รีวิว เรียนหลักสูตร Health Care Administration Management ที่แคนาดา
กับสถาบัน Fanshawe College โดยคุณนุ่มนิ่ม
อะไรทำให้ตัดสินใจมาเรียนต่อที่แคนาดา?
เริ่มจากตอนมัธยมต้นเราอยากเรียนและอยากทำงานใช้ชีวิตที่ต่างประเทศอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสเลย เพราะเราเรียนสายแพทย์ด้วย จนเรียนจบทำงาน เราก็คิดเรื่องนี้เรื่อย ๆ จริง ๆ สนใจ 5 ประเทศ อเมริกา แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่เป็นประเทศยอดฮิตที่เขาไปเรียนกัน รู้สึกว่า แคนาดามีความหลากหลายสุด ไม่มีการเหยียดเชื้อชาติเหยียดผิวกันเท่าไหร่จากเท่าที่ศึกษาดูค่ะ
ทำไมถึงเลือกเรียน Health Care Administration Management ที่ Fanshawe?
มันเกี่ยวข้องกับที่เราเรียนทันตแพทย์มา แต่ไม่เคยได้เรียนเกี่ยวกับบริหารธุรกิจเลย ซึ่งจริง ๆ มันต้องใช้ ถ้าเราอยู่คลินิก เราควรจะรู้เกี่ยวกับการบริหาร แต่มันไม่มีเรียน ที่ไทยถ้าจะเรียนจะเป็นต้องเป็นสาธารณสุข ซึ่งมันจะเป็นเฉพาะแต่โรงพยาบาลรัฐ แต่ถ้าเราอยากอยู่เอกชนมันต้องมีความรู้เกี่ยวกับการบริหารและการจัดการค่ะ เลยคิดว่าอันนี้ต่อยอดได้ มันไปได้สองทางคือ กลับไปอยู่ไทยเปิดคลินิกก็ได้ หรืออยู่โรงพยาบาลตำแหน่งบริหารก็ได้ หรือถ้าอยู่ที่นี่ต่อก็ทำงานแอดมิน healthcare ต่อ ก็ดูเป็นงานที่มีความต้องการ แต่อาจจะหางานยากนิดนึงช่วงนี้ค่ะ เพราะเขาต้องการคนที่มีประสบการณ์ และที่เลือก Fanshawe เพราะหาข้อมูลเรื่อย ๆ ของคอร์สนี้ที่แคนาดา จริง ๆ มีมหาวิทยาลัยที่นึงที่เปิดคอร์สนี้เหมือนกัน แต่แพงมาก ค่าเทอม 3 ล้าน แต่ที่ปัจจุบันค่าเทอมลดลงมา 2 เท่าเลย และก็ได้ดู open house ที่เป็นของ Fanshawe ดูของก้อปันกันที่แนะนำหลักสูตรนี้ บวกกับหาข้อมูลในเว็บไซต์เพิ่มเติม ก็ดูเป็นสิ่งที่น่าสนใจและสามารถนำเอามาใช้จริงได้ค่ะ
การเรียนการสอนในหลักสูตรนี้ได้เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้างคะ?
คอร์สนี้เป็นหลักสูตรสองปี ไม่มีฝึกงาน แต่มีโปรเจคจบที่ให้เราเข้าไปใช้ความรู้ที่เราเรียนมาทั้ง 3 เทอม ช่วยเขาแก้ปัญหาเรื่องต่าง ๆ การจัดการคนไข้ หรือ schedule ก็จะเป็นโอกาสนึงที่เราได้ติดต่อ connection กับสถานพยาบาล เผื่อจะได้รู้จักคนเยอะขึ้น และต่อยอดตอนหางานจริง อย่างอาจารย์ บางท่านเขาก็ทำงานในโรงพยาบาลอยู่แล้วก็จะได้รู้จากตรงนั้นด้วย
ส่วนตัวหลักสูตร มันจะมีสองส่วน ส่วนแรกจะเป็นธุรกิจ เป็นความรู้เกี่ยวกับ การตลาด การบริหารองค์กร การเงิน และความรู้อีกส่วนนึงจะเป็นเกี่ยวกับ Canadian healthcare อย่าง OHIP ของที่ออนแทริโอ อะไรใช้ได้บ้าง จะคล้าย ๆ กับบัตรสามสิบบาทของบ้านเรา อันไหนอยู่ในขอบเขตที่เขาครอบคลุมให้ อันไหนที่เราต้องมีประกันจ่ายเอง และก็พวก billing /scheduling/ administrative pro เหมือนการรับโทรศัพท์คนไข้ คนไข้มาแล้วจะให้คิวใครก่อนหลัง
หลังจากเรียนหลักสูตรนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง ช่วยรีวิวหลักสูตรนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ?
