รีวิว เมือง Montreal
แคนาดา หรือ ฝรั่งเศส ?
by Shucreamp
“ตกลงนี่อยู่ แคนาดา หรือ ฝรั่งเศส ?!” เป็นความคิดแรก ๆ ที่นึกได้พอได้เริ่มเดินไปเดินมาใน Montréal (มอนทรีออล) เลยค่ะ มันไม่ใช่แค่เพราะคนเมืองนี้ใช้ภาษาฝรั่งเศสกันเป็นหลักแค่นั้นนะ ทั้งรูปแบบตึกต่าง ๆ และบรรยากาศของเมืองนี้ นี่อย่างกับยกยุโรปข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาตั้งปุ้กลงตรงฝั่งตะวันออกของประเทศแคนาดานี่เลยล่ะค่ะ
ป้ายเป้ยอะไรเป็นภาษาฝรั่งเศสหมดเลยค่ะ ตกอกตกใจไปหมด พูดฝรั่งเศสไม่ได้สักแอะ!
สตาร์บัคส์เองจาก STARBUCKS COFFEE ยังเป็น CAFE’ STARBUCKS ไปด้วย แถมป้ายรถไฟใต้ดินนี้หน้าตาเหมือนที่ปารีสเปี๊ยบเลยค่ะ
การเดินทางเมือง Montreal
มอนทรีออลนี่น่ารักมากเลย เดินไปไหนก็รู้สึกว่าดีงาม น่ารักไปหมด เมืองสะอาด การจราจรไม่แออัด คนที่นี่ส่วนใหญ่เดินทางกันด้วยการเดินเท้าค่ะ (ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ที่นี่บอกว่าถ้าไปไหนไม่ได้ไกลเกิน 25 นาทีเดินก็เดิน
หรืออีกวิธีก็คือการปั่นจักรยาน มีบริการ Public Bike ให้ใช้แบบที่มีจุดจอดกระจายอยู่ทั่วเมือง ถนนส่วนใหญ่ก็มีเลนจักรยานแบ่งไว้ชัดเจนทั้งหมด และรถยนต์ก็ขับให้ทางจักรยานอย่างดี ต่อให้มาปั่นครั้งแรกก็สบาย ๆ
ที่จอดจักรยาน Public Bike ของ Bixi ค่ะ ใช้งานผ่านแอพพลิเคชันในโทรศัพท์ได้ สะดวกมาก
ส่วนระบบขนส่งสาธารณะในเมืองก็มีทั้งรถประจำทางและรถไฟใต้ดิน ที่สะดวกสบายและไปได้ทั่วเมือง กดตั๋วได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วตามสถานีรถไฟ จะมีตั้งแต่รายเที่ยว ตั๋ววัน ตั๋วสุดสัปดาห์ ตั๋วเดือน หรือเป็นแบบบัตรเติมเงินด้วย ถ้ากดจากตู้จำหน่ายจะจ่ายด้วยเงินสด บัตรเดิบิต บัตรเครดิตก็ได้ทั้งหมด แต่ถ้าซื้อที่บูธกับเจ้าหน้าที่ จะต้องใช้เงินสด หรือถ้าต้องการขึ้นรถประจำทางอย่างเดียวและอยากไปซื้อตั๋วบนรถก็ได้เหมือนกัน แต่ต้องใช้เหรียญหยอดเท่านั้นนะคะ *ตรวจเช็คอัตราค่าเดินทางของ STM เมือง Montreal คลิกที่นี่
ตั๋วแบบเที่ยวเดียวจะเป็นตั๋วแบบเสียบเพื่อผ่านที่กั้น ส่วนตั๋วอื่น ๆ จะเป็นแบบแตะค่ะ
ส่วนการเดินทางไป–กลับสนามบิน นอกจากการเรียกอูเบอร์แล้ว ก็สามารถใช้บริการรถประจำทางสาย 747 ได้ โดยกดตั๋ววันราคา 10 เหรียญจากตู้ที่สถานีรถไฟเหมือนเดิม หรือจะซื้อตั๋ว 10 เหรียญบนรถสาย 747 เลยก็ได้ แต่ต้องใช้เงินสดเท่านั้นค่ะ
มีตู้กดตั๋วที่สนามบิน จะกดได้เฉพาะตั๋ววันขึ้นไปเท่านั้น และที่สนามบินมีป้ายบอกทางไปขึ้นรถชัดเจน หาง่ายค่ะ
