[รีวิว] เรียนหลักสูตร Computer programming & analysis ที่แคนาดา กับสถาบัน Seneca โดยคุณเฟรม

รีวิว เรียนหลักสูตร Computer programming & analysis ที่แคนาดา
กับสถาบัน Seneca โดยคุณเฟรม

อะไรทำให้ตัดสินใจมาเรียนต่อที่แคนาดา?

จริง ๆ ผมชอบวัฒนธรรมของทางฝั่งอเมริกาเหนือ พวกไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต บุคคล อะไรพวกนี้ เพราะช่วงเรียน ป.ตรี ผมมีโอกาสได้ไป Work & Travel ที่อเมริกา 2 รอบครับ

ทำไมถึงเลือกเรียน หลักสูตร Computer programing & analysis ที่ Seneca college?

เพราะว่าผมจบวิศวะ เครื่องกลที่ไทย ตอนเรียนมหาวิทยาลัย มีทำโปรเจคเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ระบบ automation ก็เลยพอมีความรู้อยู่บ้าง ทีนี้อยากขยายความรู้และย้ายสาย เลยมาลงเรียนทางด้าน Programming เพราะว่าเราเคยมีเขียนพวก Logic อะไรพวกนี้มาบ้างแล้ว และตัวหลักสูตรนี้เรียนสามปี มันมีฝึกงานด้วย มันทำให้ได้เก็บประสบการณ์ได้มากกว่า และง่ายต่อการหางานด้วย ฝึกงานใช้เวลา 2 เทอม แต่ต้องสมัครหางานเอง เขาจะมีช่วยแนะนำงานมาให้ Seneca จะมีหน่วยงานที่เรียกว่า Seneca work เขาจะคอยสกรีนมาให้ว่างานประเภทไหนบ้าง ตำแหน่งไหนบ้างที่โปรแกรมเราสามารถสมัครได้ แต่เราก็สามารถสมัครเองได้เหมือนหางานทั่วไปเลยครับ

จำเป็นต้องมีพื้นฐานเกี่ยวกับทางด้านนี้มาก่อนไหม ถึงจะสามารถเรียนหลักสูตรนี้ได้?

ควรมีครับ แต่จริง ๆ ผมมีทั้งเพื่อนที่มีและไม่มีความรู้ทางด้านนี้มาเลย แต่คนที่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ค่อนข้างที่จะต้องขยันกว่าคนอื่นพอสมควรครับ Programming ก็คืออยู่ใน Computer science ซึ่งต้องใช้ความรู้ค่อนข้างมาก และหลายด้าน ความรู้มันค่อนข้างกว้างนิดนึง แม้แต่คนที่มีพื้นฐานมาก่อนแล้วก็ยังต้องศึกษาอยู่เรื่อย ๆ ทีนี้คนที่ไม่เคยมีความรู้มาเลย อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่น อาจจะต้องยอมเสียเวลาในการใช้ชีวิตประมาณนึง เพื่อจะได้ตามคนอื่นให้ทัน 

การเรียนการสอนในหลักสูตรนี้ได้เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้างคะ?

Computer Programming ของที่นี่สอนตั้งแต่การดีไซน์ซอฟท์แวร์และธุรกิจครับ สมมติว่ามีบริษัทนึงต้องการจ้างเราทำโปรแกรมโปรแกรมหนึ่ง เราต้องดีไซน์ตั้งแต่ เขามีความต้องการอะไร ฟีเจอร์แบบไหน เขาอยากได้ scale ไหน เราก็ต้องมาวิเคราะห์ว่า จะทำ scale ใหญ่หรือเล็กแค่ไหน Time frame เขาต้องการให้จบวันไหน เราต้องวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า และวิธีการคิดของเขา เราจินตนาการว่า ถ้าเขาเป็นคนใช้งาน เขาจะต้องการอะไร ยาวไปจนเขียนโค้ด ทดสอบและลองใช้งานจริง