ก็ครอบคลุมนะคะ เขาจะเรียนกว้าง ๆ เหมือนว่า Canadian healthcare เป็นยังไง แต่คิดว่าถ้าอยากเจาะทำคลินิกฟัน หรือโรงพยาบาลอาจจะต้องลงคอร์สเสริมนิดนึง ซึ่งมันมีออนไลน์อยู่แล้วไม่ยาก แต่ถ้าถามว่าคอร์สนี้เป็นยังไง สำหรับตัวเราเอง คิดว่ายากนะ เพราะว่าไม่มีพื้นฐานธุรกิจเลย ตอนมาเรียนคือมาเรียนทุกอย่างใหม่หมด ความรู้เป็นศูนย์เลย แต่ข้อดีคือเราไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมาเยอะ เพราะเขามี textbook ให้ มีบอกว่าใช้เล่มไหนและก็อ่านเอาตามตอนเรียนเลย เขาจะมีตารางมาให้เลยว่า สัปดาห์นี้วิชานี้ เรียนเรื่องนี้ให้อ่านหน้านี้ถึงหน้านี้ ตอนแรกคิดว่าไม่น่ายากมาก เพราะว่าเทอมนึงเรียน 5-6 วิชา วิชานึง 2 ชม. อย่างเทอมแรกเรียน 6 ตัว คิดว่าอาทิตย์นึงเราเรียนแค่ 12 ชม.เอง คิดว่าจะว่างเยอะ แต่ความจริงคือ แต่ละวิชาที่เรียนในเทอมนั้น อาจารย์จะบอกเลยว่าให้อ่านหนังสือหน้าไหนถึงหน้าไหน เราก็อ่านไปก่อน อ่านเสร็จ เข้าไปในห้องก็ไปเรียน จะมี assignment บางวิชาเป็นงานกลุ่ม บางวิชาเป็นงานเดี่ยว เรียนเทอมสองก็แอบยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่มันจะค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นว่าแต่ละวิชามันก็จะประมาณนี้
อาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ก็จะจบในด้านที่ตัวเองสอน อย่างวิชา Organization management หรือ Marketing Finance เขาก็จะจบสายทางด้านนี้มา แต่ที่แน่ ๆ อาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับ Billing / Scheduling เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Health information เหมือนเขาทำงานอันนี้อยู่แล้วด้วยค่ะ ส่วนเพื่อนในคลาสไม่มีคนแคนาดาเลยค่ะ มีอินเดีย โคลอมเบีย บราซิล เปรู ไทย ฟิลิปปินส์ แต่ข้อดีของ Fanshawe คือ ในคลาสเขาจะปนชาติอื่น ๆ มา ไม่ได้มีแค่อินเดียอย่างเดียว
ตอนเข้าเรียนหลักสูตรนี้ เขา require อะไรบ้างคะ?
เขา require ให้จบสายการแพทย์มาและก็ IELTS 6.5 หรือคะแนนภาษาอังกฤษของ Duolingo ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกณฑ์เปลี่ยนไปยังไงนะคะ แต่อย่างสายการแพทย์ จบทางด้าน Biologist, Public health, Nurse, Dentist, Pharmacist จะหลากหลายค่ะ มันกว้างอยู่นะคะ จะทำงานวิจัยเกี่ยวกับสาย health science มาก็ได้ค่ะ
Fanshawe มีบริการอะไร support นักเรียนบ้างคะ?