เดือนที่เรามามอนทรีออลและเขียนบทความนี้คือเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือว่าเป็นฤดูร้อนของที่นี่แล้ว (ฤดูร้อนจริง ๆ ค่ะ แคนาดา 30 องศาเซลเซียส โอย!) การเดินทางที่เราแนะนำคงเป็นการเดินเท้า หรือนั่งรถไฟใต้ดินมากกว่า เพราะว่าถนนหนทางนั้นกำลังถูกซ่อมอยู่อย่างจริงจัง เนื่องจากความเสียหายจากหิมะในฤดูหนาว หรือเป็นการเตรียมพร้อมรับหิมะฤดูหน้าก็ว่ากันไป
บรรยากาศ เมือง Montreal
มอนทรีออลที่เราไปเจอมา ขอแบ่งให้ชมเป็นสองส่วนนะคะ พาร์ตแรกคือโซนที่เป็นเหมือนเมืองใหญ่ทั้งหลาย เต็มไปด้วยตึกโมเดิร์นมากมาย ก็คือโซนดาวน์ทาวน์ที่มีทั้งออฟฟิศ และที่ช็อปปิ้งเดินเล่นต่าง ๆ
Place des Art เป็นที่ที่เราชอบมาก อยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ
แต่พอเดินเรื่อย ๆ ไปมุ่งหน้าไปทางริมน้ำทางตะวันออกของเมือง เราจะพบกับมอนทรีออลอีกแบบที่เป็นสถาปัตยกรรมยุโร้ปยุโรป อย่างที่เล่าไว้ตั้งแต่ตอนแรก ยิ่งเดินต่อไปจนถึงโซน Montréal Port ยิ่งน่ารักไปหมดเลย ถ่ายรูปสนุกมากค่ะ
อีกอย่างนึงที่เราชอบมาก ๆ ของเมืองนี้คือร้านอาหารที่โซนที่นั่งเป็นเหมือนระเบียงอยู่หน้าร้าน เห็นได้ทั่วไปหมดเลยค่ะ นึกภาพเวลาอากาศดี ๆ แล้วคนในเมืองก็จะออกมานั่งกินข้าว นั่งชิล อารมณ์ดีกันอยู่ตรงนั้น มีความสุขน่าดูเลยล่ะค่ะ
อาหารเมือง Montreal
พอได้พูดถึงร้านอาหาร ก็ต้องพูดถึงอาหารกันบ้างล่ะเนาะ ลูกพี่ลูกน้องคนไทยที่อยู่ที่นี่บอกว่าถ้าถามถึงอาหารแคเนเดียนจริง ๆ ก็นึกอะไรไม่ออกแล้วนอกจาก “Poutine” ค่ะ ก็มีโอกาสได้ไปลองกินมาหนึ่งมื้อ ส่วนร้านอาหารที่เห็นได้ทั่วไปในเมืองก็มีคละประเภทกันไปหมด ร้าน Steak, Tapas, Burger, Pizza แล้วร้านอาหารญี่ปุ่นที่นี่ก็ปลาดิบอร่อยด้วยนะ (ขอโทษที่ไม่มีรูปค่ะ ตอนนั้นหน้ามืดหิวมากเลย แหะแหะ)
นี่คือ Poutine ค่ะ เป็นมันฝรั่งทอดลักษณะเดียวกับ French fries นั้นแล ราดด้วยชีส แล้วจะเพิ่มเนื้อสัตว์ไปด้วยก็ได้ อย่างจานนี้เป็นเนื้อแกะ ของร้าน Modavie ร้านนี้ดังเรื่องแกะมากค่ะ ใครชอบลองไปดูนะ
ทุกมุมเมืองที่นี่ก็จะมีซูเปอร์มาร์เก็ตดี ๆ อยู่ค่ะสามารถหาเบเกอรี่หรืออาหาร ready to eat ได้บ้าง เปิดทำการช่วงกลางวันตามปกติ แต่บางที่ก็ปิดวันอาทิตย์นะ
ถ้าซูเปอร์ปิด ก็จะยังมี Dépanneur แบบนี้แทนค่ะ เป็นราวกับเซเว่นของไทย ปิดดึกหรือเปิด 24/7 ก็มี เน้นไปทางของกินเล่นกรุบกริบ บางที่ก็พอจะมีของสดนิดนึงบ้างเหมือนกันค่ะ
การ tip เมือง Montreal
