รีวิว เรียนหลักสูตร International Supply Chain Management (PBD) ที่แคนาดา
กับสถาบัน Douglas College โดยคุณอายะกะ
อะไรทำให้ตัดสินใจมาเรียนต่อที่แคนาดา?
ที่จริงแล้ว เป็นความฝันวัยเด็กว่าอยากเรียนต่อต่างประเทศ แต่ไม่อยากไปที่ญี่ปุ่น เพราะไม่ได้ภาษาและพี่สาวเคยไปมาแล้ว มีปัญหาเยอะ เราเลยเล็งประเทศที่พูดอังกฤษเป็นหลัก ก็จะมีอยู่ไม่กี่ประเทศมี อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา แล้วก็ศึกษาว่าแต่ละประเทศมีแนวทางการศึกษายังไง และความยากง่ายในการขอวีซ่า รวมถึงอนาคตถ้าเราอยากอยู่ต่อความยากง่ายในการขอ PR ที่ไหนยากง่ายสุด จนมาจบที่แคนาดาค่ะ
ทำไมถึงเรียน ILAC – University Pathway Program?
พูดตรง ๆ คือสอบ IELTS ไม่ผ่าน เขาต้องการคะแนน 6.5 แต่เราได้ 6.0 มาหลายรอบเลยรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ตัวและเราแก้เองไม่ได้ เลยเลือกมาลงเรียนดีกว่า มันอยู่ที่ข้อสอบด้วย เราคิดว่าความถนัดในการทำข้อสอบของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ตอนเรียน Pathway แป๊บเดียวก็สอบผ่าน เลยรู้สึกว่าข้อสอบอาจจะไม่ใช่แนวทางของเรา ตอนสอบ ILAC คล้าย ๆ IELTS เหมือนกัน แต่ว่าเหมือนเรามั่นใจกว่า ไม่เครียด ไม่กังวลเท่าไหร่
ตัวหลักสูตร ILAC Pathway เป็นยังไงคะ ช่วยเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ได้ไหมคะ?
ตัวหลักสูตรที่เรียนมามีลักษณะคล้าย ๆ IELTS เพราะตอนนั้นเน้นทักษะฟัง พูด อ่าน เขียนเหมือน IELTS เลย และก็จะมี Presentation ให้เราฝึกทำพรีเซนต์กับอาจารย์ฝรั่งและเพื่อน ๆ เราก็กล้าพูดมากขึ้น มันไม่ใช่ว่ามีแค่เรากับคนให้คะแนน มันก็เลยไม่ซีเรียสมากเท่าไหร่ ฟีลเหมือนเรียนในห้อง และอาจารย์จะเน้นว่าถ้าเรามาที่นี่ต้องปรับตัวยังไง ก็คือเขาสอนเพิ่มเติมเรื่องการเขียน APA style พอมาถึงก็ได้ใช้เลย เราไม่ได้ลำบากเท่าเพื่อน ๆ ที่ต้องไปศึกษาเองว่ามันคืออะไร APA คือ รูปแบบการเขียนอ้างอิง ข้อความ คำพูดของคนอื่น ซึ่งที่นี่เขาใช้กับทุกงานเขียน ถึงแม้จะเป็น case study สั้น ๆ ก็ต้องใส่อ้างอิง และเขาจะมีคะแนนให้ด้วยค่ะ สำคัญมาก ๆ ระยะเวลาในการเรียน 2 เดือน พอสอบผ่านเขาก็ยื่นคะแนนให้ Douglas เลย ของเราสมัครคอร์สนี้เรียนเป็นรูปแบบออนไลน์อยู่ที่ไทย คือเราสมัครเข้าโรงเรียนก่อน และผลคะแนนเราได้ 6.0 เราก็ยื่นไปเท่านั้น และก็บอกเขาว่า เรากำลังจะเรียน ILAC นะ เขาก็โอเค พอเราเรียนคะแนนผ่านเสร็จเขาก็โอเค เพราะ Douglas ล็อกที่นั่งไว้ให้เรา
หลังจากเรียนหลักสูตรนี้รู้สึกมีการพัฒนาและคุ้มค่ามากแค่ไหนคะ?
