ข้อมูลที่ต้องรู้เกี่ยวกับการเรียนต่อนิวซีแลนด์

ประเทศนิวซีแลนด์ตั้งอยู่ในตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นประเทศแห่งหมู่เกาะ และได้รับการขนามนามว่าเป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบไม่มีใครเหมือน ชนเผ่าพื้นเมือง (Māori) เรียกดินแดนแห่งนี้ว่า Aotearoa ซึ่งแปลว่า long white cloud

นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมก่อตั้ง the United Nations (UN) และเป็นสมาชิกขององค์กรระดับนานาชาติมากมายที่ส่งเสริมสันติสุข การปกป้องสิ่งแวดล้อม และความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ นักเรียนต่างชาติจะได้ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและเปิดกว้างต่อการปฏิสัมพันธ์ข้ามความแตกต่างทางวัฒนธรรม

ทำไมต้องไปเรียนที่นิวซีแลนด์?

หากพูดถึงเรื่องตัวท็อปด้านการศึกษาแล้ว นิวซีแลนด์ถือเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อด้านคุณภาพของการศึกษาติดอันดับโลก การันตีด้วยการเป็นประเทศหนึ่งเดียวที่มีมหาวิทยาลัยถึง 8 แห่งมีมาตรฐานติดอันดับท็อป 3% ของโลก และเป็นประเทศที่เปิดโอกาสให้นักศึกษานานาชาติได้เข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูง อีกทั้งมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ยังมีหลักสูตรและโปรแกรมที่หลากหลาย อาทิ สาขาบริหารธุรกิจ, วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์,การบริการสังคม, มนุษยศาสตร์ รวมถึงสาขาวิชาใหม่ๆ ที่คนรุ่นใหม่กำลังสนใจและเป็นที่ต้องการของตลาดงานอย่างปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีสร้างสรรค์ และวิทยาศาสตร์ข้อมูล นอกจากนี้นิวซีแลนด์ยังเป็นประเทศที่เป็นผู้สร้างไอเดียที่สร้างสรรค์และนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆ สู่ผู้ใช้เทคโนโลยีทั่วโลกอีกด้วย

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีความใฝ่ฝันที่จะพัฒนาตัวเอง เรียนในระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย อัตราค่าครองชีพไม่สูงมากนัก อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับกฎหมายคุ้มครองนักเรียนต่างชาติ และการทำงานหารายได้ระหว่างเรียนและทำงานได้กับทุกประเทศทั่วโลก (รวมถึงโอกาสที่จะทำงานได้อย่างถูกกฎหมายในช่วงที่เรียนภาษาอังกฤษ) การเลือกเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ถือว่าตอบโจทย์เลยทีเดียว

ระบบการศึกษาที่นิวซีแลนด์

credit: https://www.icef.com/

credit: https://www.icef.com/

ระบบการศึกษาในนิวซีแลนด์แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก และแบ่งออกเป็น 10 ระดับ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

1) Early Childhood Education: การศึกษาก่อนวัยเรียน

• ระดับ 1 วัยก่อนเรียน (Preschool) อายุ 2-5ปี

ระบบคล้ายกับเนอสเซอรี่ทั่วไป เป็นการเรียนรู้ในเด็กก่อนวัยเริ่มเรียน เพื่อช่วยพัฒนาให้เด็กมีความมั่นใจ และเตรียมพร้อมเพื่อการเข้าเรียนในอนาคต

2) Primary and Secondary School: การศึกษาระดับประถมและมัธยมศึกษา

ระดับ 2 ประถมศึกษา (Primary School: Year 1-6) อายุ 5-10 ปี

นักเรียนในระดับประถมศึกษาจะเรียนวิชาต่างๆ ตามหลักสูตรการศึกษาประจำชาติ (New Zealand National Curriculum) 

• ระดับ 3 มัธยมศึกษาตอนต้น (Intermediate School: Year 7-8) อายุ 10-13 ปี

การศึกษาระดับนี้จะเป็นการสร้างพื้นฐานการเรียนให้เข้มข้นขึ้น นักเรียนจะพัฒนาความสามารถในการคิด การสร้างความมั่นใจในตัวเอง และการค้นหาความสนใจของตัวเอง

• ระดับ 4 มัธยมศึกษาตอนปลาย (Secondary School: Year 9-13)

