รีวิว เรียนหลักสูตร PDD in Business Administration
สถาบัน Langara College เมือง Vancouver
โดย คุณมิ้ว
อะไรทำให้ตัดสินใจมาเรียนต่อที่แคนาดา?
จริง ๆ แล้ว เหมือนตอนนั้นเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลย คือ คุณพ่อเสีย ตามมาด้วยคุณยายเสีย คือคุณตาเสียไปก่อนอยู่แล้ว ทีนี้เลยเหลือแค่มิ้วกับคุณแม่ แล้วด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวด้วย มันก็เลยเป็นช่วงที่ชีวิตเปลี่ยนไปหมด ช่วงนั้นก็มีกระแสโยกย้ายด้วย แม่ก็เลยบอกว่า “โอเคแม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือของแม่ที่ต่างประเทศ” ทีนี้เราก็เลยตัดตัวเลือกเหลือแค่ไม่กี่ประเทศ ไม่แคนาดา ก็อังกฤษ เพราะส่วนใหญ่ที่คนไทยไปเรียนต่อก็จะมีแค่นี้
ทำไมต้องเป็นประเทศแคนาดา?
เลือกแคนาดาเพราะว่า เขาให้ PGWP หลังเรียนจบค่ะ เพราะสำหรับมิ้ว การศึกษามันคือการลงทุน แล้วลงทุนเยอะด้วย มันคือหลักล้านอ่ะ แล้วพอเปรียบเทียบระหว่างอังกฤษกับแคนาดา เหมือนอังกฤษจะได้ วีซ่าทำงานแค่ 2 ปี บางที่หลังเรียนจบแล้วก็ต้องกลับเลย แต่แคนาดา เขาให้ PGWP แล้วเรามีสิทธิที่จะขอ PR ด้วย ก็เลยเลือกแคนาดาค่ะ อย่างที่สองคือ ชอบที่แคนาดามีความ Independence ไม่ใช่ Collective เหมือนประเทศฝั่งเอเชีย สำหรับมิ้วรู้สึกว่าเขามีความหลากหลาย ไม่ได้ Independence สูงปี๊ด เหมือนอเมริกาหรือทางฝั่งยุโรป คือแต่ละประเทศเขาจะมีบรรทัดฐานของเขาต่างออกไป แต่พอเรานึกถึงแคนาดา มันจะมีความ Innovative Independence และ Humility นี่คือสิ่งที่มิ้วชอบ ไม่ได้แบบฉันต้องมาก่อนแบบ American first
ทำไมถึงเลือกเมือง Vancouver?
เพราะว่าตอนที่ไปอเมริกา ใช้ชีวิตสุดมาก สมัยตอนเป็นวัยรุ่น ชอบซีรี่ย์ ชอบนิวยอร์ก อะไรไวไว ที่เป็น City เท่านั้น แล้วพอชีวิตมันขึ้นไปถึงจุดที่ปาร์ตี้หนักมาก ใช้ชีวิตเยอะมากและมันก็เริ่มลงมาอยู่ในจุดที่อยากได้จุดสมดุลระหว่างที่ที่ไม่ใช่เมืองจ๋าหรือธรรมชาติจ๋า เลยหาเมืองที่เป็นจุดตรงกลางแบบ โอเคฉันจะนั่งรถบัสหรือขับรถเข้าไปในเมืองก็ไปได้ หรือจะแอบไปตั้งแคมป์คนเดียวบนเขาเพื่อจะอยู่กับตัวเอง ก็ทำได้ เลยเลือกแวนคูเวอร์ที่เป็นเมืองตรงกลางระหว่างเมืองกับธรรมชาติ
หลังจากมาอยู่ที่นี่แล้วชอบไหมคะ ประเทศนี้/เมืองนี้ มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง?