รู้สึกว่าคุ้มค่านะคะ เทียบกับราคาที่จ่ายไป ราคาพอ ๆ กับสถาบันในไทยหลายที่เลยค่ะ แต่ว่าเราได้เรียนเป็นหลักสูตรของคนแคนาดาเลย รู้สึกว่าพัฒนาขึ้นในส่วนของการพูด บางทีเราฝึกพูดเราไม่รู้ว่าเราผิดตรงไหนหรือเราไม่กล้าพูด แต่พอได้ฝึกพูดกับคนหลาย ๆ คน ทำให้เรากล้าพูดมากขึ้น
ทำไมถึงเลือกเรียน International Supply Chain Management ที่ Douglas?
พื้นฐานเรียนจบวิศวกรรมอุตสาหการมาก่อน แล้วเคยเรียนวิชาเลือกเป็น Supply chain management ตอนนั้นรู้สึกว่ามันน่าสนใจ และเป็นเรื่องใหม่ที่คนยังไม่ได้รู้จักมากขนาดนั้น คนจะรู้จัก Logistic แต่ไม่รู้ว่า Supply chain คืออะไร ทั้ง ๆ ที่ Logistic เป็นหนึ่งใน Supply chain เพราะ Supply chain จะครอบคลุมทั้งหมด และมันจะเป็นอาชีพที่ไม่ตายในอนาคต ถึง AI จะเข้ามาทำงาน แต่ก็ยังต้องการคนในส่วนนี้ ตอนแรกเราดูก่อนว่ามีที่ไหนเปิดสอนหลักสูตรนี้บ้าง เจอสองที่ คือที่ Douglas กับ Langara เป็นแบบ Post graduation นะคะ คือต้องจบป.ตรีมาก่อน ตอนเข้าเขาให้ยื่น Transcript ป.ตรี กับคะแนน IELTS และจะมีบางวิชาที่เราสามารถ refer คะแนนมาได้เลย อย่าง Math calculus เราก็ไม่ต้องมาเรียน Math เหมือนเพื่อน และก็จะมีบางวิชาที่เราสามารถลงเรียนได้เลยแบบไม่ต้องไปผ่าน Math ตัวแรกของที่นี่ ถ้าคนที่ไม่ได้มีประสบการณ์ด้าน supply chain มาก่อนก็สามารถเรียนโปรแกรมนี้ได้ เพราะมันไม่ใช่ technical จ๋า มันเป็นการเรียนการบริหารธุรกิจแบบภาพรวม พวก Marketing, Accounting, Project management และ Supply chain
หลังจากเรียนหลักสูตรนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง ช่วยรีวิวหลักสูตรนี้ให้ฟังหน่อยค่ะ?
หลักสูตรไม่ง่ายไม่ยากเกินไป กลาง ๆ ค่ะ เราจะรู้สึกว่ามันยากเพราะเป็นภาษาอังกฤษ ช่วงแรกเราจะใช้ผิด ๆ ถูก ๆ บ้าง แต่ไม่เป็นไร แค่สื่อสารให้อาจารย์เขาเข้าใจ ถ้าเข้ามาแล้ว เขาจะปูพื้นฐาน Business ทั่วไปก่อนและก็มีเรียนการทำการค้าต่างประเทศ เรียนการตลาด เรียนการเงินนิดนึง มีวิชา Excel for business ได้เรียนรู้ Excel มากขึ้นแต่ไม่ยากเลย ส่วนเรื่องของอาจารย์รู้สึกว่าถ้าได้อาจารย์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เราสามารถเลือกอาจารย์ได้ในบางวิชา คือเราต้องลงทะเบียนเรียน จัดตารางเองหมด เราสามารถไปค้นหาได้ใน เว็บไซต์ Rate my professor ว่านักเรียนที่เคยเรียนมาก่อนหน้า