เท่าที่ผมฟังจากเพื่อนที่เรียน college อื่นมา ของที่ Seneca จะค่อนข้างเน้นไปที่ทฤษฎีเหมือนที่เด็กมหาวิทยาลัยเขาเรียนกันแต่อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่าง แต่ที่ college อื่น เขาจะสอนให้เด็กทำงานเป็นเลย แต่ที่ Seneca จะสอนตั้งแต่พื้นฐาน ประมาณว่าไม่ใช่ทำเป็นอย่างเดียวแต่ต้องเข้าใจที่มาด้วย มันเลยค่อนข้างหนักกว่า college อื่นพอสมควร เรียนตั้งแต่พื้นฐาน ทฤษฎี วิธีการคิด การลงมือทำ เขียนโค้ดยังไง การทำงานจริงของโลกธุรกิจ Programmer/Developer เขาทำงานกันยังไง

หลังจากเรียนหลักสูตรนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง?

หนักหน่วงครับ จริง ๆ ผมมีเพื่อนที่เรียนทางด้านนี้ที่ไทย รู้สึกว่าสายนี้ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนก็จะค่อนข้างหนัก แต่อยู่ที่ว่าสภาพแวดล้อมและโอกาสที่จะได้ฝึกงานดีดี จะต่างกันมากน้อยแค่ไหน อย่างที่ไทยจะมีบริษัทดีดีอยู่บ้าง ถ้าได้เข้าไปฝึกงานด้วยก็จะเป็นและจะเก่งสู้ระดับโลกได้ แต่ว่าที่โทรอนโต แคนาดาอาจจะมีโอกาสเยอะกว่า เพราะที่นี่เป็นจุดศูนย์รวมระบบเน็ตเวิร์คของทวีปอเมริกาเหนือ อยู่ที่โทรอนโตครับ อยู่ใต้ CN Tower เลย

ส่วนอาจารย์ ส่วนใหญ่เป็นพาร์ทไทม์ ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวอาจารย์แต่ละคนและว่าจะสอนดีมากน้อยแค่ไหน ที่นี่จะมีเว็บไซต์ Ratemyprofessors ที่จะให้คะแนนอาจารย์ไว้ สอนเป็นไง วิธีการสอบ การให้คะแนนเป็นยังไง ก่อนที่เราจะลงทะเบียนเรียนกับใคร เราก็ต้องเช็คกับเว็บไซต์นี้ก่อนว่าอาจารย์เป็นยังไง บางคนสอนสนุกแต่ให้เกรดยาก หรือบางคนสอนไม่ดีเลยแต่ให้เกรดง่าย แต่ละคนจะมีเป้าหมายของตัวเองว่าอยากได้อาจารย์แบบไหน อย่างผมมีอาจารย์ที่ทำงานกับ Bell เป็นบริษัท Network คล้าย ๆ กับ AIS ที่ไทย และก็จะมีอาจารย์ที่ทำงานกับบริษัท IBM อะไรประมาณนี้ครับ

ส่วนงานช่วงเทอมแรก ๆ จะเป็นงานเดี่ยว เพราะเขาอยากให้ Self-learning ก่อน พอเทอม 3-4 มีงานกลุ่มพอสมควรเลยครับ เพราะเขาต้องการให้ฝึกการทำงานเป็นทีมเหมือนกับทำงานในบริษัท ซึ่งเพื่อนจะมีหลากหลายชาติครับเพราะงานด้านนี้เป็นที่ต้องการสูง คนที่เขาต้องการงานด้านนี้จริง ๆ ก็จะมาเรียนในแคนาดา ด้วยความที่เขาอยากอยู่ที่นี่ ก็เลยต้องเลือกเรียนในสายที่แคนาดาต้องการ แต่ด้วยความที่ Computer Science ไม่ได้เรียนง่าย ถ้าไม่ให้เวลากับมันเยอะพอ ก็อาจจะเรียนไม่รอด ในห้องผม เพื่อนจะมาจากหลายที่เลยครับ เนเธอร์แลนด์ บราซิล แคนาดา อเมริกา จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย โปรตุเกส และอาเจนตินา เพื่อนค่อนข้างหลากหลายเลย เพราะสายงานนี้ค่อนข้างเป็นที่ต้องการของตลาด หลาย ๆ คนที่เข้ามาในแคนาดา จะเลือกเรียนทางด้านที่ตลาดต้องการสูง แต่สำหรับหลักสูตรนี้ตัววิชามันไม่ง่าย ถ้าไม่ได้ให้เวลากับมันเยอะพอ จะเรียนไม่ค่อยรอด จะมีหลายคนที่เรียนและถอดใจไปเยอะครับ อย่างรุ่นผม ก็ดรอปเรียนไป 20% เลย แต่อย่างเพื่อนผมมีคนนึงมาจากสายศิลป์ตอนนี้เขาก็ยังเรียนอยู่ครับ แค่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น ไม่ได้ไปเที่ยว ไปนู่นนี่นั่น เขาอ่านหนังสือ ทำความเข้าใจ

