รีวิว เรียนหลักสูตร Marketing ที่แคนาดา
กับสถาบัน Seneca โดยคุณจีน
อะไรทำให้ตัดสินใจมาเรียนต่อที่แคนาดา?
คือช่วงนั้นที่จีนไป เป็นช่วงที่เพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน แล้วจีนมีแพลนที่จะเรียนต่อต่างประเทศมาตลอดอยู่แล้วค่ะ ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี ในตัวเลือกเรามีออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา แต่สุดท้ายเราตัดอังกฤษทิ้งเพราะเราอยากได้ประสบการณ์ที่ต่างประเทศมากกว่า 1 ปี เพราะถ้าเราเลือกเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ เราจะใช้เวลาเรียนแค่ 1 ปี ส่วนออสเตรเลีย จากการที่เราค้นหาข้อมูลต่าง ๆ รู้สึกว่า บรรยากาศที่ประเทศนี้น่าจะมีคนไทยเยอะเกินไป เรากลัวว่าการที่เราอยู่รายล้อมในสังคมที่มีคนไทยมากเกินไปเราจะไม่ได้พัฒนาภาษาอังกฤษตัวเองสักเท่าไหร่ เราเลยไม่ได้เลือกออสเตรเลียเป็นตัวเลือกแรก ส่วนอเมริกาค่าเทอมแพงเกินที่เราจะรับได้ เลยมาจบที่แคนาดา เพราะการศึกษาไม่น่าจะต่างจากอเมริกามาก บวกกับคนไทยในแคนาดา ไม่ได้หนาแน่นมาก น่าจะได้ใช้ภาษาอังกฤษจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้น้อยจนไม่มี Thai community จนทำให้เรารู้สึกห่อเหี่ยว
ทำไมถึงเลือกเรียน Marketing ที่ Seneca college
จีนจบปิโตรเลียมมา แต่ทางบ้านมีธุรกิจส่วนตัว แล้วบวกกับงานปิโตรเลียมเราต้องไปอยู่กลางทะเล 6 เดือน กลับมาบ้าน 6 เดือน งานค่อนข้างหนักด้วย เลยไม่ค่อยเหมาะกับผู้หญิงเท่าไหร่ ที่บ้านเลยสนับสนุนให้เรียนต่อทางด้านบริหารธุรกิจ หรือการตลาดค่ะ และเราค้นหาข้อมูลมา Seneca college เป็น 1 ในไม่กี่วิทยาลัยที่มี Thai community บวกกับมีเจ้าหน้าที่เป็นคนไทยคอยช่วยเหลือ ตอนนั้นเขาค่อนข้างดูแลนักเรียนไทยดี จริง ๆ Thai community ช่วยทำให้เราอุ่นใจได้ประมาณนึง บวกกับตอนนั้นคนที่เป็น Regional manager เราเคยทำงานร่วมกับเขาแล้วรู้สึกว่าเขาใส่ใจนักเรียนต่างชาติดี เราก็เลยอุ่นใจ เพราะตอนนั้นมีข่าวเกี่ยวกับนักเรียนต่างชาติ โดนลอยแพเยอะ ไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน ไม่มีงานทำ แต่ของคนไทยค่อนข้างดูแลกันดี จัดกิจกรรมร่วมกันเรื่อย ๆ มี Hang out ให้คำแนะนำเรื่องหางาน หาที่อยู่อาศัย และนักเรียนรุ่นพี่เก่า ๆ แชร์ประสบการณ์เรื่องคอร์สเรียนต่าง ๆ เราค่อนข้างแฮปปี้เลย
การเรียนการสอนในหลักสูตรนี้ได้เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้างคะ?