เขาให้คะแนนการสอนอาจารย์กันเท่าไหร่ คนไหนรีวิวไม่ค่อยโอเค เราก็ไม่ต้องไปลง อาจารย์เขาจะมีประสบการณ์ในด้านที่เขาสอนมาโดยตรงและยาวนาน อาจารย์รุ่นใหม่ก็มี เข้าถึงง่าย สอนไม่น่าเบื่อ มีกิจกรรมให้ทำ เพื่อนในคลาสที่นี่ ส่วนมากก็เป็นนักเรียนต่างชาติเหมือนกัน แคนาเดียนน้อยมาก จำนวนนักเรียนในห้องไม่เกิน 35 คน เพื่อนหลากหลาย ทุกคนค่อนข้างเป็นมิตร และพอเราเจอกลุ่มเพื่อนที่เราโอเคกับเขา เราก็จะตัวติดกันนิดนึงเวลามีโปรเจคกลุ่ม เราก็จะไม่ลำบากใจมากในการทำงาน ที่ Douglas มีนโยบายว่าต้องมีงานกลุ่มทุกวิชา เลยเลี่ยงไม่ได้ และก็จะมีงานเดี่ยวด้วย
หลักสูตรนี้เป็นโปรแกรม 2 ปีค่ะ ถ้าเรียน 1 ปี ไม่สามารถทำ Co-op ได้ ถ้าลง 2 ปี สามารถทำ Co-op ได้ แต่ต้องจัดสรรเวลาให้ดีมาก ๆ ตอนแรกเราก็แพลน และเตรียมทำ Co-op มีเทอมที่ต้องเตรียมตัว เทอมที่หางาน และเทอมทำงาน และเราก็ต้องกลับมาเรียนอีก 1 เทอม รวมทั้งหมด 4 เทอม ซึ่งเราต้องแพลนล่วงหน้า 4 เทอม เพราะฉะนั้นเราต้องสมัครตั้งแต่เทอมที่ 2 ที่เราเข้ามา เพราะปกติเราเรียน 6 เทอม ปีละ 3 เทอม ซึ่งเราแพลนแล้ว เราทำมาถึงเทอมที่ต้องหางานแล้ว แต่ Co-op คนหางานแข่งกันเยอะมาก ตัวเลขที่คนได้งานน้อยมาก สุดท้ายเทอมนั้นเราก็ไม่ได้งาน ที่จริงเราสามารถ extend เทอมที่ต้องหางานได้อีก 1 เทอม แต่เรากลัวว่ามันจะกระทบกับแพลนเรียนที่เราวางไว้ค่อนข้างเยอะ เลยตัดสินใจว่ายังไม่ทำดีกว่า และด้วยความที่รัฐ BC Co-op คือการทำงาน Full-time ตามกฎหมายนายจ้างต้องจ่ายค่าจ้าง แต่ Internship คือการฝึกงานและทำแค่ Part-time นายจ้างไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้าง ทำให้บางคนเลือกทำ Internship เพื่อเก็บประสบการณ์แทน เพราะหางานได้ง่ายกว่า
มหาวิทยาลัยได้ช่วยเราหางานด้วยไหมคะทั้ง Co-op และ Internship?
สำหรับ Co-op เขาจะมี Job board สต๊าฟจะเข้าไปโพสต์ลงในนั้น ที่จริงงานที่เขาแนะนำ เราก็สามารถโพสต์หาได้ใน Linked-in หรือ Indeed ได้เลย เหมือนเขาไปเจอมาก็เอามาโพสต์ให้เรา อาจจะช่วยนิดนึงสำหรับคนที่ขี้เกียจไปหาเอง เรารู้สึกว่าโรงเรียนไม่ได้มีบริษัทที่ supply ให้กับนักเรียนขนาดนั้นสำหรับ Co-op การแข่งขันมันเลยสูงมาก แต่สำหรับ Internship โรงเรียนจะมีบริษัทในลิสต์ให้ค่อนข้างเยอะ เพราะมันเป็นงานพาร์ทไทม์และไม่ต้องจ่ายค่าจ้างด้วย
หลังจากจบหลักสูตรนี้ สายงาน Supply chain สามารถทำงานอะไรได้บ้างคะ?