ถ้ามาแรก ๆ จะมี career service ช่วยตรวจ resume / cover letter ให้เรา ว่าเป็น Canadian form ไหม และก่อนเปิดเทอม 1-2 วัน เขาจะมีอีเมลมาถามว่าเราจะเข้าร่วมไหม มาเจอตัวต่อตัวก็ได้หรือออนไลน์ก็ได้ เขาจะคอยช่วยปรับและดูว่าเรามี background อะไรและเอามาใช้ได้ยังไงค่ะ ชอบตรงที่ career service ใช้ได้ตั้งแต่เรียนยันทำงานหรือออกจากงาน ก็ยังสามารถใช้ได้ตลอด มีไปยืมเสื้อสูททางการก็ได้นะคะ อีกอันก็ Fanshawe Student Union ที่มาจัดงาน เราก็สามารถเข้าร่วมงานได้นะคะ และก็มี Fanshawe Friends เป็นกรุ๊ปแชท นักเรียนปัจจุบันมีปัญหาอะไรก็ติดต่อกันได้ และก็มี International Department สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้เลยค่ะ เคยบัตรหายและมันทำอะไรไม่ได้เลย ก็เลยถามเขา เขาก็บอกขั้นตอนการทำบัตรใหม่ให้ มีบริการห้องสมุดไว้ใช้หาข้อมูลทำวิจัย มีห้องสมุดออนไลน์ด้วยนะคะ สามารถจองกับเจ้าหน้าที่ได้ เขาจะบอกขั้นตอนว่าทำยังไง ส่วนพวก ยิม ออกกำลังกาย ปีนผา ก็มีนะคะนักเรียนทุกคนใช้ฟรีค่ะ พี่คิดว่า Fanshawe ดีนะคะ ตอนแรกคิดว่าเป็นมหาวิทยาลัยธุรกิจหาเงิน แต่พอมาเรียนจริง ๆ เขาก็มี Department ต่าง ๆ คอย support เด็ก มันก็ win-win กันทั้งคู่ค่ะ เราเรียนที่นี่ ได้งานที่นี่เราโตที่นี่ได้ เขาก็ได้ชื่อ และก็จะได้เด็กใหม่เข้ามาเรียนเรื่อย ๆ ไม่ได้ทิ้งเด็ก
แนะนำการทำประกันแบบไหนที่ครอบคลุมให้แก่นักเรียนมากที่สุดคะ?
ถ้าอย่างมาเรียน Fanshawe จะมีประกัน Morcare เป็นประกันเอกชน ให้นักเรียนทุกคนอยู่แล้วค่ะ ซึ่งมันดีกว่า OHIP ที่เป็นของรัฐอีกค่ะ มันครอบคลุมเยอะกว่า เราไปนวดก็เบิกได้ หรือบางที่ก็รับเคลมให้เลย ไม่ต้องออกเงินก่อนแล้วเบิกคืนทีหลังค่ะ หรือถ้าเป็นคนทำงาน ตามบริษัทจะทำประกันให้พนักงานอยู่แล้ว ถ้าทำงานจะได้ OHIP อยู่แล้ว และบริษัทเขาจะรู้ว่าอันไหนไม่ครอบคลุมก็จะมีเสริมให้ เลยคิดว่าไม่ต้องเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่อาจจะห่วงเรื่องที่มาเป็นคู่ ช่วงก่อนเปิดเทอม ที่ประกันของโรงเรียนยังไม่ครอบคลุม อันนั้นอาจจะต้องซื้อประกันมาก่อนช่วงสั้น ๆ 3-4 อาทิตย์ก่อนเปิดเทอมค่ะ ถ้าเท่าที่พี่ทราบ ถ้าเรียนจบแล้วยังหางานไม่ได้ Morcare ก็มีให้เราสามารถต่ออายุประกันไปจนถึงวันที่เราได้งานก็ได้ค่ะ
ช่วยแชร์ประสบการณ์การหางานและการทำงานที่ London, Ontario ได้ไหมคะ?