เราเรียนเป็น Diploma 2 ปี พูดตรง ๆ ว่า เนื้อหามันซ้ำและวน เป็นการสอนพื้นฐานเรื่องการตลาด ส่วนใหญ่จะเป็น Case study แต่ว่าคอร์สตัวที่เรารู้สึกว่าได้ใช้จริง คือ Accounting รู้สึกว่า Accounting ที่ Seneca สอนค่อนข้างดีเลย ตอนนั้นเรายังลังเลเลยว่า จะเปลี่ยนไปเรียน Finance ดีไหม แต่ตัวงานที่เราอยากทำก็ยังไม่ใช่แบบฝั่ง Finance อีกอย่างนึงที่เราแฮปปี้กับการเรียนและคนสอนมาก คือการใช้ Tools ในงาน Marketing เขาสอนใช้ Tableau ที่เป็น tools ที่จำเป็นมาก ๆ ของทางฝั่ง Marketing สอน Excel และอื่น ๆ คือที่นี่ สอนให้นักเรียนนำไปใช้จริงได้ค่อนข้างดี อาจจะไม่ได้เนื้อหาแน่นมากเหมือนเราเรียน university แต่เราสามารถนำไปใช้จริงได้ตอนทำงาน และสามารถมองเห็นภาพรวมได้มากขึ้น
หลังจากเรียนหลักสูตรนี้ แล้วเป็นยังไงบ้าง?
จีนว่าจีนโชคดีที่ตอนเข้าไปเจออาจารย์ที่ดี แต่ตอนช่วงเทอมสองเทอมสาม อาจารย์ไม่ค่อยถูกโฉลกกับเรา สอนไม่ค่อยเข้าใจ คิดว่าเขาอาจจะเป็นอาจารย์ข้างนอกมาสอนเป็นพาร์ทไทม์ เวลาอีเมลไปตอบกลับบ้างไม่ตอบกลับบ้าง แต่เรา Report ได้ทางอีเมล แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะ drop และเอาไปเรียนเทอมหน้าแทน ลักษณะการลงวิชาเรียนจะคล้ายกับที่มหาวิทยาลัยที่ไทยเลยค่ะ มันจะเป็นหน่วยกิตให้เราเก็บ เช่นในเทอมนี้มีวิชาบังคับที่ต้องลงตัวไหนบ้าง วิชาเลือกตัวไหนบ้าง แต่อย่างตัวที่จีน drop ไม่ได้มีตัวต่ออะไร
ส่วนเพื่อนร่วมคลาส จีนค่อนข้างโชคดีที่ได้เจอเพื่อนที่หลากหลาย เป็นประสบการณ์ที่ดีเลยค่ะ มีอาเจนตินา ฝรั่งเศส สเปน โคลอมเบีย จีน ไต้หวัน เม็กซิโก แคนาดา แบบฟังจากเพื่อนคนอื่น ๆ เจออินเดียเยอะมากค่ะ อาจจะขึ้นอยู่กับแคมปัสด้วย ถ้าเรียนที่ SIA /Newnham อาจจะเจออินเดียเยอะ ของเราลง York campus เจออินเดียประปราย และในรุ่นเราเราเป็นคนไทยคนเดียว Seneca มี 5 campus มี Newnham campus ที่เป็นแคมปัสหลักมีทุกคณะเลย แต่ถ้าทางฝั่ง Marketing จะไปอยู่ที่ York เนื่องจาก Seneca college เขาจับมือกับ York university มีใช้ Facility ของทางฝั่ง York ด้วย พวกอาคารเรียนก็ใช้ร่วมกับนักศึกษา York แต่พวกอุปกรณ์เป็นของ Seneca อาจจะมีบางอย่างที่หยิบยืมกันบ้าง
ช่วงอายุเพื่อนร่วมคลาสมีตั้งแต่เด็กอายุ 18-60 ปี ในคลาสมีทั้งงานกลุ่มและงานเดี่ยว จริง ๆ เวลาเราไปลงเรียนคอร์สถัดไป เราสามารถนำชื่ออาจารย์ไปค้นในเว็บไซต์ “ratemyprofessors.com” คือ เขาจะบอกเลยว่าครูท่านนี้เน้นอะไรบ้าง บางคนเน้นสอบอย่างเดียว บางคนเน้นทำงานเดี่ยวหรืองานกลุ่ม เขาจะอิงสถิติจากที่ครูคนนี้ชอบสั่งงาน หรือมีการคิดคะแนนยังไง และจะมีนักเรียนที่เคยเรียนด้วยไปให้คะแนนกัน ซึ่งจีนชอบที่จะสอบล้วนหรือทำงานเดี่ยวมากกว่า เพราะเราทำงาน 2 ที่ คืองานร้านอาหารไทย กับงานทำฟรีแลนซ์ ในสายงาน Marketing เลยไม่ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานกลุ่มบ่อย ๆ และไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย เลยเลือกอาจารย์ที่สอบล้วนหรือสั่งงานเดี่ยวมากกว่า ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตอนลงทะเบียนเรียน อาจจะไม่สามารถเลือกได้ทุกวิชาแต่เราก็ปรับเอาเท่าที่ได้
อยากแนะนำหลักสูตรนี้ต่อให้กับคนอื่น ๆ ไหม ?