หลังเรียนจบหลักสูตรนี้ คนส่วนใหญ่ทำอาชีพ ประมาณไหนคะ?

ค่อนข้างกว้างนะครับ ผมรู้สึกว่างานค่อนข้างเหมือนกับคนที่จบ Computor science จากมหาวิทยาลัย มีตั้งแต่คนเขียนเว็บไซต์, คนเขียนแอปพลิเคชัน, คนดีไซน์ซอฟท์แวร์, Software engineer, Software architecture, Cyber security, Database admin ประมาณนี้ครับ หรือทำนอกสายงานก็มีครับ หางานสายที่เรียนไม่ได้ เพราะที่นี่การแข่งขันค่อนข้างสูง อย่างที่ผมบอกว่ามันเป็นจุดศูนย์รวม คนแต่ละประเทศก็เข้ามาแย่งงานกัน

Seneca college มีบริการอะไร Support นักเรียนบ้างคะ?

โรงเรียนมีระบบเซอร์วิสเยอะอยู่นะ เช่น Service club เป็นนักเรียนกลุ่มนึงที่ถูกจ้างให้คอยให้คำแนะนำและความรู้กับนักเรียนที่สงสัย ส่วนสำหรับ International จะมีแผนก International student ของทางฝั่งเอเชียเลยก็มี ใครสงสัยเรื่อง Visa / permit และก็มี Immigration specialist คอยให้คำแนะนำวางแผนได้ 

ช่วยแชร์ประสบการณ์การหางานและการทำงานที่โทรอนโตได้ไหมคะ?

ผมทำงานพาร์ทไทม์เป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ครับ เพราะตอนที่ไป work & travel ที่อเมริกาก็ทำงานบาร์เทนเดอร์มาก่อน พอมาอยู่ที่นี่ ตอนนั้นร้านอาหารเขาเปิดใหม่และอยากได้คนคอยคุมโซนบาร์ เห็นผมมีประสบการณ์มาก่อนเลยให้ผมเป็นหัวหน้าบาร์เทนเดอร์ครับ จริง ๆ ก่อนหน้านี้ผมทำเป็น caller มาก่อน เป็นคนคอยเช็คอาหารและส่งออกไปตามโต๊ะต่าง ๆ ผมทำอยู่ประมาณ 6-8 เดือน แล้วตอนนั้นก็มีรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ Seneca เป็นหุ้นส่วนร้าน เขาตามหาคนที่อยากทำงานใน Community คนไทยใน Seneca เลยรู้ว่ามีตำแหน่งบาร์เปิด และเข้าไปพูดคุยกับเขา ผมว่าการสมัครงานในแคนาดาใช้คอนเนคชั่นค่อนข้างมาก ถ้าเกิดว่าไม่มีคอนเนคชั่น เป็นไปได้ยากมากที่จะได้งาน ต้องบอกตรง ๆ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นงานบริการลูกค้าหรืองานในบริษัทองค์กรใหญ่ ๆ ก็ยังต้องใช้คอนเนคชั่นครับ ผมมีวิชานึงที่เรียกว่า วิชาเตรียมฝึกงาน เขามีบอกเป็นเรทไว้เลยว่า ถ้าสมัครงานออนไลน์ โอกาสที่จะได้งานนั้นมีแค่ 2-4% แต่ว่าคนที่มี Connection หรือ Reference เช่นมีเพื่อนอยู่ในที่ทำงานนั้น หรือมีคนรู้จักที่เขายินดีที่จะบอกว่า คนนี้นิสัยเป็นไง การทำงานเป็นไง ถ้ามีคนคอยเป็น Reference ให้เรา จะมีโอกาสที่จะได้งาน 50% คอนเนคชั่นจึงสำคัญมากครับ ถ้าเป็นคน Introvert ก็พยายามทำความรู้จักกับคนอื่นไว้บ้าง พอให้รู้จักนิสัยใจคอกันประมาณนึงก็ได้ครับ อาจจะช่วยได้เยอะ อันนี้ก็เหมือนกันครับ ผมเข้า Community คนไทย เขาเลยให้ลองไปทำงานดูสักสองสามวันก่อน

มีวิธีการหาที่พักที่แคนาดาอย่างไรคะ?