พี่ไปถาม career service ตั้งแต่แรกเลยค่ะ พี่มี background ทำงานเกี่ยวกับเด็กมาก่อน เลยไปสมัคร London Student Connection ผ่าน Indeed จะเป็น Before-After School Educator เราเข้าไปสอนเด็กก่อน-หลังเวลาเลิกเรียน ไม่ได้สอนจริงจัง เหมือนพาเขาทำกิจกรรมมากกว่า และก็อีกงานพี่ทำเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารเอเชียอันนี้เรา Walk-in เข้าไปสมัคร เราทำงานได้ 20 ชั่วโมง พี่ก็จะทำที่ละ 10 ชม. ค่ะ แต่พี่เห็นคนที่เป็นพยาบาลสามารถไปทำงานเป็น Personal Support Worker ได้ค่ะ Long Term Care เป็นอีกสาขานึงที่ต้องการและ Early Childhood Education เขาต้องการมาก และก็แนะนำตอนสมัครงานให้กรอก Cover letter ใส่ไปด้วย อย่าใส่แต่เรซูเม่อย่างเดียว
ส่วนตัวคิดว่าที่เมืองนี้หางานยากไหมคะ?
พี่ว่าแล้วแต่จังหวะ ถ้าร้านไหนเขามีคนอยู่แล้วไม่ได้ต้องการเขาก็ไม่รับ แต่พี่ไปจังหวะที่คนขาดพอดี เลยได้ พี่ว่ามันมีงานว่างเรื่อย ๆ แต่เพื่อนก็ใช้เวลาหางานกันประมาณ 1 เดือนนะคะ ไม่ได้ยากมาก แต่ด้วยความที่มันเป็นเมืองมหาลัย นักเรียนทุกคนจะอยู่ที่นี่ มันอาจจะแข่งกันนิดนึง แต่บางที่ก็ใครมาก่อนได้ก่อน ถ้าเรา walk-in เข้าไปถาม เขาก็อาจจะรับเลย แต่ถ้าเป็นงานอื่น อย่างมี background ตรงกับงานที่เขาต้องการเช่น พยาบาล เขาก็รับเลยเช่นกัน
สายงาน Healthcare เป็นที่ต้องการมากไหมในเมืองลอนดอน?
ความจริงพี่ว่า ถ้าเขารู้ เขาต้องการนะคะ เท่าที่พี่เห็นเอง ถ้าเป็นคลินิกหมอฟันเล็ก ๆ เขาจะเหมือนบ้านเราเลย คือเทรนคนมาเอง ก็อาจจะไม่ได้รู้เท่าที่เราเรียนมา ความจริงอาจารย์บอกว่า 90-95% ของคลินิกทั่วไป ไม่มีแอดมินเลย แต่เป็นที่ต้องการนะ พี่ว่าอาจจะอีกสักพักนึง แต่ตอนนี้งานนี้อยู่ใน Tier ที่เป็นงานที่ต้องการ แต่คลินิกเล็ก ๆ อาจจะไม่ได้คิดว่าจำเป็นต้องจ้างนะ แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาล Long term care หรือ คลินิกที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยเป็นแฟรนไชส์ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมีแอดมิน healthcare
มีวิธีการหาที่พักที่แคนาดาอย่างไร?
พี่มาอยู่ Airbnb ก่อนสามอาทิตย์ ดูใน Kijiji / FB market place แล้วก็เดินดูเลยค่ะ ไปหาเจ้าของบ้าน มันจะมีทั้งสองแบบคือ เจ้าของบ้านแบ่งบ้านให้เช่า ห้องนอนใครห้องนอนมัน แชร์ห้องน้ำ แชร์ห้องครัว และก็จะมีอะพาร์ตเมนต์อยู่คนเดียวก็มี แต่ตอนนี้ที่พี่อยู่เป็นบ้านและก็แชร์ห้องน้ำ พี่ใช้กับเพื่อนอีกคนนึง แชร์ห้องครัวกัน เรทตอนนี้อยู่ที่ 700-750$ รวมค่าไฟ ค่าน้ำ และค่าอินเทอร์เน็ต
เมือง London, Ontario เป็นยังไง หลังจากอยู่แล้วเมืองนี้มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง?