ถ้าไม่ได้มีพื้นฐานด้านการตลาดมาเลย แบบเพิ่งจบม.ปลายมา คงไม่แนะนำค่ะ แต่ถ้าคิดว่าตัวเองมีพื้นฐานทางด้าน Marketing หรือ Business มาแล้ว แล้วอยากเปลี่ยนสายงานจีนว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่แย่ อย่างที่สองถ้าคนที่มาลงเป็น Career path อยากมี Degree ที่แคนาดาและอยากหางานต่อที่แคนาดาอันนี้แนะนำ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดี อย่างน้อยจะได้รู้ว่าคนแคนาดาทำงานกันยังไง แต่ถ้าเป็นเด็กมัธยมที่อยากเรียนต่างประเทศแล้วมาเรียน Diploma จีนแนะนำให้ไปลงเป็น Bachelor Degree ดีกว่า ได้เรียน 4 ปี น่าจะได้ประสบการณ์และความรู้ที่แน่นกว่า เพราะ Diploma คือการที่เราต้องออกไปขวนขวายเองข้างนอกค่อนข้างเยอะ โชคดีที่จีนพอมีประสบการณ์การทำงานมาบ้างแม้ว่าจะไม่ได้ตรงสาย และก็เราดิ้นรนบวกโชคดี ตอนที่เราทำ Intern บริษัทที่เราทำงานด้วยเป็น Start-up company เล็ก ๆ คนที่ทำงานด้วยค่อนข้างน่ารักเป็นกันเองมาก เขาสอนงานให้ แต่ตอนนั้นเรารู้ว่าเราไม่มี Canadian experience เลยคิดว่าไปสมัครงานที่ไหนน่าจะไม่ได้แน่ ๆ และด้วยอายุและประสบการณ์การทำงานมันบีบให้เราต้องไปลงเป็น Internship แต่ว่าเราก็เห็นว่ามีคนที่เขามีประสบการณ์การทำงานแน่น ๆ เคยทำงานบริษัทดี ๆ ระดับโลกมาก่อน เขาไม่ต้องไปทำ Internship ก็ได้งานเลยก็มี และก็มีทางบริษัทถูกใจการทำงานก็ออก LMIA letter ให้เลย มันแล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคนเลยค่ะ
Seneca college มีบริการอะไร Support นักเรียนบ้างคะ?
ในแง่ของการเรียน เขามี Tutor แต่เราไม่เคยใช้เลย ส่วนเรื่องงานเขามีเว็บไซต์ที่ช่วยหางาน แต่ว่าเราเข้าไปดูแล้ว มันไม่ได้มีงานที่หลากหลายขนาดนั้น แต่สิ่งที่เราว่ามันน่าจะโอเค และเป็นเรื่องดีที่มหาลัยทำให้คือ Linked-in photoshoot และ Trailer resume แต่ด้วยความที่เรามีประสบการณ์ทำงานมาก่อน เลยไม่ได้จำเป็นต้องใช้เท่าไหร่ นอกจากนี้เขามีประกัน มีกิจกรรมให้ทำ จริง ๆ เราอยากเป็นอีกหนึ่งเสียงที่บอกว่าเขาไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ตรงจุดนึง คือตัวงานและกิจกรรมจะถูกจัดโดย สภานักเรียนของมหาลัยแต่คนที่ได้รับเลือกให้เป็น ส่วนใหญ่เป็นอินเดีย และเลือกพวกเดียวกันเองเข้าไปเป็น ความหลากหลายเป็นศูนย์ มันเลยทำให้กิจกรรมส่วนใหญ่ที่จัดขึ้น ทำเพื่อแค่คนกลุ่มเดียวคือคนอินเดีย ทั้ง ๆ ที่มหาลัยมันมีความหลากหลายมากกว่านั้น
ส่วน Facility อื่น ๆ เขามีให้บริการเหมือนมหาลัยอื่นทั่วไป เช่น ยิม โรงอาหาร รถรับส่ง อันนี้เราได้ใช้บ่อย เพราะที่พักอยู่ใกล้กับ Newnham campus แต่เรียนที่ York campus จริง ๆ ถ้าเดินทางด้วยตัวเองต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง แต่พอมี shuttle bus ใช้เวลาแค่ 20 นาที ก็ถึง York campus แล้วค่ะ เราเดินจากบ้านแค่ 5-10 นาที ก็ถึงที่ขึ้น shuttle bus ที่ Newnham campus เพื่อไปลง York campus แต่รอบเที่ยวรถไม่ได้เยอะนะคะ เราต้องกะเวลาด้วย
ช่วยแชร์ประสบการณ์การหางานและการทำงานที่โทรอนโตได้ไหมคะ?
