ประสบการณ์เรียนต่อป.โท อเมริกา รัฐ Indiana
สัมภาษณ์ “โตน”
ได้รับทุนลดหย่อนค่าเล่าเรียนสูงถึง $4,000 USD!
จาก Valparaiso University รัฐ Indiana อเมริกา
สำหรับการเข้าเรียนหลักสูตรปริญญาโทด้าน
International Commerce and Policy
.
• ทำไมถึงเลือกไปเรียนต่อที่ Valparaiso University?
ในลิสต์มหาวิทยาลัยที่ก้อปันกันมีเป็นพาร์ทเนอร์ Valparaiso (Valpo) University ค่าเทอมค่อนข้างต่ำ (สำหรับปริญญาโท $630 USD เทอมนี้ขึ้นมา $650 USD ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อขั้นต่ำจะอยู่ประมาณ $1,000 USD ต่อหน่วยกิต) และมีทุนการศึกษาให้นักเรียนนานาชาติ ซึ่งโตนได้มา $4,000 USD ต่อปีการศึกษา
โตนเคยไปอยู่ตะวันตก (West Coast) ของอเมริกามาแล้ว โตนจึงอยากมาลองอยู่ในอีกฝั่งดูบ้าง อเมริกาเป็นประเทศขนาดใหญ่และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม โตนเคยได้ยินมาว่าฝั่ง Mid-west นี้คนมีสำเนียงที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน ลักษณะการพูดคุยแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ถึงแม้จะอยู่ในประเทศเดียวกัน ใช้ภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่แตกต่างกัน โตนไปเที่ยวที่ Houston รัฐ Texas มาเลยทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างรัฐทางตอนเหนือและใต้อย่างชัดเจน โตนจึงอยากมาใช้ชีวิตในแถบ Chicago – Indiana ดูบ้าง
และโตนเคยเรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่ University of Washington, Seattle IELP ซึ่ง Seattle เป็นเมืองใหญ่ หากเทียบกับ Valpo ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็ก โตนอยากลองมาใช้ชีวิตในเมืองเล็กๆเพื่อจะได้เข้าถึงวัฒนธรรมอเมริกันในอีกรูปแบบนึงได้
• ชีวิตที่ Valpo เป็นยังไงบ้าง?
เรามาอยู่จะเป็นเหมือนแพนด้าเลย คือสิ่งที่มีค่า นักศึกษาจากประเทศอื่นๆมีอยู่มากมาย เช่น อินเดีย (มาเรียน IT) จีน และจากประเทศจากแอฟริกา เราเป็นคนไทยมาอยู่ที่ คนก็จะว้าว
Valpo เป็นเมืองที่อบอุ่น เป็นเมืองที่ปลอดภัยมาก คนจะค่อนข้างเคร่งศาสนานิดหน่อย ที่ Valpo คนนับถือศาสนา Lutheran คนค่อนข้างมีจิตใจที่งดงาม โตนมีเพื่อนคนนึงทำกระเป๋าหล่นหาย ไปสถานีตำรวจ และพบเจอกระเป๋าพร้อมของที่อยู่ครบถึง 2 ครั้ง !! (รับรองว่าเพื่อนไม่ได้ทดลอง ทำหายจริงๆ)
อากาศที่นี่จะรุนแรงนิดหน่อย ปลายพฤษภาคม อากาศจะร้อนมากๆ ช่วงหน้าหนาวก็จะหนาวสุดขั้ว อากาศเปลี่ยนไวมาก คนที่นี่จะพูดกันว่า ถ้าไม่ชอบอากาศรอหน่อยนะ แปปนึงก็จะเปลี่ยน วันนึงมีหลายฤดู เช้าอาจจะหนาว กลางวันอาจจะร้อนมาก ตอนนี้อากาศ ประมาณ 10 F (-12 C) พรุ่งนี้จะขึ้น 45 F (7 C) ในอาคารจะมี heater ให้ ออกนอกอาคารก็ใส่เครื่องนุ่งห่มหนาๆเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น
เมืองใหญ่ที่ใกล้ที่สุดของ Valpo รัฐ Indiana คือ Chicago รัฐ Illinios คนที่นี่เชียร์ทีมกีฬาของ Chicago หมดเลย คนที่นี่คิดว่าตัวเองใกล้ชิดกับ Chicago มากกว่า ใช้ time zone เดียวกันกับ Chicago ไม่ใช่ Indianapolis ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ Indiana ที่เงียบเหงากว่า Valpo หากเดินทางจาก Valpo ไป Indianapolis ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ครึ่ง (ที่ Indianapolis มีสนามแข่ง F-1 ด้วย !!)