ถ้าถามพี่ พี่ชอบเพราะตอนอยู่ไทยพี่อยู่นครสวรรค์ มันเป็นเมืองห่างกรุงเทพ 2-3 ชม. อันนี้ห่างโทรอนโต 2 ชม. มันเลยจะคล้าย ๆ กัน จะมีห้างขายอาหารเอเชีย มีร้านขายวัตถุดิบไทยเลยก็มี และก็ไม่ได้วุ่นวายมาก ดึกก็เงียบ ขนส่งสาธารณะ จะมีรถบัส อาจจะมีช้าบ้าง แต่ถือว่าค่อนข้างไว้ใจได้อยู่ ไม่ได้แย่ขนาดรอเป็นชม. ดู Google map หรือ London Transit Application ได้เลย
ข้อดีของเมืองนี้พี่ว่าปลอดภัย ไว้ใจได้ประมาณนึงเลย ส่วนที่ไม่ค่อยปลอดภัยคือดาวน์ทาวน์ที่คนไร้บ้านอยู่ แต่โซนอื่น ๆ ไม่ได้มีอะไรที่ไม่ปลอดภัย ตอนกลางคืนดึก ๆ ก็เดินได้ และก็พอมีร้านอาหารประมาณนึง อาจจะไม่ถูกใจมาก แต่ก็มีเมนูที่โอเคอยู่ ร้านอาหารมีหลากหลายสัญชาติ หาซื้อของไม่ยากเพราะมีห้างใหญ่หลายจุดอยู่ค่ะ ราคาบ้านและที่พักโอเค มีเยอะ หาไม่ยาก
ส่วนข้อเสีย พี่ว่าอาหารไทยร้านที่อร่อย ไม่ค่อยมี แต่พี่ไปเจอที่โทรอนโตเยอะ และก็เรื่องงาน มันเป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยเพราะฉะนั้น จำนวนงานมันเยอะก็จริง แต่คนที่จะสมัครก็เยอะเหมือนกัน อย่างครูพี่ก็แนะนำให้หางานเมืองรอบ ๆ เหมือนกันค่ะ เพราะอย่าง Job description ที่เมืองรอบ ๆ เขาเปิดรับคนที่จบใหม่แบบยังไม่มีประสบการณ์ทำงานมาเหมือนกันค่ะ
กิจกรรมที่คนที่นี่ทำคือจะมีเว็บไซต์ city of London บอกว่าอาทิตย์นี้มีกิจกรรมอะไร ดูหนังที่นี่ ทุกวันอังคารค่าหนังจะถูก โยนโบว์ลิ่ง หรืออย่างไปเที่ยวน้ำตกไนแองการ่า เขาก็มีรถบัสรับ-ส่ง ราคาถูกบริการ และก็มีไปเที่ยวสวนสนุกกับทางมหาวิทยาลัย หรือไปสวนสาธารณะที่นี่ก็มีความสุขแล้วค่ะ
ก่อนมาแคนาดามีข้อกังวลอะไรบ้างไหม และมีวิธีการรับมือและแก้ไขปัญหายังไง?