แอบนึกภาพว่า ดาวน์ทาวน์แวนคูเวอร์ จะเหมือน ไทม์สแควร์นิวยอร์ก ตอนมาถึงแลนดิ้งปุ๊บ รีบนั่งรถบัส เข้าดาวน์ทาวน์เลย จะไปเปิดซิมการ์ดโทรศัพท์ พอไปถึงคือแบบ…หื้ม? เอเชียเยอะมาก เหม็นกัญชา แต่พอไปปั่นจักรยานที่ Stanley Park ก็รู้สึกว่า เอ้อ…สิ่งที่คาดหวังไว้ก็ยังตรงอยู่ครึ่งหนึ่ง สิ่งที่มิ้วรู้สึกได้ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่มิ้วมาเหยียบเลย คือที่นี่เขาไม่มีกรอบที่เรามองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็น บรรทัดฐานของสังคม วัฒนธรรม หรือแม้แต่ตัวประเทศแคนาดาเอง อย่างเช่น ประเทศไทย เราจะพูดว่าเมืองไทยไม่มีกรอบ ไม่มีประเพณีเนี่ย ไม่จริงอ่ะ คือมันจะมีความคาดหวังของสังคมอยู่ เรียนจบปุ๊บ คุณต้องทำงาน บางคนอาจจะทำในบริษัทใหญ่ ๆ บางคนอาจจะรับราชการ แต่แวนคูเวอร์สำหรับมิ้ว มันคือกระจกโมเสกที่มีความหลากหลายของผู้คน โดยที่เรานำตัวตนของเรามาด้วย แต่แวนคูเวอร์หรือแคนาดาไม่ได้พยายามที่จะเอาทุกชาติมารวมกันแล้วเติมความเป็นแคนาดาลงไป เพื่อทำให้คนเป็นร่างโคลนนิ่งแบบอเมริกันอ่ะ นี่คืออย่างแรกที่ชอบ
อย่างที่สองคือ ชอบตรงที่ ถ้าเรามาจากประเทศโลกที่สาม เราจะเห็นเลยว่าโอกาสมันมีอยู่ทุกที่จริง ๆ ที่นี่ ขอแค่คุณเห็นความเป็นไปได้ คุณเป็นอะไรก็ได้เลย มันไม่ได้มีคำนิยามว่าความสำเร็จของคุณในอายุเท่านี้ คุณจะต้องทำอะไร อย่างมิ้วคุยกับคนคนนึงมา หลังจากที่เขาเรียนจบแล้ว เขาก็พักแป๊บนึง ก่อนที่จะหางาน เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร หรือบางคนก็ย้ายเมืองไปอีกเมืองนึงเลย เหมือนพอเราเห็นโอกาส เราก็รีบวิ่งไล่ตามมันไปเลย โดยที่ไม่ต้องมีแรงกดดันหรือกรอบของสังคมมากดทับอยู่ แต่ในทางตรงกันข้ามนะ เราก็ไม่เข้าใจว่า แคนาดาเขาอยากชูความหลากหลายของประเทศตัวเองใช่ป่ะ แล้วด้วยความที่เราเป็นคนเอเชีย เราก็จะเป็น Minority (คนกลุ่มน้อย) ซึ่งทุกครั้งที่มิ้วสมัครงานตามบริษัทใหญ่ ๆ ทำไมต้องถามว่า คุณคือ “Minority” หรือเปล่า เชื้อชาติของคุณคืออะไร ทำไมต้องพยายามให้เรารู้สึกว่า เราเป็นคนกลุ่มน้อยที่นี่ นี่คือความ Hypocrite (ความย้อนแย้ง) ของประเทศนี้ ซึ่งมิ้วไม่เข้าใจ
ทำไมถึงเลือกเรียนหลักสูตร PDD in Business Administration ที่ Langara College?
เพราะว่าเราอยากต่อยอดจากพื้นฐานที่เราเรียนระดับปริญญาตรี คือ เศรษฐศาสตร์ ก็เลยมาจบที่หลักสูตร Post Graduate Degree ซึ่งต้องจบ ป.ตรีก่อนถึงจะเรียนหลักสูตรนี้ได้ และอีกเรื่องที่มิ้วให้ความสำคัญ คือเพื่อนในห้อง มิ้วไม่ได้อยากมานั่งเรียนกับ เด็ก 18-19 ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ เรามานั่งแลกเปลี่ยนความคิดกัน หรือประสบการณ์จากการทำงานในแต่ละสายงาน ประกอบกับว่าหลักสูตรนี้มีแค่ Langara College ด้วย เลยเลือกเรียนที่นี่
หลังจากเรียนแล้วคิดว่าได้อะไรจากที่นี่บ้าง มีอะไรที่ประทับใจหรือไม่ประทับใจเกี่ยวกับโรงเรียนนี้บ้าง?