จริง ๆ Facebook marketplace ก็ยังเป็นตัวเลือกหลัก ๆ ทางฝั่งอเมริกา คนจะนิยมใช้ Facebook marketplace กันซะส่วนใหญ่ มีตั้งแต่ขายของทั่วไป ขายรถ เปิดบ้านให้เช่า เขาจะโพสต์ลง และก็มีแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีก อย่างตอนแรกที่ผมใช้เป็นเว็บไซต์ชื่อ HomestayBay เจ้าของบ้านเขาจะมาประกาศให้ไปเช่าบ้านได้ แต่ว่าที่นี่ค่อนข้างจำกัดเรื่องคอนโด อะพาร์ทเมนต์นิดนึง ไม่ใช่มาถึงแล้วจะเช่าได้เลย ส่วนมากที่ผมเห็นนะ ประมาณ 90-95% ของพวกคอนโดไรงี้ ถ้าเราเป็นผู้เช่าใหม่ เขาจะขอดูเอกสาร proof of work, credit score และ reference คนรู้จักที่เขาจะสามารถโทรไปเช็คได้ว่า เรามีนิสัยใจคอเป็นยังไง เพราะฉะนั้นพวกคอนโด อะพาร์ตเมนต์จะยากนิดนึง คนที่มาช่วงแรก ๆ ก็จะเช่าบ้านอยู่กับคนอื่น

เมือง Toronto เป็นยังไง หลังจากอยู่แล้วเมืองนี้มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง?

วุ่นวายมากครับ ตัวผมเองอยู่บริเวณชานเมือง ดาวน์ทาวน์โทรอนโตจะวุ่นวายมากคล้ายนิวยอร์ค อาจจะมีคนไร้บ้านเยอะ ผู้คนก็ทำตามใจ ไม่ได้สนใจสายตาคนอื่นหรือสนใจกฎหมายอะไรมาก แต่ถ้าอยู่โซนชานเมืองค่อนข้างสงบกว่าเยอะ การเดินทางยังพอได้อยู่ จะยังมีรถเมล์ รถไฟฟ้าถึงอยู่ครับ แต่ถ้าเลือกอยู่นอกเมืองเลย บรรยากาศจะค่อนข้างสงบ ดีเลย แต่การเดินทางค่อนข้างลำบากนิดนึงครับ

ก่อนมาแคนาดามีข้อกังวลอะไรบ้างไหม และมีวิธีการรับมือและแก้ไขปัญหายังไง?

ด้วยความที่ตัวผมเคยอยู่อเมริกามา เลยไม่ได้ห่วงเรื่องผู้คนหรือสังคมอะไรมาก น่าจะเป็นแค่เรื่องอากาศ เพราะจากอยู่ไทยคือ 37-38 องศาเซลเซียส พอมาถึงโทรอนโต คือ ลบ 10 ตอนนั้นพายุหิมะเข้าอยู่ครับ วิธีการปรับตัวของผมคือ ผมพยายามทำตัวคล้ายคนแคนาดาให้มากที่สุด คือ วันไหนหิมะตก อุณหภูมิ ลบ 5 ลบ 10 แต่ลมไม่แรง คนแคนาดาบางคนใส่เสื้อกล้ามออกมาวิ่งไรงี้ แต่ผมอาจจะไม่ได้ขนาดนั้น แต่ไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาวเวอร์ อาจจะใส่แค่เสื้อฮู้ดตัวเดียวตอน อุณหภูมิลบ 20 ก็เคยครับ แบบค่อย ๆ ปรับตัวให้คุ้นชินไปเอง ร่างกายเราก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ

แล้วก็ที่ห่วงอีกอย่าง คือ ค่าครองชีพที่แคนาดาค่อนข้างสูง ทีนี้ถ้าเราหางานไม่ได้เร็ว ก็กลัวจะเป็นปัญหาครับ เพราะหลายคนอาจจะเคยไป work & travel ที่อเมริกา จะรู้เรื่องค่าครองชีพที่นู่นพอสมควร ที่แคนาดาจะบวกขึ้นมาประมาณ 10-20% ทั้ง ๆ ที่รายได้เท่ากัน ก็จะส่งผลพอสมควร และห่วงเรื่องนี้ประมานึง ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนครับ ถึงหางานได้ ค่อนข้างวุ่นวายมากครับ สมัครผ่านทุกวิธีที่ทำได้ สมัครผ่านเว็บ หรือยื่นเรซูเม่หน้าร้าน

ช่วยเปรียบเทียบอเมริกาและแคนาดาให้ฟังคร่าว ๆ ได้ไหมคะ?

ผมไม่สามารถเปรียบเทียบตรง ๆ นะครับ เพราะว่าเอาจริง ในสหรัฐอเมริกา แต่ละเมืองเขาจะมีความต่างกันพอสมควรเลย เปรียบเทียบระหว่างสองรัฐหรือสองเมือง ก็มีข้อเปรียบเทียบมากพออยู่แล้ว ผมขอเปรียบเทียบคร่าว ๆ ละกัน อย่างธรรมชาติ แคนาดาจะมีที่เที่ยวเยอะกว่า พวกภูเขา แม่น้ำ ที่แคนาดามีเยอะกว่า หาได้ง่ายกว่า ส่วนความหลากหลายทางสังคม ผมว่าไม่ค่อยต่างจากเมืองใหญ่ ๆ ในอเมริกา อย่าง LA และ New York city แต่ชนชาติจะต่างกันนิดนึง อเมริกาจะเป็นคนโซนอเมริกาใต้เยอะ แต่ถ้าอย่างโทรอนโตจะเป็นเอเชียใต้ อินเดีย เนปาล เยอะ

ถ้าเทียบโทรอนโตกับนิวยอร์ค อย่างกฎหมายจะมีกฎหมายที่ทางฝั่งแคนาดามีมากกว่าอเมริกาในทุกรัฐ คือการทำร้ายร่างกาย จะต่างกันมาก คือฝั่งแคนาดาจะห้ามทำร้ายร่างกายกันเลยเด็ดขาด ต่อให้มีโจรมาปล้นเรา เราขัดขืน โจรสามารถฟ้องเรากลับได้ เพราะว่าเขาจะให้สิทธิมนุษยชนค่อนข้างสูง คือ สมมติถ้าโจรมาทำร้ายเรา เราสามารถฟ้องโจรเรื่องนั้นได้ แล้วถ้าเราทำร้ายกลับ เขาก็สามารถฟ้องเรากลับได้เหมือนกัน ไม่ถือว่าเป็นการป้องกันตัว แต่คนที่มีสิทธิกระทำความรุนแรงได้มีแค่ตำรวจเท่านั้นครับ แม้แต่ Security ก็ห้ามแตะตัว เวลามีเหตุอะไรเกิดขึ้น เช่น มีการปล้นเราต้องให้เขาปล้น มีการทำร้าย เราต้องให้เขาทำร้าย ห้ามตอบโต้ อย่างอเมริกาจะขึ้นอยู่กับรัฐ ถ้ารัฐโดยทั่วไป เราสามารถป้องกันตัวได้ระดับนึง หรืออย่าง Taxas ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนรึยัง แต่รัฐนี้อนุญาตให้ประชาชนพกอาวุธได้ ถ้ามีคนมีเจตนาจะทำร้าย เราสามารถตอบโต้กลับจนถึงขั้นที่คนร้ายเสียชีวิตได้ โดยที่เราไม่มีความผิด จะต่างกันเลย อเมริกาจะค่อนข้างหัวรุนแรงนิดนึง เขาจะไม่ค่อยยอมอะไรง่าย ๆ แต่แคนาดาจะยึดถือเรื่องความสงบสุขเป็นหลัก

