[รีวิว] เรียน Global Business Management ที่แคนาดา กับสถาบัน Centennial College โดยคุณซาซ่า

อะไรทำให้ตัดสินใจมาเรียนต่อที่ประเทศแคนาดาคะ?

ตอนแรกจบเศรษฐศาสตร์มา และไม่ได้อยากทำงานที่เป็นเชิงนักเศรษฐศาสตร์ขนาดนั้น คือยังอยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศ และเห็นโปรแกรมที่แคนาดาดูน่าสนใจ ก็เลยตัดสินใจมาเรียนต่อที่นี่ค่ะ จริง ๆ ทำงานอยู่ที่ไทยมาเกือบหนึ่งปี แล้วก็ตัดสินใจมาเรียนต่อแคนาดาเพราะรู้สึกว่ายังอยากหาประสบการณ์เพิ่มเติมด้วยค่ะ

ทำไมถึงเลือกเรียน Post Graduate Certificate in Global Business Management ที่ Centennial College?

จริง ๆ ก่อนที่จะเลือก college พอจะรู้อยู่แล้วว่าจะเรียนโปรแกรมอะไร แล้วที่อยากเรียน Global business เพราะตอนนั้นเป็นโปรแกรมเรียนสองปี แล้วรัฐบาลเขาให้ PGWP หลังเรียนจบ 3 ปี เลยลงโปรแกรมนี้ ก็ค่อยมาดูโรงเรียน พอดี Centennial college มีไทม์ไลน์ต่าง ๆ ในการสมัครที่ตรงกับช่วงชีวิตช่วงนั้นพอดี และที่โรงเรียนนี้เขามีสอนโปรแกรมนี้มาสักพักแล้ว เลยคิดว่าน่าจะมีระยะเวลาพอสมควรในการที่จะปรับปรุงหลักสูตรให้มันโอเคแล้วอ่ะค่ะ บวกกับมีคอร์สต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าเรียนด้วย

ตอนสมัครเรียน college ให้ยื่นเอกสารอะไรบ้างคะ?

จริง ๆ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องยื่นเอกสารอะไรเยอะ หลัก ๆ จะเป็น Transcript และใบจบมหาลัย และก็ตอนนั้นไม่ต้องสอบภาษา เพราะว่าเรียนจบมหาวิยาลัยจากอเมริกาเลยไม่ต้องใช้คะแนนภาษาค่ะ

การเรียนการสอนในหลักสูตรนี้เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง?

ด้วยความที่หลักสูตรนี้เป็น Post Graduate Certificate คือนักเรียนป.โท หมดเลย เขาจะมองว่าเราโตแล้ว หลักสูตรจะเรียนหลายแขนงของ Business เช่น Project management, Marketing, Accounting, Finance, Sales and negotiation, Entrepreneurship and innovation และก็มีเรียนด้าน Logistic กับ Corporate social responsibility ประมาณนี้ค่ะ รู้สึกว่าค่อนข้างครอบคลุมนะคะ

หลังจากเรียนจบมาแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ?

รู้สึกดีนะคะ โดยรวมแล้วมันก็งานเยอะมาก มีโปรเจคงานกลุ่มแทบทุกคลาส หนึ่งในทักษะที่ผู้ว่าจ้างที่นี่ต้องการ คือการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพราะงั้น college เลยพัฒนาหลักสูตรให้งานกลุ่ม ได้ทำงานร่วมกับคนเยอะมาก มีบางคลาสที่คิดว่าโดดเด่นมาก เช่น Logistic จะมีสองคลาสที่ว่าได้เรียนรู้อะไรที่ใหม่สำหรับตัวเองมาก และหลักสูตรปูพื้นฐานได้ดีสำหรับเรื่องนี้ แล้วก็คลาส Corporate social responsibility เป็นอีกคลาสที่รู้สึกว่าน่าสนใจ ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เราอาจจะไม่ได้นึกถึงในทุก ๆ วัน ในเรื่องของด้านธุรกิจ อย่างเช่น 3P People, Planet, Profit คือเรื่อง Profit กับ People เป็นอะไรที่เราต้องนึกถึงอยู่แล้ว อาจจะโฟกัสเรื่อง Profit แทนที่จะมองเป็นภาพรวม ทั้งสามอย่างเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกัน ไม่สามารถแยกกันได้ คือการที่เราจะทำธุรกิจ เราต้องนึกถึงทั้งสามสิ่งนี้ เลยคิดว่าเป็นหนึ่งในข้อคิดที่ได้จากการเรียน