กลัวไม่มีเพื่อนค่ะเพราะมาคนเดียว เราก็เป็น Introvert ด้วย ภาษาอังกฤษเราดีรึยัง แต่พอมาจริง ๆ พี่โชคดีที่คนร่วมบ้าน Airbnb เดียวกัน เป็นคู่สามีภรรยาที่เขามาเรียน Fanshawe เหมือนกัน เราเลยได้ไปทำ Bank account ซื้อซิมโทรศัพท์ และสมัคร SIN Number กับเขา พี่รู้สึกว่าคนที่นี่ค่อนข้างเป็นมิตร แรก ๆ ที่มาเรายังใช้บัตรนักเรียนเป็น Bus pass ไม่ได้ เราต้องซื้อตั๋ว Bus pass เหมือนเขารู้ว่าเรามาใหม่ ก็ช่วยแนะนำวิธีการใช้งานให้ คนขับรถบัสก็ช่วยอธิบายบอกวิธีใช้ให้เรา เลยรู้สึกว่าพอมาเจอจริง มันไม่ได้เป็นแบบที่เรากังวลเลย มาเรียนทุกคนเป็นนักเรียนต่างชาติหมด ทุกคนอยากหาเพื่อน เขาก็ชวนไปนู่นไปนี่ และก็พี่เคยได้ยินมาว่าอย่าไปคบกับเพื่อนอินเดีย แต่พอมาเจอจริงมันก็แล้วแต่คน บางคนเขาก็ดีค่ะ ก็เหมือนทุกชาติเลยมีทั้งคนดีคนไม่ดี ถ้าใครไม่ดีเราก็แค่เอาตัวเราออกมาค่ะ
และก็ตอนแรกพี่กลัวเรื่องการอยู่ shared house มาตลอดโดยไม่รู้ตัว เพราะตอนเรียนทันตแพทย์ ที่มหิดล พี่ก็อยู่หอที่ห้องน้ำชั้นนึงมีสามห้องและใช้ร่วมกัน เป็นแบบนั้นมาตลอด พอมาอยู่ที่นี่ก็เหมือนเดิมเลยค่ะ ไม่ชอบใช้ชีวิตอยู่อะพาร์ตเมนต์คนเดียวอยู่แล้ว พอมาอยู่ที่นี่จริง ๆ การอยู่กับคนอื่นก็ไม่แย่ค่ะ ถ้าคนที่มาแรก ๆ แล้วกังวลว่าเงินค่าห้องถ้าอยู่คนเดียวมันเยอะมาก เรากลัวว่าเราจะใช้เงินตรงนั้นหมด ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน การมาอยู่ shared house/ shared apartment ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ช่วยประหยัดเงินเราไปได้เยอะ
มีข้อคิด คำแนะนำอะไรสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยากมาเรียนต่อหรือมาอยู่แคนาดาบ้างไหม?
ความจริงการมาเรียนต่างประเทศเป็นเรื่องที่ดีนะ มันเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ ไม่เหมือนกับเราเรียนอินเตอร์ พี่คิดว่าต้องดูเป้าหมายของเราดีดี ว่าเราอยากมาเรียนเพื่ออะไร และก็มีแผนสำรอง ดูเป้าหมายค่ะว่าเราอยากได้ PR ที่นี่ไหม เราอยากมีประสบการณ์ใช้ชีวิตต่างประเทศ หรืออยากกลับไทยไปทำธุรกิจต่อ และก็เลือกเมืองที่เราคิดว่าอยู่ได้ คือพี่เลือกลอนดอนเพราะมันคล้ายนครสรรค์ตอนอยู่ไทย และก็เตรียมรับมือกับสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะมาเจอที่นี่ เช่น คิดว่าเรียนไม่น่ายากมาก แต่พอเรียนจริง ยากอ่า ไม่รู้เรื่องเลยความรู้เป็นศูนย์ แต่พอเรียนมาถึงเลเวลสี่ความรู้มากขึ้น พออาจารย์สั่งงานเราก็พอมีไอเดียว่าจะทำยังไง
รีวิวก้อปันกันให้ฟังได้ไหมคะ อะไรทำให้เลือกใช้บริการของก้อปันกัน?
ตอนแรกที่พี่เลือกเอเจนซี่ พี่รู้สึกว่ามันไม่ต่างกันระหว่างมีเอเจนซี่กับไม่มี อย่างเรามาเรียนส่งเอกสารเอง กับเรามาเรียนแบบมีเอเจนซี่ ก้อปันกันบอกชัดเจนว่าจะมีการคืนมัดจำหลังจากเราเรียนไปแล้วเทอมแรก ซึ่งพอมาใช้จริงก็ไม่ผิดหวัง ก้อปันกันบอกขั้นตอนต่าง ๆ ต้องทำอะไรบ้าง และก็บริการครอบคลุม อย่าง SOP ที่นี่ก็ตรวจให้เลย เขาช่วยเราหมดทุกขั้นตอน มันดีกว่าเราทำเองอยู่แล้ว รู้สึกว่าถ้าเป็นเรื่องเรียนแล้วก็ต้องจ่ายเท่ากัน เลือกที่มีเอเจนซี่ดีกว่าค่ะ