เมืองนี้จะชำนาญกับหิมะ ในการเคลียร์หิมะ ถ้าเป็น Seattle เมื่อหิมะตก เค้าจะไม่มีอุปกรณ์ในการจัดการกับหิมะ เพราะไม่ปกติที่หิมะจะตกในเมือง ที่นี่เมื่อหิมะตก เมืองจะจัดการกันค่อนข้างไว ไม่จำเป็นต้องใส่โซ่เลยถ้าขับรถ
สถานที่ท่องเที่ยวจะมีหลายแบบ ทางธรรมชาติ จะมี Indiana State Park, Lake Michigan (หน้าหนาวน้ำจะเป็นน้ำแข็ง) และIndiana Dune ผู้คนคนจาก Chicago รวมถึงจากต่างรัฐจะมาเที่ยวที่นี่ ใน Valpo มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบเหมือนกัน แต่จะมีให้เลือกน้อยกว่า จะมีห้าง Target และมีร้าน local ต่างๆอีกด้วยด้วย
มีร้านขายเสื้อผ้า JC Penny, Kohl ที่นี่มีร้านอาหารไทยอยู่ด้วย อร่อยด้วยชื่อ Bangkok Thai Sushi
ค่าครองชีพไม่ถูกไม่แพง tax 7% นม 1 แกลลอนประมาณ $1.25 ไข่ที่นี่ก็ค่อนข้างถูก ทานอาหารข้างนอกประมาณ $11 USD ต่อมื้อ ตัดผมที่ Seattle ประมาณ $19 ที่นี่ $15 USD (ร้านแบรนด์เดียวกันกับที่ Seattle)
มาอยู่ที่นี่ไม่เจอคนไทยเลย ปกติที่ไปร้านอาหารก็เจอคนจีนเสิร์ฟ แต่หลังครัวมีคนไทย
• ไปเรียนหลักสูตรอะไร? ชีวิตนักศึกษาที่ Valpo เป็นอย่างไรบ้าง?
โตนเรียนหลักสูตรปริญญาโทด้าน International Commerce and Policy (ICP) มีเพื่อนอเมริกัน 2 คน ไนจีเรีย 3 คน จีนประมาณ 5 คน มีคนไทย 1 คน อุซเบกิสสถานบ้าง มีความหลากหลายของคน ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากมุมมองที่หลากหลาย จากแต่ละประเทศ อาจารย์ที่ปรึกษามาจากแอฟริกา โตนคิดว่ามีความน่าสนใจ ได้เรียนรู้ร่วมกับผู้คนจากรอบโลกเลย เวลา 2 เทอมที่ผ่านมา โตนได้เจออาจารย์หลายแบบ อาจารย์ที่เข้าใจ และอาจารย์ที่เข้มงวด
โตนเรียนไม่ได้หยุด เพราะนอกเวลาเรียนต้องอ่าน ต้องเขียน paper เค้าจึงเรียกว่า Full-time Student
สำหรับกิจกรรม ที่นี่มีเยอะมาก มีให้เข้าร่วมตลอด สำหรับนักศึกษาต่างชาติจะมีประมาณ International Day จัดใน downtown จัดการแสดงของประเทศต่างๆ ทำอาหาร เดินพาเหรด คนในชุมชนที่นี่ค่อนข้างร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Valpo เป็นจำเมือง เวลามีกิจกรรมอย่าง Ted Talk ก็จะมีผู้คนจากในระแวกมาเป็น speaker คนในชุมชนก็มาเข้าร่วม คนในชุมชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมของมหาวิทยาลัยได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักศึกษาก็เข้าร่วมได้
มีกิจกรรม coffee day ให้นักศึกษาต่างชาติ และคนอเมริกันในชุมชน valpo มาร่วมแลกเปลี่ยน พูดคุย ทำความรู้จัก รู้สึกอบอุ่นดีครับ
• เล่าถึงการเรียนในบางวิชาที่ได้เรียนไปบ้างแล้วหน่อย?