ส่วนอาจารย์ถ้าพูดตรง ๆ มีทั้งดีและไม่ดีเหมือนมหาลัยทั่วไปค่ะ เวลาลงคลาสก็เลือกนิดนึง ให้ลงคลาสคนที่คนอื่น ๆ รีวิวไว้ดี ๆ ค่ะ แต่โดยรวมถ้าเทียบกับอเมริกา รู้สึกว่าคล้ายกัน เรื่องของลักษณะการสอน อาจารย์หลายท่านมีประสบการณ์มาเยอะ และดีที่ได้ฟังเรื่องเล่าของอาจารย์หลายท่าน บางคนก็มี passion แรงมาก เราสัมผัสได้จากการสอนของเขา หลายคนก็มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในด้านที่เขาสอนเลย อย่างท่านนึงสอน Management เขาก็ทำงานอยู่เป็น Business consultant และก็อยู่ใน field นี้มาค่อนข้างนานแล้วค่ะ และคนที่สอน Entrepreneurship and innovation เขาก็เป็น Entrepreneur เอง ส่วนเพื่อนในคลาสค่อนข้างหลากหลายค่ะ เหมือนกับตอนที่เรียนอยู่อเมริกา มาจากประเทศต่าง ๆ มี ละตินอเมริกา เอเชีย แอฟริกาค่ะ

Centennial College มีบริการอะไร support นักเรียนบ้าง?

มีหลายอย่างนะคะ เช่น Mental health support จะมี CALCS จะคอยช่วยนักเรียนเรื่องนั้น มีห้องสมุด และบรรณารักษ์คอยช่วยเหลือเราหาหนังสือให้ มียืม Laptop ไปปริ้นท์งาน และก็จะมีโปรแกรมที่เขาจะจับคู่เรากับรุ่นพี่ที่เรียนมาก่อนหน้าเพื่อให้คำแนะนำแก่เรา และก็มี Leadership academy ที่สามารถเข้าร่วมได้ มี Food bank ที่นักเรียนสามารถใช้บริการได้ฟรี มี Student association มีประกันสุขภาพที่ไม่จำเป็นต้องป่วยถึงค่อยใช้ แต่มันครอบคลุมถึงตัดแว่น หรือกายภาพบำบัด และเขามี Career center มันจะมีแพลตฟอร์มของ college ที่เราสามารถใช้ได้พวกตัวอย่าง resume/cover letter และก็จะมีงานที่เราสามารถไปเข้าร่วมงาน webinar หรือ workshop ต่าง ๆ ที่ช่วยเราแก้ไข resume/cover letter หรือ interview skill ของเราได้ นอกจากนั้น ยังมี session ที่เราสามารถจองได้กับ peer advisor จะเป็นเหมือน คนที่เป็นนักเรียนเหมือนกันมาช่วยเราปรับเรซูเม่ ส่วน career advisor จะเป็นเหมือนกับ peer advisor เลย แต่จะเป็นคนจาก career ด้านนั้นจริง ๆ มาให้คำปรึกษาค่ะ ถึงจะเรียนจบแล้ว ก็ยังสามารถใช้บริการต่าง ๆ เหล่านี้ได้นะคะ

ได้ทำงานไปด้วยไหม ถ้าทำช่วยแนะนำวิธีหางาน part-time หรือ full-time หน่อยค่ะ?