อายุ 13-18 ปี นักเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจะได้รับคุณวุฒิ National Certificate of Educational Achievement (NCEA) เมื่อจบการศึกษา ซึ่งได้รับกรรับรองจากสถาบันชั้นสูงทั้งหมดของนิวซีแลนด์ และมหาวิทยาลัยทุกแห่งในโลก

3) Tertiary Education: การศึกษาระดับสูง ซึ่งรวมทั้งสายวิชาการและสายวิชาชีพ

ระดับ 5-6 การศึกษาขั้นสูงและหลักสูตรวิชาชีพ หรือประกาศนียบัตร (Certificate / Diploma) ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายสาขา

• ระดับ 7-10 วุฒิการศึกษาระดับปริญญา บัณฑิตศึกษาและสูงกว่าปริญญาตรี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • ระดับ 7: หลักสูตรปริญญาตรี (Bachelor’s Degree) หรือ Graduate Diploma / Certificate 
  • ระดับ 8: หลักสูตรปริญญาตรี (Bachelor Honours Degree) หรือ Post Graduate Diploma / Certificate
  • ระดับ 9: หลักสูตรปริญญาโท (Master’s Degree)
  • ระดับ 10: หลักสูตรปริญญาเอก (Doctoral Degree)

ประเภทของสถาบันและหลักสูตรการศึกษาที่นิวซีแลนด์

1) มหาวิทยาลัย (Universities)

ประเทศนิวซีแลนด์มีมหาวิทยาลัยทั้งหมด 8 แห่ง เปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก มหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งนี้ได้ถูกจัดอันดับให้อยู่ใน Top 3% ของหมาวิทยาลัยจากทั่วโลก สำหรับการวิจัย การจ้างงานหลังจบการศึกษาและความเป็นนานาชาติ ซึ่งสาขาการเรียนที่ได้รับความนิยมจากนักเรียนต่างชาติมีหลากหลาย อาทิ Accounting and Finance, Anatomy & Physiology, Anthropology, Civil & Structural Engineering, Dentistry, Education, English Language & Literature, Library & Information Management, Nursing, Psychology, Sport-related subjects เป็นต้น

สำหรับมหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งนี้ ประกอบด้วย

Auckland University of Technology (Auckland)

The University of Auckland (Auckland)

University of Canterbury (Christchurch)

• Lincoln University (Lincoln)

Massey University (Palmerston North, Auckland, Wellington)

University of Otago (Dunedin)

University of Waikato (Hamilton, Tauranga)

Victoria University of Wellington (Kelburn, Wellington)

2) Te Pūkenga/New Zealand Institute of Skills and Technology (NZIST)

กลุ่มที่สองนี้เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ได้รับเงินสนับสนุนโดยรัฐบาลของนิวซีแลนด์ ซึ่งจะแตกต่างจาก university ด้วยพันธกิจหลักที่จะให้ความสำคัญต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการฝึกปฏิบัติ การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์และการทำงานจริง เพื่อให้ได้มาซึ่งทักษะและความรู้ที่สามารถนำไปใช้งานได้ทันทีหลังสำเร็จการศึกษา โดยมีจะมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้

• ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลของนิวซีแลนด์
• มีการทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ทำงานในสายงานที่ศึกษา พร้อมทำงานหลังเรียนจบ
• ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทักษะตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและผู้ว่าจ้าง
• มีองค์ประกอบของการศึกษาวิจัย เพื่อพัฒนานวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม
• ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทักษะตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและผู้ว่าจ้าง
• เปิดสอนหลักสูตรการเรียนที่หลากหลาย ทั้งหลักสูตรสำหรับการประกอบอาชีพ หลักสูตรพัฒนาทักษะเฉพาะทาง รวมถึงหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษ
• โดยทั่วไปแล้วจะมีอัตราค่าเล่าเรียน (tuition fees) ที่ประหยัดกว่ามหาวิทยาลัย

3) Private Training Establishments (PTEs)

PTEs ทำหน้าที่เหมือนกับ NZIST แต่จะเป็นสถาบันของเอกชน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 380 สถาบันที่ได้รับการอนุมัติและรับรองคุณภาพโดยรัฐบาลของนิวซีแลนด์ เปิดสอนหลักสูตรที่หลากหลาย รวมถึงหลักสูตร pathways เพื่อเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรการศึกษาระดับที่สูงขึ้นในมหาวิทยาลัย หรือ Institutes of Technology and Polytechnics (ITPs) ซึ่ง PTEs มีองค์ประกอบสำคัญดังนี้