ในแง่ของหลักสูตรของที่นี่ รู้สึกว่าของเขาเข้มข้นจริง เพราะว่ามันเป็น PDD อย่างตัวมิ้วจบ เศรษฐศาสตร์ เอกธุรกิจมา แล้วพอเราเอามาต่อยอดกับบริหารธุรกิจ มันทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น อย่างหลักสูตรที่มิ้วเรียนอยู่ Business Administration มิ้วว้าวมากที่เขาสอนทักษะการเจรจาต่อรอง ซึ่งเป็นทักษะที่คุณควรจะมี ถ้าเราอยู่ในสายธุรกิจ รู้สึกว่าเลือกถูก แล้วเทอมนี้เรียน Operation Management ซึ่งเราไม่เคยเรียนมาก่อนเลยแล้วก็เริ่มรู้สึกว่า สิ่งที่เราสะสมมาในอดีต ในช่วงปริญญาตรี จนมาเรียนที่นี่ มันทำให้เราเห็นภาพในแง่ของธุรกิจได้มากขึ้น ถ้าคนที่ไม่ได้เรียนด้านธุรกิจมาก่อนอาจจะรู้สึกว่ามันเยอะ แน่น และหนัก เพราะเราจะต้องเรียนสถิติ แล้วมันเป็นสถิติม.ปลายบวกกับสถิติปี 1 ซึ่งเราต้องเรียนทั้งหมดเลยภายใน 4 เดือนแล้วสอบ ถ้าคุณไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์มาก่อนเนี่ย ก็คืออ้วกอยู่
จริง ๆ ไม่ว่าจะเรียนคณะอะไรมาตอนป.ตรี เรียนสาขานี้ได้หมด แต่พูดตรง ๆ เลยว่า ถ้าคุณไม่ได้เรียนด้านธุรกิจมา แล้วไม่ได้ทำงานในสายธุรกิจ หรือว่าไม่เคยเห็น Business Blueprint ของแต่ละสายงานมาก่อน แล้วพอมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในห้อง เราจะรู้เลยคุณไม่ได้มีสายตาของนักธุรกิจอ่ะ อย่างเพื่อนร่วมห้องเรียนของมิ้ว อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30–35 ปี บางคนจะ 40 หรือ 50 อยู่แล้ว และด้วยความที่เขาเป็น Gen X และ Gen Y พวกเขาจะมีมุมมองว่าเราไม่ควรเปลี่ยนงานบ่อย บางคนทำงานที่เดิมมา 5-15 ปี พวกเขาอยู่ในสายงานเดิม เลยไม่เข้าใจรูปแบบธุรกิจในปัจจุบัน แล้วพอมาพูดคุยกันในห้อง ความรู้ของพวกเขากลายเป็นความรู้จากเมื่อ 10 ปีก่อน ถ้าได้มาเรียนคุณจะเห็นช่องว่างระหว่าง Gen Z กับ Gen X/Gen Y ในแง่ของ Business และ Digital Transformation จะห่างกันเลย สรุปแล้วกลายเป็นเขาเรียนจากเรานะ แล้วนักเรียนส่วนใหญ่ของ Langara จะมาจากทวีปอเมริกาใต้อย่าง เปรู บราซิล โคลอมเบีย อาร์เจนตินา และเม็กซิโก ซึ่งฝั่งนั้น ถ้าเทียบ Economy scale กับไทย Innovation, Digital Transformation, Social Media, Marketing และ Trend ต่างกันเลย สิ่งที่มิ้วคาดหวังมาตอนแรกคือ เพื่อนในห้องแลกเปลี่ยนความคิดกัน แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย เราสามารถคาดหวังได้จาก Gen Z จากประเทศอื่นเท่านั้น
หลังจากเรียนจบ มี plan หรือ ตัดสินใจอย่างไรต่อ?
พอหางานทำหลังเรียนจบ มิ้วมีแผนอยู่ยาวเลย เตรียมล่า PR และย้ายคุณแม่มาอยู่ด้วย อันนี้คือแผนคร่าว ๆ นะ เราก็ไม่รู้อนาคตอ่ะ แต่ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตที่นี่แหละ เพราะโดยรวมเราชอบเมืองนี้นะ
มีข้อคิด หรือคำแนะนำอะไรสำหรับ คนที่กำลังตัดสินใจอยากมาเรียนต่อ หรือ มาอยู่แคนาดาบ้างไหม?