ทำค่ะ จริง ๆ เทอมแรกไม่ได้ทำแต่พออยู่ไปเรื่อย ๆ ก็ต้องทำค่ะ เพราะค่าใช่จ่ายมันสูง ตอนเรียนทำพาร์ทไทม์ พอเรียนจบค่อยทำฟูลไทม์ค่ะ ตอนหาหลัก ๆ สมัครงานโดยการ walk-in กับ สมัครออนไลน์ ถ้ามีคนที่สนใจทำงานร้านอาหารไทย เขาจะมีคนโพสต์ในกลุ่มคนไทยในโทรอนโตนะคะ แต่ถ้าอยากทำพวก retail สามารถสมัครออนไลน์ได้ค่ะ หรือถ้ามีคนรู้จักก็สามารถให้เขา refer เราได้ค่ะ ตอนเรียนทำพาร์ทไทม์ร้านอาหาร แต่พอเรียนจบหนูทำด้านโลจิสติกค่ะ อย่างการทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนถือว่าเป็นการเก็บ Canadian experience ค่ะ ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้ว่าจ้างงานที่นี่เขามองหา แม้ว่าเราจะมีประสบการณ์ทำงานจากที่ไทยหรือที่อื่นมา แต่เขาก็ยังต้องการประสบการณ์ในแคนาดาค่ะ และหนูก็ทำงานพาร์ทไทม์ on campus อีกงานนึงด้วยค่ะเป็น student government คืองานหลัก ๆ เขาจะ สนับสนุนให้นักเรียนต่างชาติมีสิทธิมากขึ้น และก็มีการตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ เพื่อจัดการประชุมเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน ข้อดีของการทำงานในแคมปัส คือเขาไม่นับชั่วโมงรวมกับชั่วโมงทำงานที่เขากำหนดค่ะ แต่จ่ายค่าตอบแทนการทำงานปกติ

ส่วนตัวคิดว่าหางานที่นี่ยากไหมคะ?

ยากค่ะ การมาที่นี่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่มาถึงแล้วจะหาได้เลย บางคนคิดว่าจะมาเก็บเงินเอาดาบหน้า การหางานต้องใช้เวลา บางคนโชคดีมาถึงหางานได้เลยก็มี แต่มีหลายคนที่มาแล้วหางานใช้เวลาหลายเดือนก็มี เราก็ต้องพยายามค่ะ พยายามสมัครงานหลาย ๆ ที่

มีวิธีการหาที่พักที่แคนาดาอย่างไร?

จริง ๆ หาออนไลน์ตาม Facebook marketplace, Kijiji แต่ระวัง scam ไม่ควรจ่ายเงินก่อนควรไปดูสถานที่จริงก่อน และก็มีแพล็ตฟอร์มนึงชื่อว่า Places4students.com นักเรียนสามารถหาที่พักจากแพล็ตฟอร์มนี้ได้ เราสามารถพิมพ์ว่าเรียนที่ไหน มันจะขึ้นที่พักที่อยู่ใกล้ college นั้น ๆ ให้ สามารถหารูมเมทจากช่องทางนี้ได้เช่นกัน หรืออีกทางสามารถหา Realtor ให้มาช่วยดูบ้านให้เราได้ ถ้าเราเซ็นสัญญากับบ้านที่เขาหามาให้ เราไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับเขาเพราะเขาจะได้เงินค่านายหน้าจากที่พักที่เราทำสัญญาด้วยแทน เรทที่พักถ้าเป็นคอนโด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขั้นต่ำ 2,300 CAD/เดือน ไม่รวมค่าไฟ แต่ถ้าเป็นบ้าน shared-house ตอนนั้นที่หนูอยู่ 700 รวมทุกอย่างแล้ว ยกเว้นเฟอร์นิเจอร์บางอย่าง แต่ตอนนี้ราคาน่าจะขึ้นแล้วค่ะ

เมือง Toronto เป็นยังไง มีข้อดี-ข้อเสีย อะไรบ้างคะ?