แคนาดามีวัฒนธรรมการ Tip หรือการให้ติ๊ปของบ้านเราที่จริงจังด้วยค่ะ เพราะงั้นเวลาไปกินข้าวนอกบ้าน นอกจาก VAT 15% ที่ต้องเสียเพิ่มจากราคาอาหารในเมนูแล้ว (ซื้อของใดใดในมอนทรีออล จะมีภาษีอีก 15% จากราคาทุกสิ่งเลยนะจ๊ะ) ก็จะยังมีติ๊ปที่ต้องเตรียมจ่ายอีก 15%-18% นะคะ (ถ้าขึ้น Taxi จะเป็น 10%-15% ค่ะ) ตัวเราเองเลยไม่ได้กินข้าวตามร้านอาหารบ่อยนักค่ะ แฮ่ ก็จะหันมาพึ่งซูเปอร์มาร์เก็ตหรือ Dépanneur แทน
อันที่จริงก็ยังมีอีกหลายที่ที่ยังอยากไป หรือยังอยากไปซ้ำ อย่างภูเขากลางมอนทรีออล Mont-Royal ที่มีจุดชมวิวให้เห็นทั้งเมืองได้ทุกทิศ แล้วก็เพิ่งมาสังเกตว่าเมืองฟากที่เป็นบ้านคนก็มีบันไดแบบสวย ๆ ให้ตามถ่ายรูปได้อีกเป็นอัลบั้ม แต่รู้ตัวอีกทีก็ต้องกลับบ้านแล้วค่ะ หวังว่าถ้ามีโอกาสก็คงจะได้กลับมาเมืองนี้อีกค่ะ
มีรูปเพิ่มเติมอยู่ในเฟสบุ๊คเพจ www.facebook.com/shucreamp ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^
.. จนกว่าจะมีเรื่องเล่าใหม่ : )
* อ่านบทความรีวิว เมือง Vancouver แคนาดาในหนึ่งวัน : Vancouver in a Day โดย Shucreamp คลิกที่นี่
# รีวิวเมือง Montreal
Photo Credits : Shucreamp
…
เรียนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาฝรั่งเศส
เมือง Montreal ในแคนาดา
ILSC
EDUCATION GROUP
ILSC EDUCATION GROUP เปิดทำการตั้งแต่ปี 1991โดยมีนักเรียนกว่า 230,000 คน จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลกเข้ารับการศึกษาในสถาบันสอนภาษาอังกฤษ 7 สาขา และ 6 วิทยาลัย ที่ตั้งอยู่ใน 3 ประเทศทั่วโลก สาขาในแคนาดา ตั้งอยู่ที่ Vancouver / Montréal / Toronto ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกเรียนได้โดยอิสระทั้งสถานที่และเป้าหมายที่ตนเองต้องการ
ILSC MONTRÉAL CAMPUS
QUEBEC, CANADA
ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับแม่น้ำ St. Lawrence, โบสถ์ Notre-Dame และสถานีรถไฟใต้ดิน Place d’Armes
จุดเด่นของ Montréal Campus
• เป็นแคมปัสขนาดกะทัดรัดสไตล์บูติก ก่อให้เกิดบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเอง
• มีกิจกรรม bilingual ให้ได้เข้าร่วมมากมาย
• หลักสูตรการเรียนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาทิ English through Food, French through Fashion and Design และอื่นๆ อีกมากมาย
• เป็นที่ตั้งของศูนย์สอบ IELTS, Cambridge, CAEL, TEF/TEFAQ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ILSC คลิกที่นี่
# เรียนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาฝรั่งเศส ในแคนาดา กับ ILSC