อย่างแรกเลยคือ ฝึกภาษาอังกฤษมาเลย ให้คล่องไม่ใช่แค่บทสนทนาพื้นฐาน เพราะไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าคุณสื่อสารความคิดที่คุณมีในหัวไม่ได้ก็จบ เพราะว่าแคนาดาคือประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ถ้าพูดไม่ได้มันเหมือนกับการตัดแขนตัดขาตัวเองนะ
อย่างที่สอง แคนาดาเป็นดินแดนแห่ง Assignment, Discussion, Project ต่าง ๆ มีอยู่แล้วทุกวิชา เตรียมใจมาได้เลย มันไม่ได้แค่เหนื่อยกับการเรียนนะ แต่จะเหนื่อยกับคนจากหลากหลายเชื้อชาติและก็จะมีความคิดที่ งง ไม่เปิดใจต่าง ๆ วิธีรับมือก็คือไปหาหนังสือเตรียมอ่านได้เลย พวกหนังสือพัฒนาตัวเอง หรือจิตวิทยา จะรับมือกับคนยังไง ต้องพูดให้เป็น ให้ชักจูงเขาได้ เพราะทุก Project ที่เป็นงานกลุ่ม มันจะมี Peer Evaluation ให้ประเมินการทำงานของเพื่อนในทีม ถ้าเขาไม่ทำ ก็ต้องบอกให้เขารู้ตัวและปรับตัว แล้วก็ควรกล้าพูด กล้าอธิบาย อย่านั่งเป็นชะนีแกงจืดอยู่ในห้อง ไหล่ห่อ ๆ หยุด! ไม่ควรทำ เพราะคุณจะทำให้ชื่อเสียง Asian แปดเปื้อนไม่ได้ เนี่ยมันก็จะย้อนไปสู่ข้อหนึ่งไง ว่าถ้าคุณไม่เก่งภาษาอังกฤษ คุณจะไปต่อกรกับเขาได้ไง
อย่างสุดท้ายคือ สามเดือนแรกจะเป็นช่วงวัดใจ ขอให้เข้มแข็งเพราะทุกคนเป็นหมด ทุกคนจะ Homesick และจะรู้สึกว่า ฉันเดียวดายอยู่บนโลกใบนี้ ฉันไม่มีเพื่อน ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย หยุด! ขอให้อดทนและก้าวผ่านไปให้ได้ สุดท้ายกฎของแรงดึงดูดก็จะเหวี่ยงคนที่มีความคล้าย ๆ กันกับเราเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในห้อง เพื่อนร่วมงาน จะกลายมาเป็นเพื่อนสนิท พอหลังจากสามเดือนชีวิตจะลงตัวมากขึ้น ได้งาน มีงานก็มีเงิน ดูแลตัวเองได้ จ่ายค่าบ้าน ค่ากินอยู่ได้ ชีวิตลงตัวมากขึ้น คุ้นชินกับแวนคูเวอร์มากขึ้นด้วย
รีวิวก้อปันกันให้ฟังได้ไหม อะไรทำให้เลือกใช้บริการของก้อปันกัน?
เพราะว่าตอนนั้นทักไปหาพี่กันต์ เราส่ง Condition ของเราไปให้พี่กันต์ แล้วพี่กันต์ก็ตอบอีเมลกลับมาพร้อมรายละเอียดหลักสูตรของ 3 สถาบัน มาให้ คือชอบการทำงานของเอเจนซี่เจ้านี้ คือ ไม่ต้องมาคอยถามตอบถามตอบ น่ารำคาญอ่ะ แต่อันนี้ที่มิ้วชอบคือพี่เขาโยนรายละเอียดข้อมูลมาให้ทีเดียวเลย แล้วเดี๋ยวเรามาดูต่อเองว่าหลักสูตรไหนที่มันเข้ากับเรา
หลังจากตัดสินใจเลือกก้อปันกัน สิ่งที่ประทับใจที่สุดเลยคือ KPG Portal มิ้วชอบที่จะเห็นว่าภาพรวมทั้งหมดว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เราสามารถวางแผนชีวิตในแต่ละขั้นตอนการเตรียมเอกสารต่าง ๆ ได้เลย ไม่ต้องมาคอยนั่งถามตอบว่า ต่อไปมิ้วต้องทำอะไรบ้าง แล้วรอเอเจนซี่ตอบกลับมา มิ้วว่ามันดีมาก
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Langara College