วิชา case study โตนเรียน Global Study การวิจารณ์นโยบายการค้าเสรี ศึกษาจากจากแนวทางของประธานธิบดีคนปัจจุบันที่จะออกห่างจากการค้าเสรี
วิชากฎหมาย โตนได้เรียนรู้กฎหมายเบื้องต้น ช่วยทำให้เราเข้าใจบริบทของคนอเมริกันมากขึ้น
วิชา GRD 500 Grduate Success โตนได้เรียนเรื่องการจัดการเวลา การทำงานกับคนอื่น การกิจกรรมกับคนอเมริกัน เพื่อคลุกคลีและซีมซับวัฒนธรรมอเมริกัน
วิชา Career Development เช่นการเขียน resume การใช้ LinkedIn วิชานี้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
• การเดินทางที่ Valpo เป็นยังไง?
ที่นี่ไม่มีรถ bus แต่มหาวิทยาลัยจะมีรถบัส V-line ประมาณ 3 เส้นทาง ไป Walmart, Social Security Office ไปส่งสถานีรถไฟ (ที่จะพาเราไปถึง Chicago) การเดินทางไปกลับที่พักและมหาวิทยาลัย สามารถเดินเท้าได้ หรือขึ้น V-line ได้
เมือง Merrville, Indiana เป็นอีกเมืองขนาดไซต์ใหญ่กว่า Valpo ที่อยู่ใกล้ๆ มี wholeseller และ Salt Lake Mall มี super market ที่ขาย International food นักศึกษาสามารถขับรถไปได้ ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง หรือเรียก Uber ไปได้
• อยู่มานานแค่ไหนแล้ว และจากที่อยู่มาคิดว่าเราได้อะไรที่เราไม่น่าจะได้ หากใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเกิด?
โตนอยู่ Seattle มา 1 ปีเต็ม ตอนนี้อยู่ Valpo มาประมาณ 9 เดือนแล้ว รวมทั้งหมด 1 ปี 9 เดือนในอเมริกา จากการใช้ชีวิตที่อเมริกา โตนได้เห็นความเคร่งขัดในการเคารพกฎระเบียบจราจร ขับรถไม่ยาก รู้สึกปลอดภัย
การได้มาศึกษาต่อที่อเมริกา โตนได้ฝึกความรับผิดชอบ ได้ดูแลตัวเอง ทำเป็นทุกอย่าง ต้องทำกับข้าวเป็น แบ่งเวลาเรียน ดูแลตัวเอง ถ้าอยู่เมืองไทยก็สบาย ที่บ้านทำให้หมดเลย รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นเยอะเหมือนกัน
โตนได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง บางทีถ้าเราอ่านจากหนังสือ เราอาจมีความเชื่อแบบหนึ่ง ซึ่งถ้าเกิดเราไม่ได้มาสัมผัสกับคนอเมริกันจริงๆ ไม่ได้สอบถาม แลกเปลี่ยน เราก็ไม่ได้เรียนรู้มุมมอง ทัศนคติของเค้าเป็นยังไง ต่อคนต่างชาติ และอเมริกันเป็นอย่างไร เราก็อาจมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนก็เป็นได้
• วางแผนต่อไปยังไง?
เทอมสุดท้ายอาจจะทำ Internship และแพลนว่าอาจจะทำ OPT หลังจากจบ เพราะคาดหวังจะได้ประสบการณ์การทำงาน ตั้งแต่โตนเรียนมายังไม่มีประสบการณ์การทำงาน ความเข้าใจในโลกของการทำงาน เพื่อโอกาสด้านการทำงานในไทยในอนาคต ตอนนี้โตนมองว่า คนต่างชาติอาจหางานได้ยากหน่อย ด้วยนโยบายของประธานธิปบดีคนปัจจุบัน ที่เค้าจะให้ความสำคัญกับคนอเมริกันก่อน แต่ถ้าเรามีความสามารถจริง ก็คงไม่มีปัญหา
• มีอะไรอยากแชร์เพิ่มเติมไหม?
สำหรับคนที่ลังเลว่าจะมาเรียต่อที่ Valpo ดีไหม …โตนเลือกเมืองนี้เพราะค่าใช้จ่ายและความคุ้นเคย มาเมืองนี้ไม่ผิดหวังในเรื่องของเงิน เพราะคุ้มค่า คนเป็นมิตร มีความปลอดภัย ได้เข้าถึงวิถีชีวิตของอเมริกันในเมืองขนาดเล็ก
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Valparaiso University คลิก