เมืองนี้ข้อดี คือความหลากหลาย มีผู้คนและอาหารหลากหลาย ด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่ เลยมีกิจกรรม อีเวนท์จัดเยอะ มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ แต่ข้อเสียด้วยความที่มันเป็นเมืองใหญ่ ก็มีคนเยอะ บางจุดอาจจะแออัดนิดนึง รถติด โดยเฉพาะในเมือง และก็พบเจอคนไร้บ้านเป็นเรื่องปกติ ถ้าคนมีความคาดหวังว่าจะมาพบฝรั่งผิวขาว อาจจะเจอได้บ้างในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าตอนเรียนคิดว่าไม่น่าจะได้เจอเยอะขนาดนั้น หลัก ๆ ต้องมีความคาดหวังที่ตรงกับความเป็นจริง อากาศที่เมืองนี้หนาวค่ะ ต่ำสุด -20 องศา รู้สึกว่าสองปีแรกที่มาอยู่ไม่ได้หนาวมากเหมือนที่คนเขาพูดถึงกัน แต่ปีนี้คิดว่าเจอ Winter ของจริงแล้วค่ะ ส่วนขนส่งสาธารณะที่นี่โดยรวมโอเคค่ะ มีเสียบ้าง ดีเลย์บ้าง ค่อนข้างครอบคลุมในตัวเมืองค่อนข้างดีตรงที่มีรถไฟให้นั่งในกรณีที่เราจะไปเมืองอื่นที่ไกลกว่าตัวเมืองโทรอนโต ถ้าเราไม่มีรถขับ อย่างถ้าจะไปไนแองกาล่า ก็นั่งรถไฟไปได้ค่ะ ระบบสาธารณะสุขของที่นี่ เขามี Free health care เราสามารถสมัครประกันสุขภาพ OHIP ได้ค่ะ เท่าที่ได้ยินคนพูดกันว่า มันต้องรอนานเพราะคนก็ใช้เยอะ บางคนป่วยอยากเจอหมอ ต้องรอคิวเป็นเดือนก็มีค่ะ แต่ส่วนใหญ่ถ้าทำงานเต็มเวลาที่นี่ เขาจะมีประกันสุขภาพให้อยู่แล้วค่ะ

อยากให้ลองเปรียบเทียบเมือง วอชิงตัน อเมริกา กับ โทรอนโต แคนาดาให้ฟังหน่อยค่ะ

พอได้คำถามนี้มา เหมือนถามว่ารักพ่อหรือรักแม่มากกว่ากัน 5555 คือที่เมืองวอชิงตัน มันจะมีความคล้ายซีแอทเทิล และซีแอทเทิลจะมีความคล้ายแวนคูเวอร์ ด้วยความที่อยู่ฝั่ง West เหมือนกันมันจะมีธรรมชาติมากกว่า คนเอเชียเยอะกว่า อากาศก็จะคล้ายกัน อากาศถ้าเทียบกับโทรอนโต หนาวไม่เท่า แต่มีฝนตกเยอะค่ะ ส่วนโทรอนโตจะมีความเป็นเมืองมากกว่า แวนคูเวอร์กับซีแอทเทิลให้ความเป็นเมือง แต่เป็นเมืองที่มีธรรมชาติอยู่แค่เอื้อม เหมือนจะไปสวนสาธารณะ ไปภูเขา มันไม่ไกล แต่โทรอนโตให้ความเป็นเมืองเลย มี 4 ฤดูชัดเจน

ผู้คนคิดว่าจริง ๆ คนแคนาดากับคนอเมริกันไม่ค่อยต่างกัน First impression ของการมาแคนาดาคือรู้สึกว่าคนค่อนข้าง nice และต้อนรับคนต่างชาติ แต่ใด ๆ ก็ตามตอนนี้ด้วยความที่นโยบายต่าง ๆ เปลี่ยนไป ทำให้ perception ของคนอาจจะเปลี่ยนไป ช่วงแรกที่มาเหมือนคนต่างชาติเป็นส่วนหนึ่งของคนที่นี่ immigrants คือ แคนาเดียน เหมือนวันก่อนดูวิดีโอหนึ่ง ถามคนต่างชาติเกี่ยวกับ immigrants ว่าเป็นเรื่องดีไหม คนส่วนใหญ่ก็จะมองว่าเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้คนหลายคนเริ่มเปลี่ยนความคิดว่า immigrants เป็นเรื่องที่ไม่ดี ด้วยความที่การเมืองและนโยบายต่าง ๆ ทำให้คนมองว่าคนต่างชาติเป็นต้นเหตุของราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่การที่ประเทศรับคนมาเยอะอย่างเดียว มันเป็นเพราะว่าประเทศมี infrastructure ไม่เพียงพอต่อคนที่จะเข้ามาด้วย เรื่องราคาบ้านสูงมันมีอยู่แล้ว แต่ยิ่งรับคนเข้ามาเพิ่ม มันก็ยิ่งทำให้ปัญหานั้นเด่นชัดมากขึ้น ไม่ได้บอกว่าแคนาดาไม่น่ามา แต่ถ้าจะมาต้องเตรียมความพร้อมมาดีดีค่ะ

ส่วนเรื่องระบบสาธารณะของทั้งสองประเทศก็เหมือน ๆ กัน และก็เรื่องระบบการศึกษาคล้ายกันค่ะ แค่ที่อเมริกาเราเรียนเป็นปริญญาตรี การปฏิบัติต่อนักเรียนก็จะไม่เหมือนกับที่ระดับ Post graduate ที่เรียนที่แคนาดาค่ะ ที่แคนาดามุมมองอาจารย์จะมองเราเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ส่วนเรื่องค่าครองชีพก็แพงพอกัน บางอย่างแคนาดาอาจจะแพงกว่าอเมริกาด้วยค่ะ คนอเมริกันจะมีความเป็น individualistic (ปัจเจกนิยม) และเสรีกว่าแคนาดา แคนาดาจะค่อนข้าง conservative (อนุรักษ์นิยม) คนอเมริกันจะตรง ๆ แต่คนแคนาเดียนจะ nice มากกว่า แต่ภาพรวมโดยทั่วไปก็คล้าย ๆ กันค่ะ ชอบทั้งสองประเทศเลย มันมีข้อดีข้อเสียต่างกันค่ะ ตอนนี้ก็แฮปปี้กับการอยู่แคนาดา

มีข้อคิด หรือคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมสำหรับ คนที่กำลังตัดสินใจอยากมาเรียนต่อหรือมาอยู่แคนาดาบ้างไหมคะ?

จริง ๆ ให้มีความคาดหวังที่ตรงกับความเป็นจริง คนที่จะมาเรียนให้มองว่า ทุกประเทศมีข้อดีข้อเสีย แล้วก็เตรียมความพร้อม เตรียมเงิน เตรียมตัว เตรียมจิตใจให้พร้อม เพราะมันก็ไม่ง่ายการที่เราย้ายมาอยู่ต่างประเทศคนเดียว หรืออยู่ห่างจากครอบครัว

รีวิวก้อปันกันให้ฟังได้ไหม อะไรทำให้เลือกใช้บริการของก้อปันกัน?

มีรุ่นพี่แนะนำก้อปันกันมาค่ะ เลยลองทักลองคุยกับพี่พี่เขาดู และเขาก็แนะนำดีค่ะ รู้สึกว่าเขาไม่ได้กดดันให้เราเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่ง เขาให้ข้อมูลมาและให้เราตัดสินใจเองเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ชอบตอนนั้นที่คุย และก็ได้ข้อมูลค่อนข้างครบ สงสัยอะไรก็ถามได้ และก็ตัวเราเคยทำงานกับพี่กันต์นะคะ ช่วงก่อนที่จะมาเรียนต่อ พูดแบบเป็นกลางไม่ได้เข้าข้าง คือส่วนตัวมองว่าเหมือนได้ข้อมูลวงในและได้เห็นอะไรที่กว้างขึ้น และก็พอได้ทำงานกับพี่กันต์ รู้สึกว่าเลือกไม่ผิดที่ใช้บริการก้อปันกัน เพราะว่าได้มองเห็นว่าทั้งพี่กันต์และทีมงานเขาแคร์นักเรียนจริง ๆ และก็ไม่หยุดที่จะพัฒนา เหมือนอย่าง Portal ตอนที่หนูไปอเมริกามันยังไม่มีนะคะ เริ่มมามีทีหลัง เขาตั้งใจพัฒนาระบบให้ดีขึ้นเพื่อให้นักเรียนเห็นขั้นตอนที่ชัดเจนมากกว่าเดิม รู้สึกว่าโอเคตรงนั้นค่ะ