ตอนนั้นเราหางานจากเฟซบุ๊ค เพจคนไทยในแคนาดา เห็นเขารับสมัครอยู่เป็นงานร้านอาหาร แล้วเราก็ว่างด้วย เลยลองไปสมัครดู ก็เลยได้มา 2 ชิฟ คือวันศุกร์กับวันอาทิตย์เต็มวัน ทำงานร้านอาหาร ใช้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น มีเพื่อน ๆ เยอะขึ้น สังคมร้านอาหารที่นั่นเป็นแบบครอบครัว เป็นประสบการณ์ที่ดีเลย ถ้าอยู่ที่ไทยเราคงไม่ได้ทำ จีนทำงานที่นี่อยู่เกือบ 2 ปี เลย ตั้งแต่ไปแคนาดาใหม่ ๆ บวกกับที่ร้านก็ใกล้บ้านเราด้วย
มีวิธีการหาที่พักที่แคนาดาอย่างไรคะ?
ตอนที่ไปเริ่มแรกเราดูจากกลุ่มเฟซบุ๊ค แต่ด้วยความที่เราไม่ได้เห็นของจริง พออยู่จริงไม่ค่อยโอเค อยู่ได้สองเดือนก็หาที่อยู่ใหม่ คราวนี้พอเราอยู่ที่แคนาดาเราเลยไปดูบ้านของจริงด้วยตัวเองเลยโชคดีรอบนี้ได้บ้านที่ราคาไม่แพงและอยู่ใกล้ที่ทำงานมาก และนั่งรถเมล์ไม่กี่ป้ายก็ถึงที่ทำงาน ก็อยู่ยาวปีนึง จนกระทั่งเพื่อนสนิทอีกคนนึงย้ายมาเรียนต่อที่แคนาดาเลยไปหาเช่าอีกที่ที่เป็น 2 ห้องนอน หาที่พักใน Facebook marketplace เหมือนกัน ใครที่อยู่ที่แคนาดาแล้ว ถ้าหาบ้านแนะนำให้ดูใน Facebook marketplace แต่ถ้าตัวยังไม่ได้อยู่ที่แคนาดาแนะนำให้ เช่า Airbnb ไปเลยสักเดือนหรือสองเดือน และในช่วงระหว่างนั้นก็ดูย่านที่ชอบอยู่ที่ไหน แต่ละคนจะมีไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน ส่วนตัวเราไม่ได้ชอบการอยู่ในดาวน์ทาวน์ เพราะมหาลัยและที่ทำงานไม่ได้อยู่ในเมือง เลยดูแค่เส้น subway สีเหลืองเป็นหลัก และดูแค่การเดินทางสะดวกไหม เพราะเราไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรนึกถึง เพราะว่าอยู่ไทยเราจะชินกับการใช้รถยนต์ในการเดินทาง แต่อยู่ที่แคนาดาเราใช้ subway กับ รถเมล์เป็นหลัก
อีกเรื่องนึงแนะนำให้ดูเรื่องอะพาร์ตเมนต์ดีดี เนื่องจากผนังกำแพงอะพาร์ตเมนต์ที่นี่บางมาก ไม่ค่อยเก็บเสียงและเราต้องไปดูหน้างานจริง บางทีกลางวันย่านที่อยู่อาศัยดูดี ครึกครื้น ไม่เปลี่ยวเลย แต่กลางคืนบางวันก๊งกัญชากันหน้าซอยก็เยอะ น่ากลัว และแนะนำว่าถ้าไปดูบ้านให้ไปดูตอนช่วงเย็นๆ หรือตอนกลางคืนด้วย อีกเรื่องที่อยากแนะนำทุกคนเลยคือ ถ้าเราไม่มีรถยนต์ส่วนตัว และต้องดินทางด้วยรถสาธารณะ ให้ดูระยะทางจากบ้านตัวเองไปถึงป้ายรถเมล์ว่าเป็นระยะทางเท่าไหร่ ถ้าเดินเกิน 10 นาที ถือว่าไกลแล้ว เพราะต้องคำนึงถึงตอนหิมะตก เดิน 5 นาที ก็ทรมานแล้ว ถ้าเดิน 10 