ถ้าจบ supply chain ตรงตัวเลย ตามบริษัทจะมีตำแหน่ง supply chain โดยเฉพาะเลยที่สามารถสมัครได้ หรือสาย Logistic ขนส่ง และก็เราสามารถทำเกี่ยวกับ Trading ได้ เพราะตอนเรียนเราได้เรียน Trade ด้วย พอเรียนจบเราจะได้ใน Certificate ว่าจบโปรแกรม FITT ด้วย จริง ๆ สายงาน Retail management, warehouse, delivery, food supply ก็สามารถทำได้ คือสายงานนี้เราดูตั้งแต่ต้นน้ำ supplier จนถึงเรา และเรื่องการกระจายสินค้าไปยังลูกค้า และดูฟีดแบคของลูกค้าที่กลับมาด้วย ถ้าเป็นบริษัทสายอุปโภคบริโภค ก็สามารถสมัคร Unilever/ P&G หรือ Pepsi ได้ค่ะ
Douglas มีบริการอะไร support นักเรียนบ้างคะ?
มี Career center จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเรื่องการหางาน จะมี workshop เยอะมาก เกี่ยวกับการเขียน cover letter/ resume หรือ การสัมภาษณ์งาน เราไปดูตารางได้ เราว่างวันไหนก็ไปกดจองคิวได้เลย มีการ support นักเรียนต่างชาติที่ดี มี workshop เกี่ยวกับการสมัคร PGWP/VISA/Study permit/Work permit หรือการพัฒนาภาษาอังกฤษ นอกนั้นก็มีเหมือน college ทั่วไปพวกห้องสมุด ยิม แล็บคอมพิวเตอร์
ช่วยแชร์ประสบการณ์การหางานและการทำงาน Part-time ที่แวนคูเวอร์ได้ไหมคะ?
ตอนหางานช่วงแรกเราปล่อย ๆ ในช่วงแรก และไม่ได้รีบหางาน สมัครงานในช่วงเดือนกันยายนที่เราเพิ่งมาถึง หลังจากนั้นมันก็เข้า low season และก็เข้าหน้าหนาว หางานไม่ได้เลย สุดท้ายก็มาได้ตอน ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จากการที่ไปเดินยื่นเรซูเม่ ตอนนี้เปลี่ยนงานมารอบที่ 2 แล้ว พอเรามีใบ certificate มากขึ้นอย่าง Food Safe หรือ Serving It Right ก็จะหางานได้ง่ายขึ้น เพราะเรามีประสบการณ์แล้ว รอบสองหางานจาก Indeed ไปแป๊บเดียว แล้วก็ได้เลย ตอนนี้ทำเป็น cashier กับ cook อยู่ร้านไก่ทอดเกาหลี ทำงานที่นี่สนุกดีค่ะ เพื่อนร่วมงานน่ารัก และด้วยความที่เป็นคนเอเชียเหมือนกัน มันก็จะมีความรู้สึกที่เข้ากันได้มากกว่า เรทขั้นต่ำที่แวนคูเวอร์ตอนนี้ 17.4$ แล้ว แต่ค่าครองชีพก็พุ่งทะลุไปแล้วค่ะ 55555
ตอนนี้แวนคูเวอร์หางานยากไหมคะ?
มันมีงานค่ะ แต่การที่เราจะเข้าไปทำ มันค่อนข้างยากนิดนึงค่ะ เพราะนายจ้างจะรู้สึกว่าเขามีตัวเลือกเยอะ เลยเลือกแบบพิถีพิถันนิดนึง แต่งานที่เราได้ นี่เชื่อว่ามันเป็นจังหวะพอดีด้วยค่ะ เขาก็เชื่อในสกิลที่เราเคยผ่านงานมาแล้ว เขาเลยรับเลย
มีวิธีการหาที่พักที่แคนาดาอย่างไร?
โชคดีที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมาก ก็เลยแฮปปี้เลยค่ะ ตอนนี้อยู่กับเพื่อนรวมสามคนเป็นนักเรียนไทยหมด เป็น Basement 3,500$ รวมค่าน้ำ ค่าไฟหมดแล้ว ตอนหาบ้านตอนนั้นดูใน Facebook marketplace เพราะว่านาน ๆ ทีจะมีดีดีหลุดมา เราต้องคอยดูอัปเดตตลอด และก็คอยนัดเข้าไปดูบ้าน พอเจอแล้วเรารู้สึกว่าใช่ก็ต้องตัดสินใจเร็วหน่อย เพราะมันก็จะไปเร็วเหมือนกัน
เมืองแวนคูเวอร์เป็นยังไง หลังจากอยู่แล้วเมืองนี้มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้างคะ?