ส่วนเรื่องการหางาน ตอนนั้นผมอยู่รัฐไอโอวา ผมคิดว่าในอเมริกาค่อนข้างหางานง่ายกว่า เพราะว่าไม่มีการแย่งงาน เขาต้องการคนมาทำงานด้วยซ้ำ แต่ไม่มีคนไปทำงานกับเขา แต่แคนาดาเป็นประเทศที่ต้อนรับชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่ ช่วงแรก ๆ เขาไม่ได้จำกัดจำนวนประชากร ทำให้อัตราของประชากร มีมากกว่าจำนวนงานที่มีพอสมควรเลย เท่าที่จำไม่ผิด ตั้งแต่ปี 2019 ประชากรแคนาดาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเลย ทำให้เกิดการแย่งงานกัน

ส่วนเรื่องที่พัก ผมว่าค่อนข้างใกล้เคียงกันเลย คือ ถ้าเป็นที่พักนอกเมืองจะราคาไม่แพง แต่ที่พักในเมืองจะราคาแพงเหมือนกันเลยครับ ผมรู้สึกว่าราคาไม่ได้ต่างกันมาก แต่ว่าภาษีที่แคนาดาค่อนข้างสูง รัฐ Ontario ภาษีบ้านค่อนข้างสูงเลย มีการเพิ่มขึ้นของราคาบ้านทุกปี เขาเลยต้องขึ้นตาม

แต่อย่างเรื่องสาธารณสุข ของที่แคนาดา ทุกคนต้องมี Health card ทำตามสถานะที่เราเป็น เช่นถ้าเราเป็น PR/ student/ worker เราจะได้สิทธิตามนั้นเลย ราคายาที่นี่ อย่างพาราประมาณ 5-6 CAD/แผง รวมไปถึงทันตกรรมของที่นี่ อุดฟันซี่ละ 400 CAD ถ้าเป็นนักเรียนสามารถเบิกค่ารักษาได้ 80% ของค่าใช้จ่าย ส่วนที่อเมริกาจะคล้าย ๆ กัน คือ เราไม่สามารถเดินดิ่งเข้าโรงพยาบาลไปปรึกษา ขอยาหมอได้นะครับ กรณีเดียวที่จะสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้ คือเราต้องมีใบรับรองแพทย์จากคลินิกที่เขาอนุญาตให้เราเข้า เช่น ถ้าเราอยากหาหมอ จะมีร้านยาที่ซุปเปอร์ให้คำปรึกษาอยู่ ระบบโซนอเมริกาเหนือค่อนข้างยากนิดนึง ไม่ได้สะดวกเหมือนที่ไทย เท่าที่ผมรู้ระบบการรักษาที่ไทยค่อนข้างติดท็อประดับโลกอยู่นะ นี่เป็นอีกปัจจัยนึงที่ต้องวิเคราะห์ก่อนมา ขนาดคนอยู่ที่แคนาดาเวลาจะทำฟันยังต้องกลับไปทำที่ไทย บางคนก็ฝากซื้อยาจากที่ไทยมา เพราะยาบางชนิดไม่มีขายทั่วไป ต้องแพทย์สั่งเท่านั้น

มีข้อคิด คำแนะนำอะไรสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยากมาเรียนต่อหรือมาอยู่แคนาดาบ้างไหม?