นาที จะอยู่ในระยะทางไม่เกิน 1 กม. แต่ก็ถือว่าไกล เราไม่ควรหาบ้านที่อยู่ห่างขนาดนั้น เต็มที่เลย คือห้ามเกิน 700 เมตร จีนถือว่าโชคดีบ้านอยู่ห่างจากป้ายรถเมล์แค่ 5 นาที ถ้าวิ่งหน่อยก็ 3 นาที และราคาหารกับเพื่อน แค่คนละ 1,000 CAD เราได้ 2 ห้องนอน มีห้องกินข้าว ครัว Laundry ห้องน้ำและห้องเก็บของ ทั้งชั้นนั้นเลย แต่เพื่อนจีนก็มีหาอะพาร์ตเมนต์ใหม่ ๆ ได้เหมือนกัน ราคาจะแรงกว่าหน่อย เรทอยู่ที่ 2,300 CAD 1 ห้องนอน ถ้าแชร์กับแฟนหรือเพื่อนก็โอเคอยู่ ส่วนใครตั้งใจจะอยู่ในเมืองโทรอนโต ให้ทำใจไว้เลยว่าค่าที่อยู่แพงมาก คุณควรเตรียมเงินไทย 40,000 บาท ไว้สำหรับค่าที่พักเลย และแพงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี ตอนจีนมาปี 2022 จ่ายค่าบ้าน 900 CAD รวมทุกอย่างแล้ว แต่พอย้ายออกมาหาที่พักใหม่อยู่กับเพื่อนช่วงกลางปี 2023 จ่าย 1,100 CAD แล้ว
เมือง Toronto เป็นยังไง หลังจากอยู่แล้วเมืองนี้มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง?
ขอรีวิวเลยว่า โทรอนโตดูดีแค่ในรูปค่ะ เพราะคงทำการตลาดดีเยี่ยม คือโทรอนโตเป็นเมืองใหญ่จริง แต่แออัด ประชากรหนาแน่น กระจุกตัวอยู่แค่ในดาวน์ทาวน์แต่ชานเมืองเหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่มีอะไรเลย ห้างที่ใหญ่ที่สุดยังเล็กกว่าโลตัสที่ไทย นี่เป็นคนกรุงเทพตั้งแต่กำเนิดเลยค่อนข้างตกใจนิดนึง การคมนาคม BTS ที่ไทยยังทำได้ดีกว่าเลย เราค่อนข้างผิดหวังตรงจุดนี้คิดว่าโทรอนโตจะทำได้ดีกว่านี้ ขนส่งสาธารณะค่อนข้างแย่ แท็กซี่หรือตัวเลือกอื่น ๆ ราคาแพงเกินกว่าที่นักเรียนจะจ่ายไหว แม้กระทั่งคนที่เป็นคนแคนาดาเองยังจ่ายไม่ไหวเลย เรารู้สึกว่าโทรอนโตไม่ใช่ New American ที่จะมาเป็น American dream ให้ใครได้ ถ้าคุณตั้งใจมาหาลู่ทางแบบมีคุณภาพชีวิตที่ดีก็คือฝัน เรารู้สึกว่าอยู่ที่ไทยสบายกว่าอีก แต่ถ้ารู้สึกว่ามาแคนาดาเพราะต้องการการรักษาพยาบาลฟรี เราก็ว่าค่อนข้างคุ้ม เพราะเห็นเพื่อนคนไทยหลายคนมาด้วยเหตุผลนี้ แต่ถ้ามาด้วยเหตุผลอื่นอย่างหางานทำ ตั้งใจเก็บเงินกลับไป คิดว่าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี
ส่วนการใช้ชีวิตที่โทรอนโตเรารู้สึกว่ามันแพง ข้าวของทุกอย่างแพงหมด และการเป็นคนโสดในโทรอนโตแพงมาก เพราะปริมาณอาหารเยอะมาก มันกินไม่หมดคนเดียว ค่าครองชีพแพงมาก แล้วก็ไม่ได้มีสถานที่บันเทิง หรือมีสิ่งบันเทิงเร้าใจอะไรสำหรับเด็กนักศึกษาที่อยากจะสำรวจโลก ผับบาร์ที่นี่เงียบเหงามาก ร้านอาหารอร่อย ๆ ก็ราคาแพง และทุกอย่างปิดเร็วหมด ส่วนกิจกรรมที่เมืองนี้ สำหรับเราทำแค่งานกับเรียนหนังสือ โทรอนโตเราจะถูกบีบด้วยสภาพอากาศ มีเวลาสนุกกับชีวิตแค่ 3 เดือนช่วงซัมเมอร์ มีกิจกรรมให้ทำเยอะเลย ไปเที่ยว ไปพายเรือคะยัก ไปพิพิธภัณฑ์ นั่งสวน Road trip แต่หลังจากนั้นโทรอนโตหนาวมาก จนไม่สามารถทำอะไรได้เลย แค่เดินออกไปก็เจ็บหูแล้ว อุณหภูมิต่ำสุด -35 องศา แต่ใครตื่นเต้นกับ กีฬาฤดูหนาวก็อาจจะชอบสกี เป็นเมืองที่เล่นสกีได้สนุก หรือเล่นสเก็ตน้ำแข็ง เราก็มีไปเล่นกับเพื่อนบ้างค่ะ
แต่ใดใดจีนประทับใจคนนะ โดยเฉพาะคนไทยที่เจอที่นี่ ในรุ่นเดียวกัน กลายเป็นว่าสนิทกับเพื่อน ๆ ได้ค่อนข้างเร็วเนื่องจากประสบการณ์ชีวิตและสิ่งที่ต้องเผชิญร่วมกัน รู้สึกว่าการลงทุนมาแคนาดา เราคุ้มที่ได้เจอเพื่อน ๆ เจอคนที่นี่ และงานที่เราไปทำ มันน่าจะเป็นข้อดีที่เรารู้สึกว่า เราอยู่ต่อได้ถ้าต้องกลับไปอยู่ต่อแล้วมีคนพวกนี้อยู่เราก็อยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีเพื่อน ๆ แล้วเริ่มใหม่ทั้งหมด ก็คงไม่ไป อีกอย่างที่ดีที่นี่ คือ คุณภาพอากาศที่แคนาดาดีมาก ๆ เราเคยเป็นภูมิแพ้มาก่อนที่ไทย ไปอยู่ที่นู่นเราไม่เคยแกะยาแก้แพ้กินสักเม็ดเลย เพื่อนเราเป็นหอบหืด ไปอยู่แคนาดา หายเลย เพราะอากาศดีมาก และเรื่องพื้นที่สีเขียวในที่สาธารณะ แคนาดาทำได้ดีมาก ๆ อยากให้ที่ไทยทำได้บ้าง นอกจากนี้การออกไปนอกบ้านเพื่อนพบปะเพื่อน ๆ เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินสักบาท สามารถเข้าห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ฟรี แค่โชว์บัตรนักเรียน แต่อย่างที่ไทยออกจากบ้านทีก็เสียเงินแล้ว
สุดท้ายแคนาดาให้ความสำคัญกับการให้การรักษาเด็กมาก ๆ ไม่เคยมีเด็กคนไหนในโทรอนโตรวมไปถึงเด็กต่างชาติไม่ได้รับการรักษา เขาจะให้อภิสิทธิ์เด็กในการเข้ารับการรักษากับแพทย์ที่ดีที่สุดและเร็วที่สุด แบบลูกสาวเพื่อนเรารอดตายจากลูคีเมีย เพราะ SickKids ที่เป็นโรงพยาบาลรักษาเด็ก น่าจะติดอันดับโลกด้วยนะ เขามีองค์กรไม่แสวงหาผลประโยชน์บริหารอยู่เบื้องหลังด้วย บริหารได้ดีมากเลย สุดท้ายแล้วถ้าเรื่อง Health care ในฝั่งอเมริกา มันจะห่วยในเรื่องของการเข้าคิวก็จริง แต่ตัวยา การทดลอง งานวิจัยต้องยอมรับเขาจริง ๆ อย่างที่ไทยยังตามหลังอยู่ค่ะ ยาสำหรับโรคร้ายแรง เขามีรองรับมากพอ แต่ถ้าป่วยธรรมดาทั่วไป ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดค่ะ รอหมอนานมาก แนะนำว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล ถ้าไม่สบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เดินเข้าไปปรึกษาเภสัชในร้านขายยาได้เลย ถ้าทำประกันไว้ บางที่ก็ไม่ต้องจ่ายเงินค่ายาเลยมันครอบคลุมค่าใช้จ่ายหมดแล้ว แต่บางที่ต้องจ่ายเองก่อนแล้วนำใบเสร็จไปเบิกเองทีหลัง
ก่อนมาแคนาดามีข้อกังวลอะไรบ้างไหม และมีวิธีการรับมือและแก้ไขปัญหายังไง
กังวลเรื่องอากาศหนาว เพราะว่าตัวเองเป็นคนขี้หนาว เปิดดูมาแล้วว่ามันจะหนาว – 30 องศา ก็เลยเตรียมเสื้อกันหนาวมาเยอะมากจากที่ไทย ปรากฏว่าใช้ไม่ได้เลยสักตัว เอาไม่อยู่ ต้องไปซื้อใหม่ที่แคนาดา
มีข้อคิด คำแนะนำอะไรสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยากมาเรียนต่อหรือมาอยู่แคนาดาบ้างไหม?
ถ้าใครอยากมาเรียนหนังสือ อยากให้ตั้งเป้าหมายว่ามาเรียนหนังสือ แต่ถ้าใครตั้งไว้ว่ามาเรียนหนังสือและอยากได้ PR จีนอยากให้มาลองมาเรียนมาใช้ชีวิตที่นี่ดูก่อน เพราะสิ่งที่คนอื่นบอกว่าเรียน 2 ปี ทำงาน 3 ปี แล้วสมัคร PR ได้เลย ไม่ใช่ทุกคนจะได้ มันไม่ใช่การลงทุนที่ลงทุนไปแล้วทุกคนจะได้รับสิ่งที่ต้องการแน่ ๆ มันขึ้นอยู่กับสายงานของแต่ละคนด้วย และอย่าเชื่อข้อมูลเก่า ๆ ให้อัปเดตข้อมูลตลอด เพราะรัฐบาลที่นี่เปลี่ยนนโยบายทุกปี ต้องเรียนในสายงานที่ประเทศเขาต้องการ อาชีพที่เขาต้องการ คือแรงงานใน Tier 1 ก่อน ถึงจะได้งาน อยากให้ใจเย็น ๆ อาจจะลองมาเรียนภาษาดูก่อนก็ได้ จีนว่า PR ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะจีนอาจจะไม่ได้อยากได้ PR ตั้งแต่แรก แต่ถ้าอยากมาทำงานเก็บเงิน จีนรู้สึกว่าโทรอนโตอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่ เพราะค่าครองชีพค่อนข้างสูง แต่ถ้าอยากมาเอาประสบการณ์ชีวิต อยากมาทำงานที่โทรอนโตเพราะมีประสบการณ์ทำงานมาบ้างแล้ว โทรอนโตก็เป็นตัวเลือกที่ดี ลองยื่นเรซูเม่ใน Linked-in ก่อนก็ได้เผื่อได้ offer งานเลย แบบไม่ต้องมาลงเรียนอะไร เพราะวีซ่านักเรียนก็จำกัดชั่วโมงการทำงานอยู่ดี หรือคิดว่าจะเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยเพื่อส่งตัวเองเรียน คิดว่าไม่พอแน่นอนค่ะ
ตอนนี้กลับมาทำงานประจำอยู่ที่ไทย ตำแหน่งงานที่ได้ ทำเกี่ยวกับอะไรคะ?