พอเราอยู่มาครบปี เปลี่ยนมาทุกฤดูกาล ความรู้สึกมันก็จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล พอฤดูเปลี่ยนชีวิตเราก็จะต้องปรับไปตาม รู้สึกสนุกดีค่ะ เรื่อง depression ในฤดูหนาวก็มีบ้าง เราก็กินวิตามินเอา อยู่กับเพื่อน กินอาหารอร่อย ๆ ก็จะช่วยแก้ตรงนั้นได้ รู้สึกว่าแต่ละฤดูมันมีเสน่ห์ในตัวมันเอง ตอนใบไม้เปลี่ยนสี ตอนหิมะ ตอนแดดออก หรือตอนดอกไม้ขึ้น มันมีชีวิตชีวา
ส่วนข้อดีที่นี่คือผู้คนค่อนข้างเป็นมิตร เขาไม่ได้มีใครมาสนใจเราขนาดนั้นค่ะ ค่อนข้างอิสระ อยากทำอะไรก็ทำแค่ไม่เดือดร้อนคนอื่น อยากแต่งตัวอยากกินอะไร เป็นเมืองที่อิสระ ขนส่งสาธารณะค่อนข้างโอเค เราสามารถไปไหนก็ได้โดยไม่ต้องมีรถยนต์ส่วนตัว อากาศก็ไม่ได้เลวร้ายมาก ถึงแม้หลายคนจะบ่นเรื่องฝนตก แต่มันก็เป็นแค่ช่วงนึงค่ะ เดี๋ยวพอเข้าหน้าร้อนก็โอเคแล้ว อีกอย่างอาหารหลากหลาย ด้วยความที่ diversity สูงมาก อาหารเลยหลากหลายตาม
ส่วนข้อเสียก็มีเรื่องค่าครองชีพสูง เราเลี่ยงไม่ได้ แต่เลือกซื้อได้ และก็บางทีเข้าหน้าหนาวไม่ค่อยมีแดดก็จะซึมนิดนึงกับอากาศที่มืดเร็ว เพราะเราก็ไม่กล้าใช้ชีวิตตอนกลางคืนเท่าไหร่ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อน จะค่อนข้างเหงานิดนึง กับถ้าเราไม่มีเพื่อนใน college ก็แอบหนักใจอยู่เหมือนกันค่ะ และก็การเข้ารักษาพยาบาลยากมาก แพงด้วย บางอย่างมันไม่ได้ครอบคลุมใน MSP อย่างเช่นค่าทำฟัน ถึงโรงเรียนจะมีประกันส่วนนึง แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด ตอนนั้นปวดฟันไปหาหมอ ก็เสียไป 200-300 $ อันนี้คือส่วนต่างจากที่ใช้ประกันแล้ว ถ้าถอนฟันคุดทีล้มละลายได้เลยค่ะ แต่ว่าที่ Douglas มีประกันให้ 80% ตอนไปหา เราต้องสอบถามเขาก่อนว่าคลินิกที่เราจะเข้าใช้บริการสามารถเคลมบริษัทประกันที่เรามีได้รึเปล่า แต่ส่วนมากก็จะได้หมดนะ และก็ต้องโทรไปนัดจองคิวก่อน ใช้เวลานานมากประมาณ 1 สัปดาห์ แนะนำว่าต้องหาหลาย ๆ ที่สำรองไว้ด้วย เราทำประกันไว้สองอันคือของรัฐบาล กับที่ทำผ่านโรงเรียน ประกันของรัฐบาลก็จะไม่ครอบคลุม ค่าทำฟันและค่าเรียกรถฉุกเฉิน ประกันของโรงเรียนจ่ายพร้อมค่าเทอมทุกเทอม
ก่อนมาแคนาดามีข้อกังวลอะไรบ้างไหม และมีวิธีการรับมือและแก้ไขปัญหายังไง?