วิเคราะห์ดีดี คือผมเห็นหลายเคสทั้งในกลุ่มคนไทยในเฟสบุ๊ค รีวิวหรือบล็อกที่เขาพูดถึงแคนาดาหรือว่าโทรอนโต ว่าชีวิตไม่ได้ดีเหมือนที่ฝัน เพราะว่าหลาย ๆ คนคิดว่ามาแคนาดาจะต้องชีวิตเหมือนคนที่อเมริกาแน่ ๆ อาจจะต่างกันพอสมควรเลยแหละ เพราะว่าที่นี่ โดยเฉพาะโทรอนโตนะครับสามารถพูดได้เลยว่าประชากรร้อยละ 80 ของที่นี่เป็นอินเดีย อาจจะรู้สึกแบบว่าฉันอยู่ที่ไหน 5555 ด้วยความที่โทรอนโตเป็นเมืองแห่งความหลากหลาย วัฒนธรรมจึงหลากหลายมาก อย่างเช่นช่วงหน้าร้อนจะมีอีเวนท์ทุกสัปดาห์เลย รอบเมืองในเมือง ในช่วงศุกร์เสาร์อาทิตย์ จะมีการจัดงานพร้อม ๆ กัน ทุกสัปดาห์ ก็จะเป็นงานของ ฟิลิปปินส์ เม็กซิกัน อินเดีย จีน ไทย อะไรประมาณนี้ครับ ค่อนข้างหลากหลายมาก บางคนอาจจะไม่ได้เตรียมตัวมาเจออะไรแบบนี้ แล้วก็ขอพูดถึงการเอาตัวรอดที่นี่ด้วย แม้ว่าเราจะมีทุนค่อนข้างสูง แต่ค่าครองชีพที่นี่สูงมาก มันจะผลาญค่อนข้างไวมาก ผมเห็นหลายคนเตรียมทุนมาเยอะมาก แต่อยู่ได้แค่ครึ่งปี ก็ต้องหางานทำอยู่ดี ไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้เลย อาจจะต้องคิดตรงนั้นนิดนึง วิเคราะห์ว่าเราไปเมืองไหน เราจะเรียนอะไร เป้าหมายที่เรามาเพื่ออะไร และมันคุ้มไหม เพราะมีอะไรหลายอย่างที่เราต้องแลก ไม่ใช่แค่เวลา แต่มันมีเรื่องเงิน คิดดีดีครับ ไม่อยากให้เสียเวลา เสียเงินฟรี 

รีวิวก้อปันกันให้ฟังได้ไหมคะ อะไรทำให้เลือกใช้บริการของก้อปันกัน?

ผมรู้จักพี่กันต์มาจะสามปีละ ตอนนั้นผมจะไปอเมริกา และหาเอเจนซี่ช่วยจัดการเอกสาร แต่ว่ามาเจอพี่กันต์ จากฟีดแบคของคนรู้จัก ใช้บริการที่นี่ 2 รอบแล้ว ขั้นตอนต่าง ๆ ของก้อปันกันอธิบายละเอียด และเข้าถึงง่าย มีปัญหาอะไรก็สามารถทักแชทไลน์ได้ ติดต่อกันง่าย ๆ และตอบไว ค่อนข้างโปร่งใสครับ และพี่เขาค่อนข้างเชื่อใจเด็ก ให้เด็กอัปเดตข้อมูลเองด้วย เป็นระยะ ๆ ไม่ใช่แค่ฝั่งพี่กันต์ที่ทำเองคนเดียว ทำสลับ ๆ กัน ทำให้มันมีความน่าเชื่อถือสูงครับ

ส่วนเรื่องที่อยากแนะนำเพิ่มเติม คือ ถ้าในมุมมองผมก่อนผมมา ผมไม่รู้จักว่าโทรอนโตเป็นยังไงนะ เลยอยากแนะนำว่า ถ้าเด็กสนใจโปรแกรมไหน เมืองไหน ก็อาจจะเหมือนกับที่เราสัมภาษณ์กันอยู่นี่แหละครับ อาจจะให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมว่า การใช้ชีวิตที่นู่นต้องเจออะไรบ้าง หรือมีอะไรที่ควรกังวลบ้าง เช่น อาจจะบอกว่าเมืองนี้ดี มีอะไรบ้าง และสิ่งที่ควรเก็บไปคิด หรือระวัง มีเรื่องอะไรบ้าง บลา ๆ ให้เขาต้องคิดตัดสินใจนิดนึงครับ ผมรู้สึกว่าถ้ามีข้อมูลทั้งด้านดี และด้านไม่ดีให้กับเขา เขาจะได้ตัดสินใจว่าอยากไปที่ไหนดีกว่ากันครับ

อ่านเกี่ยวกับ Seneca Polytechnic – คลิก

Photo Credits : เฟรม

JOIN OUR UPCOMING EVENTS

ติดต่อขอรับคำปรึกษา

 

เรียนต่อแคนาดา อเมริกา

Line : @korpungun

เรียนภาษาที่ฟิลิปปินส์

Line : @kpglearn

คอร์สออนไลน์ KPG LIVE

Line : @kpglive

TEL: 094-883-8778