั้งเป้าหมายไว้ก่อนไป เช่น เป้าหมายของผมคือ ต้องการพูดภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น แล้วผมก็ตั้งเป้าหมายว่าจะไปแคนาดาเพราะแคนาดาประเทศที่มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ มีผู้คนที่ดี มีค่าครองชีพที่ไม่ได้สูงจนเกินไป ซึ่งเรามีกำลังจ่ายพอดี และ นอกเหนือจากนี้ ก็อยากให้ตั้งเป้าหมายว่าเราอยากได้อะไรจากที่นั่น แล้วคิดว่าเราจะทำมันได้ยังไง โดยรวมประมาณนี้ครับ

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ILAC – คลิก

# รีวิว เรียนหลักสูตร Intensive English ที่แคนาดา กับสถาบัน ILAC
Photo Credits : ธีระศักดิ์ ประไพวรรณ์กุล (เบสท์)

ติดต่อขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778