กังวลเรื่องภาษา เรารู้สึกว่าภาษาเราแย่ก่อนมา ใช้ชีวิตอาจจะรอด แต่เรียนจะรอดไหม แต่มันก็พัฒนาตามสถานที่ที่เราอยู่ เราพูดทุกวัน เรียนทุกวันมันก็จะค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปเองค่ะ และก็กังวลเรื่องค่าครองชีพ แต่พอมาอยู่จริง ๆ ทำพาร์ทไทม์หาเงินเอง แต่ราคาหลาย ๆ อย่างมันก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล กับอีกอย่างนึงกังวลเรื่องรูมเมทในบ้าน แต่พอมาอยู่จริง ๆ กับเพื่อนที่เป็นคนไทยก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ
รีวิวก้อปันกันให้ฟังได้ไหมคะ อะไรทำให้เลือกใช้บริการของก้อปันกัน?
ตอนนั้นเราตัดสินใจว่าจะไปแคนาดา เลยค้นหาข้อมูลว่ามีเอเจนซี่ไหนบ้างพาเด็กไปแคนาดา หาไปหามาเจออยู่สองสามที่ ก้อปันกันก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ตอนนั้นรีวิวยังน้อยอยู่ เลยลองคุย ช่วงแรกไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ปรึกษาฟรีทุกอย่าง และพี่เขาก็ดูแลเราดีมาตลอดตอนที่เราไม่พร้อม พอหนึ่งปีผ่านไปเราพร้อมแล้ว พี่เขาก็ทักมาถามไถ่ ก็รู้สึกว่าพี่เขาดูแลเราดีมากเลย แล้วก็ถ้าพูดโดยรวมคือเราไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เลยรู้สึกโอเคในส่วนนี้ พอเรามาอยู่ที่นี่พี่เขาก็คอยถามไถ่ และมาเยี่ยมเราที่นี่ รู้สึกว่าพี่เขาดูแลเด็กดี คอยเป็นธุระให้ ถ้าเราสงสัยอะไรก็ปรึกษาพี่เขาได้ อีกอย่างที่ชอบมากคือ Portal ที่เป็นระบบดีมาก คอยบอกเราว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ถึงขั้นตอนไหนแล้ว มันมีรอบนึงต้องต่อ study permit เพราะ passport หมดอายุ พี่เขาก็ช่วยเหลือเราเหมือนรอบแรกเลยค่ะ ส่วนตัวหนู อยากให้ก้อปันกันเป็นที่รู้จักมากกว่านี้ ตอนนี้ก็ยังเป็นบริษัทเล็ก ๆ ก็อยากให้พี่ทำการตลาดเพิ่มมากขึ้น เพราะอยากให้มีชื่อเสียงมากขึ้น เวลาใครถามอะไรก็พยายามช่วยแนะนำให้ค่ะ
มีข้อคิด คำแนะนำอะไรสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยากมาเรียนต่อหรือมาอยู่แคนาดาบ้างไหม?
คือถ้ายังลังเลอยู่ อยากให้รีบตัดสินใจ เพราะช่วงนี้แคนาดาเปลี่ยนกฎหมายค่อนข้างเยอะ อยากให้รีบดำเนินการก่อนที่อะไร ๆ มันจะแย่ลง อย่างน้อย ๆ ก็ถือว่ามาหาประสบการณ์ที่เราไม่สามารถหาได้ในไทย และก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ชีวิตที่นี่มันไม่ได้ใช้ชีวิตยากขนาดนั้น และก็การเลือกคณะที่เรียนอ่าค่ะ อยากให้เลือกเรียนที่เราชอบจริง ๆ พวกเราอาจจะลำบากเรื่องภาษาบ้าง แต่อย่างน้อยมันเป็นเนื้อหาที่เราอยากเรียนจริง ๆ และดูตลาดแรงงานด้วย เพราะแคนาดาจะเปลี่ยนกฎหลัง 1 พ.ย. ด้วย เขาจะ require ว่า ถ้าเรียนจบจะขอ PGWP ต้องมีทั้งคะแนนภาษาและจบมาในสายงานที่เขาต้องการ เขาจะบอกอยู่ในเว็บไซต์หลักของเขา และ Supply chain ก็เป็น 1 ในสายงานที่เขาต้องการค่ะ