จีนทำเป็น Campaign Manager ที่บริษัทแห่งหนึ่งค่ะ คอยดูแลแคมเปญ โปรโมชั่น หน้าเว็บไซต์ ทุกอย่างที่โชว์ในหน้าเว็บไซต์ หรือในแอปพลิเคชัน ต้องผ่านการตรวจสอบจากเราก่อน สินค้าอะไรบ้างโปรโมชันอะไรบ้าง ที่ทีมการตลาดเขาทำออกมา โดยเฉพาะวันแคมเปญ 7.7 หรือ 8.8 คนที่คอยติดตาม performance ก็คือเรา และสุดท้ายคนที่จะอนุมัติว่าแคมเปญหรือสินค้าตัวไหนจะถูกไปโชว์อยู่บนหน้าเว็บไซต์ครั้งต่อไปก็เป็นเราเหมือนกัน ว่าง่าย ๆ เราเป็นคนคอยดูภาพรวมของตัวเว็บไซต์และแอปพลิเคชันค่ะ
คิดว่าการจบการตลาดจากแคนาดา มีส่วนสำคัญที่ทำให้เราได้งานนี้ไหม?
คิดว่าการเรียนจบจากต่างประเทศ มีผลแค่ประมาณนึง แต่หลัก ๆ คิดว่าเป็นเพราะเขาเห็นว่าเรามีประสบการณ์ในการทำงานที่แคนาดา เพราะตอนที่เราอยู่แคนาดาได้ทำ Internship และงานประจำ ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับงานที่เราทำอยู่ ณ ปัจจุบันโดยตรง แต่ว่าประสบการณ์การทำงานต่างประเทศของเรา น่าจะมีมุมมองหรืออะไรใหม่ ๆ ที่เขาอาจจะอยากให้เราช่วยและบวกกับประสบการณ์การใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศทำให้เราได้เคยสัมผัสการใช้งานแอปพลิเคชันตัวอื่น ๆ เราอาจจะสามารถนำมาใช้กับงานที่ทำอยู่ค่ะ
รีวิวก้อปันกันให้ฟังได้ไหมคะ อะไรทำให้เลือกใช้บริการของก้อปันกัน?
จีนเห็นพี่กันต์ใน Tiktok เลยแอดไลน์ไป และทักที่อื่น ๆ ไปด้วย แต่เอเจนซี่หลาย ๆ ที่เขาแค่ส่งเอกสารมาให้อ่าน แต่ไม่ได้แนะนำอะไรเลย เวลาถามอะไร KPG ไป ค่อนข้างได้ข้อมูลเชิงลึกดี เราเลยเลือกเจ้านี้ละกัน น่าจะอุ่นใจดี พี่กันต์และทีมงานให้ความช่วยเหลือดี คอยติดตาม ช่วยทำเอกสารให้ ทุกอย่างค่อนข้างราบรื่นดี อย่างเพื่อนจีนที่มา จีนก็แนะนำให้ใช้ของ KPG เราว่าภาพรวม KPG ทำได้ค่อนข้างดีเลยนะ ค่อนข้างประทับใจ เพราะจีนทำงานให้ทางมหาลัยด้วยเรื่องเกี่ยวกับเอเจนซี่และได้ยินเรื่องนักเรียนโดนเอเจนซี่ลอยแพค่อน
ข้างเยอะ คิดค่าบริการแพงมาก คือ KPG ไม่ได้คิดค่าบริการด้วยซ้ำ คิดแค่มัดจำแต่สุดท้ายก็ให้คืน และดูแลนักเรียนดีมาก ตอนจีนอยู่ที่นู่นก็มีโอกาสได้เจอพี่กันต์ตอนพี่มาเยี่ยมที่โทรอนโต