• ได้รับการรับรองคุณภาพโดยรัฐบาลของนิวซีแลนด์
• ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะเฉพาะทาง ที่นำไปใช้งานได้จริง โดยหลักสูตรการเรียนจะประกอบด้วยการทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม และการเรียนรู้ผ่านการทำโปรเจค
• ชั้นเรียนที่มีอัตราส่วนของนักเรียนต่อผู้สอนในอัตราที่ต่ำ เพื่อทำให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์และเข้าถึงผู้สอนได้เป็นอย่างดี
• บางสถาบันมีหลักสูตรเฉพาะทาง ทั้งในระดับพื้นฐานและระดับประกาศนียบัตรสำหรับบัณฑิต อาทิด้าน การบิน แอนิเมชั่น การก่อสร้าง รวมถึงการศึกษาสำหรับเด็กเล็ก

ที่สำคัญ PTEs มักจะเปิดสอนหลักสูตร pathway

เพื่อให้นักเรียนที่ขาดคุณสมบัติด้านวิชาการในการศึกษาต่อ โดยมีความเป็นไปได้ดังนี้

• University Foundation Programmes:

หลักสูตรสำหรับที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในมหาวทยาลัย โดยมีคุณสมบัติด้านวิชาการ เช่น จบมัธยมปลายแล้ว แต่ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์ อาจจะสามารถเลือกศึกษาต่อในหลักสูตร University Foundation โดยใช้เวลาประมาณ 1 ปีการศึกษา เพื่อพัฒนาทักษะด้านวิชาการ ความถนัดด้านภาษาอังกฤษ และความรู้เฉพาะสาขาที่ต้องใช้ในการเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรที่สนใจ

• Diploma to Bachelor’s Degree Pathway:

หลักสูตร Diploma ของ PTE อาจจะสามารถโอนหน่วยกิตเพื่อเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรปริญญาตรีของมหาวิมยาลัยได้ 

• English Language Pathway

สำหรับนักกเรียนที่มีคุณสมบัติด้านวิชาการที่ถึงเกณฑ์ สำหรับเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นแล้ว แต่ระดับภาษายังไม่ถึงเกณฑ์ สามารถเลือกเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเชิงวิชาการให้ถึงเกณฑ์สำหรับการเข้าศึกษาต่อได้

สนใจเรียนภาษาอังกฤษที่นิวซีแลนด์

พร้อมสิทธิทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย

เรียนภาษาอังกฤษที่นิวซีแลนด์

นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ผู้คนสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษเป็นหลัก จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการเรียนรู้ภาษาผ่านประสบการณ์การใช้งานจริง ไปพร้อมกับหลักสูตรการศึกษาที่ผลักดันให้คุณได้กล้าที่จะเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญสามารถเรียนภาษาอังกฤษและทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย

ค่าใช้จ่ายเรียนต่อที่นิวซีแลนด์

สำหรับค่าเงินของประเทศนิวซีแลนด์ คือ NZ dollar ปัจจุบันนี้ 1 NZ$ จะอยู่ที่ประมาณ 20 บาท

หากคำนวนค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าเล่าเรียนโดยประมาณแบบรายปีจะได้ ดังนี้

ระดับป.ตรี (Bachelor’s Degree) $22,000 – $40,000 

ระดับปริญญาโท (Master’s Degree) $20,000 – $45,000 

ระดับปริญญาเอก (Doctoral Degree) $6,500 to $9,000 

สำหรับหลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษที่นิวซีแลนด์ ค่าเล่าเรียนจะอยู่ที่ประมาณ $300 – $500 NZD ต่อสัปดาห์ 

ในส่วนค่าครองชีพ (Living costs)

นอกเหนือจากค่าเรียน แนะนำว่าควรมีอย่างน้อย NZ 20,000 ต่อปี สำหรับค่าอาหาร และที่พัก หรือ $380 – 480 ต่อสัปดาห์สำหรับค่าเช่าบ้าน/ ค่าหอ, ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ค่าโทรศัพท์, ค่าอินเตอร์เน็ต และอื่น ๆ